บทที่ 43 ไร้เหตุผล
อวี้ฮ่าวหรานนั่งอยู่บนม้านั่งพลางมองท้องฟ้าสีครามด้วยความสบายใจ
ในที่สุดความฝันของเขาตอนนี้ก็เป็นจริงมาเกินครึ่ง เหลืออีกแค่อย่างเดียวก็คือเขาต้องไปพาตัวหลี่เม่ยภรรยาของเขากลับมา
รอให้ความแข็งแกร่งของเขาฟื้นฟูขึ้นมาอีกสักหน่อยเขาจะออกไปตามหาภรรยาของเขา และเมื่อได้เธอกลับมาทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบ
ในขณะที่อวี้ฮ่าวหรานกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของถวนถวนในระยะไม่ไกลมากนัก
อวี้ฮ่าวหรานลุกขึ้นทันที และวิ่งไปยังที่มาของเสียงด้วยสีหน้าเดือดดาล!
เมื่อวิ่งไปถึงจุดเกิดเหตุอวี้ฮ่าวหรานก็เห็นว่าตอนนี้ถวนถวนกำลังนั่งร้องไห้อยู่กับพื้น โดยที่หลี่หรงกำลังจะอุ้มเธอขึ้นมาปลอบ
“เกิดอะไรขึ้น?” อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วถามหลี่หรง
“เฮ้อ ฉันเองก็ไม่ทันได้ระวัง เผอิญว่าเมื่อกี้เด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนนั้นกระโดดเข้ามาแซงแถวตรงหน้าถวนถวน ถวนถวนก็เลยไม่ยอม ยื้อยุดกันจนสุดท้ายถวนถวนก็ล้มลงและร้องไห้ มันเป็นเรื่องของเด็กทะเลาะกันนิดหน่อยน่ะพี่” หลี่หรงตอบกลับพร้อมกับส่งสายตามองไปที่เด็กคู่กรณีเพื่อให้อวี้ฮ่าวหรานรู้ว่าเป็นคนไหน
“หึ ก็เธอเดินช้าเอง แถมเธอผลักผมก่อนนี่ เธอสมควรโดนแล้ว!”
เด็กผู้ชายคู่กรณีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ไม่มีท่าทีสำนึกผิดแม้แต่น้อย
เมื่อเด็กชายพูดคำนี้ออกมาถวนถวนก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม เธอเสียใจที่ฝั่งตรงข้ามพูดโกหกแล้วโยนความผิดให้เธอ
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานก็ไม่พอใจเช่นกันเมื่อได้ยินเด็กคู่กรณีพูดจาไร้สำนึกออกมาแบบนี้
ไอ้เด็กเวรนี่พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนหรือไงกัน?
จากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็ไปอุ้มถวนถวนออกมาจากอกของหลี่หรง และปลอบด้วยตัวเอง “โอ๋ โอ๋ ไม่เป็นไรนะลูก เดี๋ยวพวกเรากลับบ้านกันดีกว่า ขากลับเดี๋ยวพ่อจะแวะซื้อไอศกรีมที่ใหญ่ยักษ์ที่สุดให้ลูกกินโอเคไหม?”
“ฮือ…พ่อจ๋า…ฮือ…ค..คุณครูเคยบอกไว้ว่าการแซงคิวมันผิดนี่นา…ฮือ…พวกเราไม่ควรยอมให้ใครแซงคิวของเรา…ฮือ…”
เมื่ออยู่ในอ้อมอกพ่อของเธอ ถวนถวนก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว เธอซุกหน้าไปที่หน้าอกของอวี้ฮ่าวหราน และพูดขึ้นด้วยอาการสะอึกสะอื้น
“นี่นังเด็กปากเสีย ลูกชายของฉันไม่ได้แซงคิวสักหน่อย พูดจาให้มันระวังปากหน่อยนะ!”
จู่ ๆ เสียงเล็กแหลมของผู้หญิงก็ดังขึ้นไม่ไกลจากอวี้ฮ่าวหราน
อวี้ฮ่าวหรานหันไปมองทันที ซึ่งคนที่พูดก็คือแม่ของเด็กชายคู่กรณี ตอนนี้เธอกำลังมองถวนถวนด้วยสายตารังเกียจ
หลี่หรงโมโหจนหน้าแดงทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้
“นี่คุณพูดให้มันดี ๆ หน่อย ฝั่งคุณต่างหากที่ผิด คุณสอนลูกชายยังไงให้แซงคิวชาวบ้านเขาแบบนี้ คุณควรรีบให้ลูกชายคุณขอโทษถวนถวนเดี๋ยวนี้เลย!”
“ฮ่า! ให้ลูกของฉันขอโทษงั้นเหรอ? นี่เธอล้อเล่นหรือเปล่า ฉันบอกแล้วไงว่าลูกชายของฉันไม่ได้ทำผิดอะไร เขาก็แค่วิ่งไปหลบแดดข้างหน้าตรงนั้นเอง มันเป็นเด็กของเธอต่างหากที่มาหาเรื่องลูกชายฉัน แล้วเธอเป็นบ้าอะไรอยู่ดี ๆ มาหาเรื่องเด็ก ชิ เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่า หน้าไม่อาย!”
เสียงแม่ของเด็กชายคู่กรณีที่เล็กแหลมมันดังลั่นจนตอนนี้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เริ่มให้ความสนใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่แม่คนนี้เอ่ยออกมาพวกเขาต่างก็ขมวดคิ้ว
ลูกใคร ๆ ก็รักอันนี้เป็นเรื่องจริง
แต่เหตุผลที่ลูกตัวเองกลัวแดดก็เลยวิ่งไปหลบแดดในแถวแทรกหน้าแถวเด็กผู้หญิงจนฝั่งตรงข้ามต้องโดนแดดแทนแถมยังผลักผู้หญิงล้มลงแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน?
“นี่คุณ! คนอย่างคุณเป็นแม่คนได้ยัง…”
ยังไม่ทันที่หลี่หรงจะพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็มารั้งเธอไว้และพูดว่า “ช่างเถอะ ๆ วันนี้เราออกมาหาความสุขกัน พวกเราไม่จำเป็นต้องไปมีเรื่องอะไรกับคนพรรค์นี้”
เมื่ออวี้ฮ่าวหรานเห็นว่าถวนถวนไม่เป็นอะไรเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้นเขาจึงห้ามหลี่หรงเอาไว้ไม่ให้เถียงกับคนแบบนี้ต่อไป เพราะมันจะทำให้เสียบรรยากาศวันดี ๆ เปล่า ๆ
“เฮ้ นายเรียกฉันว่ายังไงนะ? นายหาว่าฉันเป็นคนไม่ดีงั้นเหรอ? มันเป็นลูกนายต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดมาขวางทางลูกของฉันเอง จำเอาไว้ซะด้วย!”
แม่ของเด็กคู่กรณีที่อารมณ์ร้อนอยู่แล้วเมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน เธอก็ยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเดิม
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ให้ค่าอะไรกับคนพรรค์นี้ ดังนั้นเขาจึงทำเป็นหูทวนลม และอุ้มถวนถวนเดินออกมา
และอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาเดินจากมาก็เพราะถึงแม้ว่าคู่แม่ลูกคู่นี้จะน่ารังเกียจ แต่ถวนถวนก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงคิดว่ามันคงไม่เหมาะเท่าไหร่หากเขาจะลงมือทำอะไรรุนแรง
“แกจะไปไหน หยุดเดี๋ยวนี้เลย! กล้าดียังไงถึงมารังแกลูกชายฉันแบบนี้!”
จู่ ๆ ก็มีอีกเสียงหนึ่งซึ่งเป็นเสียงของผู้ชายดังขึ้นรั้งอวี้ฮ่าวหรานที่กำลังจะเดินจากไปเอาไว้
อวี้ฮ่าวหรานหันกลับไปมองทันที ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่าคนพูดเป็นผู้ชายอายุราว 30 ต้น ๆ ตัดผมรองทรง รูปร่างไม่ใหญ่มากแต่มีกล้ามเป็นมัด ๆ ใส่เสื้อกล้ามสีขาวมีสร้อยทองเส้นใหญ่เท่านิ้ว 2 เส้นคล้องอยู่ที่คอ การแต่งกายของเขาเหมือนพวกหัวหน้าแก๊งนักเลงอะไรประมาณนั้น
เมื่อเห็นเช่นนี้อวี้ฮ่าวหรานก็รู้แล้วว่าทำไมครอบครัวนี้ถึงได้กร่างนัก
“ใช่ จะรีบไปไหน ลูกของฉันโดนผลัก พวกแกต้องชดใช้มาก่อนถึงจะไปได้!” แม่ของเด็กชายเมื่อเห็นว่าสามีของตัวเองมาแล้วก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นกว่าเดิม
บรรดาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เมื่อเห็นการกระทำของ 3 พ่อแม่ลูกนี้แล้วพวกเขาก็เข้าใจเช่นกันว่าไม่แปลกเลยที่ลูกชายจะมีสันดานเป็นแบบนั้น ที่แท้คนเป็นพ่อแม่กลับเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่ลูกนี่เอง
“เฮ้ย! ฉันพูดกับแกอยู่นะ เป็นใบ้หรือไงวะ? ลูกชายของฉันโดนลูกแกรังแก แกจะชดใช้ยังไง?” พ่อของเด็กชายคู่กรณีตะโกนไปหาอวี้ฮ่าวหรานอีกรอบ
เมื่อเห็นเช่นนี้หลี่หรงก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ ดูเหมือนว่าวันนี้พี่เขยของเธอคงได้แสดงฝีมืออีกแล้วใช่ไหม ในเมื่อฝั่งตรงข้ามไร้เหตุผลเกินขีดจำกัดขนาดนี้?
อย่างไรก็ตามที่นี่มันคือสวนสนุก พวกเขามาเพื่อหาความสุข ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้มันมีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น เธอจึงพูดสวนออกไป “นี่คุณคะ คุณช่วยมีเหตุผลสักหน่อยจะได้ไหม! เมื่อกี้ทุกคนรอบ ๆ เห็นอยู่ว่าเป็นลูกชายของคุณที่จู่ ๆ ก็กระโดดเข้ามาแซงคิว แถมสุดท้ายยังผลักหลานฉันล้มลงอีกต่างหาก จริง ๆ มันควรจะเป็นฝั่งเราด้วยซ้ำที่ควรจะเรียกร้องค่าเสียหายแต่พวกเรายังไม่ทำเลย!”
“แล้วไง? ลูกชายของฉันแซงคิวแล้วมันยังไง? ลูกชายของฉันคนนี้จะแซงคิวใครที่ไหนก็ได้โว้ย พวกแกเป็นคนธรรมดาไม่มีสิทธิ์มาเถียงอะไรทั้งนั้น!”
คำพูดนี้ของพ่อเด็กชายฉีกกฎสามัญสำนึกทั้งหมดที่คนในยุคปัจจุบันควรมีทันที
หลี่หรงเมื่อได้ยินเช่นนี้เธอหัวเราะด้วยความโกรธ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวันดี ๆ ของเธอจะถูกทำลายลงด้วยคนไร้เหตุผลแบบนี้
“สรุปคือลูกชายของตัวเองทำอะไรก็ไม่ผิดสินะ? ลูกของคนอื่นจะเป็นจะตายยังไงก็ช่าง ขอแค่ให้ลูกของตัวเองสบายไว้ก่อน เหอะ ๆ คุณนี่มันโคตรไร้ยางอายเลย คนอย่างคุณนี่มันไม่สมควรจะมีลูกเลยจริง ๆ อนาคตต่อไปลูกของคุณก็คงมีสันดานแย่ ๆ ไม่ต่างจากคุณ นี่มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากสำหรับโลกนี้!” หลี่หรงตะโกนขึ้นด้วยความโมโห
บรรดาผู้คนรอบ ๆ ที่ได้ยินประโยคนี้ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ ไอ้ครอบครัวนี้มันสันดานแย่ทั้งครอบครัวเลย!”
“ฉันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด! ไอ้เด็กผู้ชายสันดานเสียคนนั้นกระโดดเข้ามาแซงคิว แถมยังผลักเด็กผู้หญิงล้มลงไปอีก เป็นเด็กเป็นเล็กแต่ทำตัวโคตรน่ารังเกียจเลย!”
“…”
ภายใต้การถูกรุมด่า พ่อของเด็กชายไม่ได้สนใจลมปากของผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เขาเดินเข้าไปจับแขนของอวี้ฮ่าวหราน เอาไว้และตวาดว่า “เฮ้ย ไม่ว่ายังไงวันนี้แกก็ต้องจ่ายค่าเสียหายมา ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะจากไปได้!”
เมื่อโดนฝั่งตรงข้ามจับมือ แววตาของอวี้ฮ่าวหรานเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
“มดแมลงบังอาจแตะต้องตัวข้างั้นเหรอ!”
เมื่อพูดจบอวี้ฮ่าวหรานก็ถีบเข้าไปที่หัวเข่าของฝั่งตรงข้ามทันที
“กร๊อบ!!”
“อ๊าก!!”
พ่อของเด็กชายทรุดลงไปด้วยความเจ็บปวด
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานหันไปคุยกับถวนถวนว่า “ถวนถวน เมื่อครู่ลูกทำถูกต้องแล้วที่ไม่ยอมให้ใครแซงคิว เอาล่ะ ตอนนี้ถวนถวนดูนะว่าพ่อจะสั่งสอนไอ้ครอบครัวเลว ๆ แบบนี้ยังไง”
เมื่อเห็นว่าถวนถวนพยักหน้ารับ อวี้ฮ่าวหรานก็เดินไปหาหลี่หรงและส่งถวนถวนให้หลี่หรงอุ้มไปก่อน จากนั้นเขาเดินกลับมาหาพ่อของเด็กชายที่กำลังนอนร้องโอดโอย
“แกอยากให้ฉันชดใช้งั้นเหรอ? ได้!”
เมื่อพูดจบอวี้ฮ่าวหรานตบไปที่ปากของฝั่งตรงข้ามจนฟันหลุดไปหลายซี่
“อั่ก!!”
“ด…เดี๋ยว…ฉ..ฉัน…”
“เพียะ เพียะ เพียะ!!”
อวี้ฮ่าวหรานตบฝั่งตรงข้ามจนฟันหลุดแทบหมดปาก จากนั้นเขาก็จิกหัวฝั่งตรงข้ามและลากร่างไปหาเด็กชายคู่กรณีและคนที่เป็นแม่ ซึ่งกำลังสั่นด้วยความหวาดกลัว
“ฉันยอมแล้ว ฉันยอมแล้ว ฉันผิดเอง ๆ พี่ชายปล่อยฉันไปเถอะ!!” ในระหว่างที่ถูกลากไป พ่อของเด็กชายเอ่ยปากอ้อนวอนไม่เหลือความกร่างเมื่อครู่แม้แต่น้อย
เมื่อลากร่างพ่อของเด็กชายมาใกล้ ๆ เด็กคู่กรณี อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ไอ้หนู แกดูเอาไว้นะว่าในอนาคตหากแกเป็นแบบพ่อของแก แกจะต้องเจอกับอะไร!”
เมื่อพูดจบอวี้ฮ่าวหรานก็โยนร่างพ่อของเด็กชายใส่แม่ของเด็กจนล้มไปด้วยกันทั้งคู่
แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้โยนแรงอะไร เขาแค่ต้องการสร้างความอับอายให้กับคู่ผัวเมียคู่นี้เพื่อเป็นการสั่งสอนเท่านั้น