บทที่ 52 พบอู๋หมิ่นอีกครั้ง
หลี่หรงรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินแบบนี้
จากนั้นเธอยื่นจานที่เต็มไปด้วยแอปเปิลที่ถูกปอกแล้วให้กับอวี้ฮ่าวหราน
“ฉันปอกให้เพื่อเป็นรางวัลที่พี่ดูแลพวกฉันมาตลอด แต่ว่า พี่ช่วยออกไปซื้ออาหารข้างนอกมาให้ฉันกินหน่อยจะได้ไหม อาหาร ที่โรงพยาบาลรสชาติแย่มาก ๆ เลยฉันเริ่มทนพวกมัน ไม่ไหวแล้ว”
หลี่หรงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าคาดหวัง เธอทนไม่ไหวแล้วกับการกินอาหารของโรงพยาบาลติดต่อกันหลายวัน
“ได้เดี๋ยวพี่ออกไปซื้อ แต่แอปเปิลเธอกินเองเถอะ พี่กินข้าวมาแล้วก่อนที่จะมาที่นี่”
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มให้กับหลี่หรง จากนั้นเขาเหลือบมองไปที่ ถวนถวนด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องเพื่อไปหาอะไรให้หลี่หรงกิน
แต่แล้วในเวลาเดียวกับที่เขาเดินพ้นประตูโรงพยาบาล รถ SUV คันใหญ่สีดำ 4 คันก็ขับมาจอดตรงหน้าเขาอย่างกะทันหัน ตามมาด้วยกลุ่มชายสวมชุดสูทสีดำนับสิบคนเปิดประตูลงจากรถและเดินเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหราน
“คุณอวี้ โปรดมากับพวกเรา ประธานอู๋ต้องการพบคุณ พวกเรา ถูกส่งมาเพื่อให้มารับคุณไปที่คฤหาสน์ของท่านประธานอู๋”
คนที่พูดเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาดุดัน ท่าทีของเขานั้นดูเหมือนพยายามจะข่มขู่อวี้ฮ่าวหรานเล็กน้อย
การถูกเชิญแบบนี้หากเป็นคนธรรมดาย่อมไม่มีทางกล้าปฏิเสธแน่นอน
แต่อวี้ฮ่าวหรานนั้นใช่คนธรรมดาซะเมื่อไหร่?
ในสายตาของเขา การข่มขู่แค่นี้มันเหมือนเด็กอนุบาลกำลังชูกำปั้นท้าเขาต่อย
“เขาอยากพบกับฉันงั้นเหรอ? ก็ได้งั้นให้เขาเดินทางมาหาฉันเอง ฉันไม่ว่างพอจะไปบ้านของเขาหรอก”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่แยแส ถึงแม้ว่ากลุ่มคนในชุดสูทพวกนี้จะดูขึงขัง แต่ถ้าหากลงมือกันขึ้นมาจริง ๆ แค่เพียงพริบตาเดียวเขาก็อัดคนเหล่านี้จนหมอบได้หมด
อย่างไรก็ตาม ทางด้านของฝั่งคนของตระกูลอู๋ก็เตรียมตัวมาเช่นกัน เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานปฏิเสธ หนึ่งในชายชุดสูทก็เดินเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างกับอวี้ฮ่าวหราน
ประโยคที่เขากระซิบนั้นเป็นการข่มขู่แน่นอน แต่อวี้ฮ่าวหราน ไม่ได้ใส่ใจอะไรในประเด็นนั้น ทว่ามันมีอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ อวี้ฮ่าวหรานฟังแล้วขมวดคิ้ว
“คุณอวี้ เชิญ!”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ฝั่งตรงข้ามกระซิบบอกและเมื่อได้รับคำเชิญให้ขึ้นรถอีกรอบ รอบนี้อวี้ฮ่าวหรานขึ้นรถแต่โดยดี
ไม่นานต่อมารถทั้ง 4 คนก็ไปจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ดูหรูหรา
บรรดาบอดี้การ์ดเกือบ 30 คนที่กระจายอยู่ประจำทั่วบริเวณหน้าคฤหาสน์ต่างมองไปที่อวี้ฮ่าวหราน ราวกับว่าพวกเขามองคนที่ตายไปแล้ว
จากนั้นเมื่อประตูคฤหาสน์เปิดออก อวี้ฮ่าวหรานก็ค่อย ๆ เดินเข้าไป
เมื่อเข้าไปด้านใน อวี้ฮ่าวหรานพบว่าที่ห้องโถงของคฤหาสน์ เหมือนถูกจัดใหม่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ มันมีพรมแดงปูยาวไปจนสุดอีกฝั่งของห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งสองฝั่งของพรมแดงนั้นมีบอดี้การ์ดอีกราว 20 คนยืนตั้งแถวสองฝ่ายเรียงรายเป็นระเบียบ และที่ปลายพรมนั้น มีอู๋หมิ่นกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวโตที่แกะเป็นลวดลายสวยงาม
หลังจากกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อวี้ฮ่าวหรานก็ประหลาดใจเล็กน้อยเพราะตอนนี้อู๋เส้าฮัวกลับไม่อยู่ที่นี่
ในทางกลับกันเมื่อเห็นสีหน้าสงบนิ่งของอวี้ฮ่าวหราน อู๋หมิ่นก็รู้สึกอึดอัดใจ
ไอ้เวรนี่มันไม่กลัวเลยหรือไง?
หากเป็นคนธรรมดาถ้าได้มาเจอการจัดฉากแบบนี้ของเขา ป่านนี้ต้องคุกเข่าลงไปร้องขอความเมตตาไปแล้ว แต่ไอ้นี่กลับมองไป รอบ ๆ เฉย ๆ ซะงั้น
“อู๋หมิ่น ฉันได้ยินว่าแกมีข้อมูลขององค์กรอสรพิษไม่ใช่เหรอ บอกมาสักทีแบบนี้มันเสียเวลา” อวี้ฮ่าวหรานถามขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปหาอู๋หมิ่นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
นี่เป็นเหตุผลที่อวี้ฮ่าวหรานยอมมาที่นี่ ชายชุดสูทที่กระซิบข้างหูของเขาบอกว่าอู๋หมิ่นนั้นมีข้อมูลขององค์กรอสรพิษ ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงยอมมาที่นี่แต่โดยดี แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ว่าจะเป็นกับดักก็ตาม
แต่คนอย่างเขาจะต้องไปกลัวอะไร? ต่อให้เป็นกับดักจริง ๆ เขาก็ทำลายได้หมด ไม่ว่ายังไงเขาไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะได้รู้ข้อมูล ขององค์กรอสรพิษแน่นอน “องค์กรอสรพิษ? ฮ่าฮ่าฮ่า นี่แกเชื่อฉันจริง ๆ งั้นเหรอ? แกนี่มันโง่จริง ๆ ฉันพูดไปลอย ๆ แค่นี้ก็เชื่อฉันแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
อู๋หมิ่นหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ
“ขยะก็คือขยะวันยังค่ำจริง ๆ ต่อให้แกจะต่อยตีเก่งหรือมีเส้นสายแล้วยังไง? ถ้าแกยังโง่อยู่แบบนี้แกก็ไม่มีทางรอดไปจากมือของฉัน ได้หรอก!”
วันนี้เขาตั้งใจเป็นอย่างมากว่าจะต้องฆ่าอวี้ฮ่าวหรานให้ได้
“ก่อนหน้านี้ที่แกทำลายแผนการของฉันที่จะทำลายบริษัทชงซาน ฉันวางแผนเอาไว้ว่าจะคิดบัญชีกับแกทีหลัง แต่ต่อมาแกกลับมาทำร้ายร่างกายลูกชายของฉันอีก เรื่องนี้ฉันยอมไม่ได้!”
“วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ตายตรงนี้นี่แหละ!”
ในวันนั้น อู๋หมิ่นยังจำได้ไม่ลืมเลือน วันที่ลูกชายของเขากลับมาพร้อมกับสภาพแขนหักละเอียด ตั้งแต่วันนั้นเขาตั้งมั่นเอาไว้อย่าง แรงกล้า ไม่ว่าจะยังไงเขาต้องฆ่าอวี้ฮ่าวหรานให้ได้ “มีสิ่งมีชีวิตมากมายเกินกว่าที่มดแมลงอย่างแกจะจินตนาการ ได้ที่อยากจะฆ่าฉัน แต่ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่มถึงปัจจุบันนี้ แกนี่ช่างฝันจริง ๆ ถึงคิดว่าจะทำอะไรฉันได้!”
อวี้ฮ่าวหรานยังคงสงบนิ่งอยู่ตลอดเวลา ในสายตาของเขาพวกบอดี้การ์ดหลายสิบคนในคฤหาสน์แห่งนี้มีค่าไม่ต่างอะไรกับฝูงมด
“ยังปากดีแบบนี้ได้ก็ดี! ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าในวินาทีที่แกกำลังจะตายแกยังปากดีได้อยู่อีกไหม!”
อู๋หมิ่นตะโกนลั่นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
อวี้ฮ่าวหราน แกคิดว่าแกเป็นเทพรึไงถึงคิดว่าฉันทำอะไรแกไม่ได้!
หลังจากตะโกนเสร็จ อู๋หมิ่นโบกมือส่งสัญญาณให้คนของเขา ลงมือทันที
ในห้องโถง บอดี้การ์ดที่ยืนเรียงแถว 20 คนเมื่อได้รับคำสั่งพวกเขาชักมีดขนาดใหญ่ใบมีดยาว 2.5 ฟุตขึ้นมาและพุ่งไปหาอวี้ฮ่าวหราน อย่างพร้อมเพรียงพันทันที อู๋หมิ่นหัวเราะด้วยความชอบใจเมื่อเห็นภาพนี้
คนอย่างแกจะสู้กับฉันได้ยังไง?
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานกลับยังคงนิ่งเฉยแม้คมมีดจะ ใกล้มาถึงตัว
บรรดาบอดี้การ์ดเมื่อเห็นภาพนี้พวกเขาก็ยิ้มเยาะในใจ
ยืนนิ่ง ๆ แบบนี้ก็ดีฉันจะได้ฆ่าแกได้ง่าย ๆ หน่อย!
ทันใดนั้นเอง!
จู่ ๆ อวี้ฮ่าวหรานก็หันขวับมามองบอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งกำลังจะเข้ามาถึงตัวด้วยสายตาเย็นชา
บอดี้การ์ดที่ถูกจ้องรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดพลาดแน่นอน แต่มันสายไปแล้วที่เขาจะหยุดตัวเอง!
“เคร้ง!!” อวี้ฮ่าวหรานหล่อยหมัดสวนไปที่มีดของบอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้ที่สุด จนแตกกระจาย แถมเศษมีดยังบินว่อนกลับไปปักตามร่างของบอดี้การ์ดผู้โชคร้ายอีกต่างหาก น่าเสียดายที่ความเจ็บปวดมันไม่จบแค่นั้น หมัดของอวี้ฮ่าวหรานยังคงพุ่งต่อไปอัดเข้าใส่เต็ม ๆ หน้าอกของ บอดี้การ์ดที่มีดหักคามือไปแล้วจนร่างลอยกระเด็นไปอัดกำแพง อย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม บอดี้การ์ดที่เหลืออีก 19 คนยังคงพุ่งเข้าหา อวี้ฮ่าวหราน ถึงแม้ว่าจะตกตะลึงจากความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหรานเมื่อครู่ก็ตาม
คมมีดสิบกว่าเล่มสับลงไปที่ร่างของอวี้ฮ่าวหรานอย่างจัง
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!!”
แต่แล้วภาพและเสียงที่ทำให้ทุกคนในห้องโถงต้องตกตะลึง ก็เกิดขึ้น เสียงมีดที่กระทบกับร่างของอวี้ฮ่าวหราน… มันกลับเหมือนกระทบกับเหล็ก! แถมความเสียหายเดียวที่พวกเขาสร้างให้กับ อวี้ฮ่าวหราน ก็คือฟันเสื้อจนฉีกขาด แต่ผิวหนังของอวี้ฮ่าวหรานกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน! ไอ้นี่มันไม่ใช่คนแล้ว!