ณ เวลาบ่ายแก่ ๆ ตามเวลาเลิกเรียนของโรงเรียนอุบาล
ที่หน้าโรงเรียน เด็กตัวเล็ก ๆ มากมายกรูกันออกจากโรงเรียนราวกับผึ้งแตกรัง
“พ่อจ๋า!”
ถวนถวนตะโกนเรียก อวี้ฮ่าวหราน ด้วยสีหน้าเบิกบานสุดขีดทันทีเมื่อเธอเห็นหน้าพ่อของเธอ
“เป็นไงบ้างลูกพ่อวันนี้สนุกไหม?”
“สนุก! วันนี้ครูสวีให้หนูกับเพื่อน ๆ เล่นเกมเยอะแยะเล้ย!”
ถวนถวน ตอบกลับพร้อมกับหอมแก้ม อวี้ฮ่าวหราน ฟอดใหญ่
อวี้ฮ่าวหราน แสดงสีหน้าอ่อนโยนให้กับเทพธิดาน้อยของเขาไม่เหลือเงาของความโหดเหี้ยมที่วันนี้เขาเพิ่งไปถล่มองค์กรอสรพิษมาเลย
“พ่อจ๋า ๆ ครูสวี เดินมานู่นแล้ว!”
ในเวลาเดียวกัน ถวนถวน เหลือบไปเห็นครูสวีกำลังเดินเข้ามาพอดีเด็กน้อยจึงรีบตะโกนเอ่ยทัก
“ถวนถวน เป็นเด็กดีเชื่อฟังคุณพ่อนะจ๊ะ” เมื่อได้ยินเสียงทักของ ถวนถวน สวีรุ่ย จึงเดินเข้ามาหาและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
อย่างไรก็ตามในรอยยิ้มอ่อนโยนนั้น อวี้ฮ่าวหราน สังเกตได้ว่าแววตาของ สวีรุ่ย มันแฝงไปด้วยความเศร้าส้อย
ดูเหมือนว่าครูของลูกสาวเขาจะมีปัญหาอีกแล้ว!
“ครูสวี ตอนนี้มีบางอย่างกวนใจคุณอยู่ใช่ไหม?”
อวี้ฮ่าวหราน ถามขึ้นตรง ๆ ทันที
“เอ๊ะ? นี่คุณ…รู้ได้ยังไง?”
สวีรุ่ย รู้สึกตกตะลึง เธอไม่คิดว่า อวี้ฮ่าวหราน จะมองเธอออกได้ง่าย ๆ แบบนี้
“คือว่า…พวกคนกลุ่มเดิมที่คุณเพิ่งสั่งสอนไปเร็ว ๆ นี้ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่กล้ามาก่อกวนฉันตรง ๆ อีกแล้วแต่พวกมันกลับเปลี่ยนวิธีใหม่เอาสีมาพ่นหน้าบ้านของฉันแทนในตอนที่ฉันไม่อยู๋ พวกมันพยายามกดดันให้ฉันใช้หนี้คืนแทนพ่อของฉันที่หายไป…”
อวี้ฮ่าวหราน ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้ เพราะการที่ฝั่งตรงข้ามใช้วิธีเล่นงานสวีรุ่ยให้อับอายอย่างลับ ๆ มันจัดการยากมาก
เมื่อรู้เรื่องนี้ อวี้ฮ่าวหราน จึงชวน สวีรุ่ย ให้ขึ้นรถของเขาเพื่อที่เขาจะได้พาเธอไปส่งบ้านและเขาจะได้ไปดูให้เห็นกับตาด้วยว่าพวกแก็งค์ทวงหนี้มันทำอะไรไว้บ้างหลังจากที่เขาเพิ่งสั่งสอนพวกมันไป
แน่นอนว่า อวี้ฮ่าวหราน ไปส่ง ถวนถวน ที่คอนโดก่อนจากนั้นเขาจึงค่อยไปส่ง สวีรุ่ย
เมื่อไปถึงหน้าบ้านของ สวีรุ่ย อวี้ฮ่าวหราน ก็เห็นสิ่งที่พวกแก็งค์ทวงหนี้ทำเอาไว้เต็มสองตา ไม่เพียงหน้าประตูบ้านของเธอจะถูกพ่นข้อความสีแดงประจานว่าเธอติดหนี้แล้วไม่ใช้คืน กระจกหน้าต่างบ้านของเธอยังโดนหินเขวี้ยงจนแตกเสียหายและที่ประตูบ้านยังมีรอยถูกมีดฟันหลายรอยอีกต่างหาก
“คนพวกนั้นมักจะมากันตอนที่ฉันไม่อยู่บ้านหรือไม่ก็กลางดึก…”
สวีรุ่ย อธิบายด้วยสีหน้าหดหู่
อวี้ฮ่าวหราน ถอนหายใจมองไปที่หญิงสาวผู้นี้ซึ่งกำลังทุกข์ระทม ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นครูที่ดูมีความอดทนและเป็นผู้ใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงอายุ20ต้น ๆ เท่านั้น
การที่ผู้หญิงอายุ20ต้น ๆ ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้มันคงทรมานจิตใจเธอน่าดู
“ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าหากมีอะไรให้โทรบอกผม?”
ถึงแม้ว่า อวี้ฮ่าวหราน จะพูดจาเหมือนตำหนิ แต่ในใจของเขาก็เข้าใจดีว่าเหตุผลที่ สวีรุ่ยไม่โทรบอกเขาคงเป็นเพราะไม่อยากรบกวนเขา
“ฉัน…ฉันไม่อยากรบกวนคุณนี่นา ฉัน…”
“ช่างเถอะ ๆ เห็นแก่ที่คุณดูแลลูกสาวผมเป็นอย่างดีเอาเป็นว่าเดี๋ยวคราวนี้ผมตัดปัญหาให้เลยดีกว่า”
อวี้ฮ่าวหราน ตัดบทพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของฝั่งตรงข้าม
เขามองไปที่สภาพบ้านของ สวีรุ่ย ที่เละเทะและคิดในใจว่ามันคงเป็นการยากที่เธอจะใช้ชีวิตอยูที่นี่ต่อ
“คุณจะทำอะไร?”
สวีรุ่ย ถามกลับด้วยสีหน้าสับสนและมีความหวังพร้อมกับรู้สึกอบอุ่นในใจเมื่อได้ยินว่า อวี้ฮ่าวหราน จะช่วยเธออีกแล้วถึงแม้ว่าเธอจะเกรงใจเขามาก ๆ ก็ตาม
“บ้านของคุณมีสภาพเป็นแบบนี้คุณคงนอนที่นี่ต่อไม่ได้จริงไหม? เอาเป็นว่าวันนี้คุณไปนอนที่คอนโดของผมก่อนกับ ถวนถวน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะหาที่อยู่ใหม่ให้คุณ” อวี้ฮ่าวหราน ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ในเมื่อแก็งค์ทวงหนี้ตามราวี สวีรุ่ย ไม่เลิกราแบบนี้เขาจะปล่อยให้เธออยู่ที่นี่ต่อมันก็คงไม่เหมาะจริงไหม?
“หา!…มันจะดีเหรอ?” สวีรุ่ย อุทานขึ้นทันทีด้วยสีหน้าตกใจ
“ไม่ต้องกังวล ถึงแม้ว่าภรรยาของผมจะไม่อยู่ แต่ทุกวันนี้ที่คอนโดของผมมีทั้งพี่เลี้ยงหนิง ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของถวนถวนและน้องภรรยาของผมอยู่ด้วย ดังนั้นมันไม่น่าเกลียดอะไรหรอก” อวี้ฮ่าวหราน เอ่ยขึ้นอีกรอบเพื่อทำให้ สวีรุ่ย สบายใจ
แน่นอนว่ามันได้ผล เมื่อ สวีรุ่ย ได้ยินว่ามีผู้หญิงอีก2คนอาศัยอยู่ด้วยสีหน้าของเธอก็ผ่อนคลายลงมาก
จากนั้นเธอหันไปมองที่บ้านของเธอเองแล้วก็ถอนหายใจ จากสภาพบ้านของเธอในตอนนี้ไม่ว่าจะยังไงคืนนี้เธอคงนอนที่นี่ไม่ได้ แถมช่วงนี้ตอนกลางดึกพวกนั้นก็มารังควานเธออีกต่างหาก ซึ่งเธอกลัวมากจริง ๆ
เธอกลัวว่าวันดีคืนดีพวกนั้นอาจจะบุกเข้ามาในบ้านของเธอ
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว สวีรุ่ย จึงเดินเข้าไปในบ้านเพื่อเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวที่จำเป็นของเธอออกมาและขึ้นรถ อวี้ฮ่าวหราน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
“เอาล่ะเข้ามาสิ คุณไม่ต้องรู้สึกเกรงใจไปหรอก”
อวี้ฮ่าวหราน เอ่ยขึ้นพร้อมกับดึงกระเป๋าลากที่ สวีรุ่ย ถืออยู่เข้ามาในห้องนั่งเล่น
“ครูสวี!”
ถวนถวนที่เห็นว่า สวีรุ่ย เดินตามพ่อของเธอเข้ามาในห้อง เธอตะโกนเสียงดังด้วยสีหน้าเบิกบานทันที
หลี่หรง ซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟากำลังดูทีวีอยู่เมื่อได้ยิน ถวนถวน ทักชื่อ สวีรุ่ย เธอลุกขึ้นยืนมองไปที่ประตูห้องด้วยสีหน้าโง่งมทันที
“เอ่อ…นี่คือครูของ ถวนถวน บังเอิญว่าเธอกำลังมีปัญหา เรื่องมันเป็นแบบนี้…”
อวี้ฮ่าวหราน อธิบายทุกอย่างแบบคร่าว ๆ ให้กับ หลี่หรง ฟัง
เมื่อได้ฟังจนจบ สีหน้าของ หลี่หรง ก็เปลี่ยนเป็นเดือดดาล
“ไอ้คนพวกนั้นมันชั่วช้าจริง ๆ พี่เขย ถ้าพี่ได้เจอไอ้พวกนั้นอีกพี่ต้องสั่งสอนพวกมันให้หนักกว่าเดิมนะ!”
หลังจากพูดจบประโยคนี้ หลี่หรง เดินเข้าไปกุมมือ สวีรุ่ยและพูดต่อ
“ครูสวี คุณไม่ต้องกังวลนะ คุณนอนอยู่ที่นี่ไปก่อน ทำตัวตามสบายได้เลยพวกเรามีห้องว่างอยู่ คุณรอฉันสักเดี๋ยว เดี๋ยวฉันกับพี่หนิงขอเข้าไปทำความสะอาดให้คุณก่อน”
หลังจากนั้นทั้งสองสาวก็พูดคุยกันอีกสักพักและเมื่อห้องนอนที่ยังว่างอยู่ทำความสะอาดเสร็จและทุกคนทานมื้อค่ำกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอน
เช้าวันถัดมาเป็นวันเสาร์พอดี
วันนี้เป็นวันหยุดของโรงเรียนอนุบาล ดังนั้น อวี้ฮ่าวหราน จึงใช้โอกาสนี้พา สวีรุ่ย ออกไปหาที่อยู่ใหม่