“จุดประสงค์ของการมาเยือนของฉันครั้งนี้มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ฉันอยากรู้ว่าพวกนายมองเห็นพลังวิญญาณที่สถิตอยู่ในวัตถุโบราณได้ยังไง ฉันไม่คิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของพวกนายในตอนนี้จะสามารถมองเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง”
หลังจากที่มองสำรวจฝั่งตรงข้ามอยู่ครู่หนึ่ง อวี้ฮ่าวหราน บอกได้ทันทีว่าหยวนหลงคนนี้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตก่อรากฐานแน่นอน ดังนั้นตามปกติแล้วมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ฝั่งตรงข้ามจะมองวัตถุโบราณออกว่าอันไหนมีพลังวิญญาณหรืออันไหนไม่มี
หยวนหลงขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินประโยคคำถามนี้ เขาไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มที่ดูอายุไม่ถึง 25 คนนี้บอกได้ยังไงว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน?
“น้องชาย แล้วนายล่ะ? นายเห็นพลังวิญญาณที่อยู่ด้านในวัตถุโบราณได้ยังไง? ถ้านายบอกได้ว่าความแข็งแกร่งของฉันไม่เพียงพอที่จะสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอะไรนั่น แต่น้องชายเองที่ยังเด็กอยู่แบบนี้… นายเห็นพลังวิญญาณที่แฝงอยู่ในวัตถุโบราณได้ยังไง?”
ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสแล้ว หยวนหลงจึงอยากรู้รายละเอียดของอีกฝ่ายด้วย
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานไม่อยากจะเสียเวลาอธิบายสิ่งที่เขาเข้าใจให้กับฝั่งตรงข้ามฟัง
“ฉันจะถามคำถามนี้เพียงแค่ครั้งเดียว! ฉันไม่อยากจะถามซ้ำอีก! ถ้านายไม่พูด ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะต้องตาย!”
คำพูดข่มขู่นี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโกรธทันที!
ปัง!
“ไอ้เวรเอ๊ย! นี่แกคิดว่าแกเป็นใครกันถึงกล้าพูดจาหยิ่งผยองแบบนี้ในขณะที่แกอยู่ในถิ่นของเรา แกคิดว่าฉันไม่กล้าฆ่าแกรึไง!”
หวางอัน ลูกน้องคนสนิทอีกคนของหยวนหลงตบโต๊ะพร้อมกับตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล
แต่แล้วในทันทีที่เขาพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็พลันเคลื่อนไหวทันที!
ตูม!
หลังจากเสียงดังสนั่น ร่างของหัวหน้าสาขาหวางอันก็ลอยกระเด็นไป จนกระแทกกับผนังห้องอย่างรุนแรงจนหมดสติไป
เมื่อทุกคนได้สติฟื้นคืน พวกเขาหันกลับไปมองที่อวี้ฮ่าวหราน ด้วยสายตาโง่งมทันที เพราะพวกเขาเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานกลับไปนั่งอยู่ท่าเดิมเรียบร้อย ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย!
“ฉันไม่ชอบให้ใครมาพูดขัดจังหวะ!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
คนทั้งห้องต่างรู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด
เมื่อครู่พวกเขาเห็นเพียงแค่เงาสีดำพุ่งไปหาหวางอันด้วยความเร็วที่แทบจะมองไม่ทัน จากนั้นหวางอันก็กระเด็นไปกระแทกกับกำแพงอย่างรุนแรง
ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะตอบโต้!
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็นไม่ชัดว่าเงาสีดำนั้นคืออะไร แต่พวกเขาก็พอเดาได้ว่ามันคือฝีมือของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาตอนนี้แน่นอน
แต่สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร?
ฝั่งตรงข้ามแข็งแกร่งเกินไป!
ต้องรู้ว่าหวางอันคือผู้เชี่ยวชาญที่มีกำลังภายใน ดังนั้นการที่ชายหนุ่มคนนี้สามารถจู่โจมโดยที่หวางอันไม่ทันโต้ตอบกลับได้ มันย่อมหมายความว่าชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งกว่าหวางอันหลายเท่าตัว!
“ดี! ดี! น้องชายช่างแข็งแกร่งเหมือนกับที่ลูกน้องของฉันบอกเอาไว้จริง ๆ!”
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หยวนหลงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ปรับอารมณ์ของเขาได้อย่างรวดเร็ว
ในใจของเขาตกตะลึงมาก เพราะการโจมตีเมื่อครู่ของอวี้ฮ่าวหรานทำให้เขาได้ประเมินฝั่งตรงข้าม ก่อนจะพบว่าชายหนุ่มคนนี้มีความแข็งแกร่งไม่แพ้เขาอย่างแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเช่นกัน
หากชายหนุ่มที่เก่งกาจผู้นี้เข้าร่วมแก็งค์ของเขา มันจะเกิดประโยชน์มหาศาลในอนาคตอย่างแน่นอน!
“วิธีการตรวจสอบวัตถุโบราณจริง ๆ แล้วไม่ใช่ความลับสุดยอดอะไร ฉันสามารถบอกกับน้องชายได้”
“เป็นความจริงที่ฉันและลูกน้องของฉันยังแข็งแกร่งไม่ถึงระดับที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่าของชิ้นไหนที่มี ‘พลังวิญญาณ’ แฝงอยู่ แต่ฉันก็สามารถมองมันออกและสามารถดูดซับพลังวิญญาณพวกนั้นได้โดยวิธีการที่อาจารย์ของฉันเคยสอนให้ฉันมาเมื่อในอดีต”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ น้ำเสียงของหยวนหลงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เพราะเขาเชิดชูอาจารย์ของเขาเป็นอย่างมาก
“วิธีการที่อาจารย์ของฉันสอนมานั้นมันเลิศล้ำเป็นอย่างมาก ตามปกติเคล็ดลับของมันนั้นฉันจะบอกแค่เพียงพี่น้องของฉันเท่านั้น แต่บังเอิญว่าฉันรู้สึกถูกชะตากับน้องชาย เพราะงั้นฉันจะบอกส่วนหนึ่งของมันให้กับนายเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน”
หยวนหลงยิ้มเล็กน้อยในระหว่างที่พูด เขาต้องการแสดงความจริงใจโดยการบอกเคล็ดลับนี้เพื่อซื้อใจฝั่งตรงข้าม
“เคล็ดส่วนหนึ่งก็คือหากผู้ที่อยู่ในขอบเขตลมปราณต้องการตรวจสอบพลังวิญญาณในวัตถุโบราณ พวกเขาจะต้องเลียนแบบจังหวะการโคจรพลังให้ได้แบบผู้เชี่ยวชาญขอบเขตก่อรากฐาน ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นพลังวิญญาณที่แฝงอยู่ในวัตถุโบราณได้ แต่วิธีนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถฝึกฝนได้สำเร็จ ผู้ฝึกจะต้องมีพรสวรรค์อยู่บ้างและต้องได้รับการฝึกฝนเป็นเวลานานเพื่อที่จะสามารถตรวจจับพลังวิญญาณ ซึ่งเฉินซิวก็สำเร็จมันแล้วเช่นกัน”
“ถ้าน้องชายสนใจวิธีนี้ ฉันสามารถพานายไปหาอาจารย์ของฉันได้เพื่อถามถึงเคล็ดลับทั้งหมด ฉันคิดว่าอาจารย์ของฉันจะต้องยินดีบอกเป็นอย่างมากแน่ถ้าเขาได้เห็นพรสวรรค์ของนาย”
หลังจากฟังจบ อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ
คนพวกนี้มันโง่สุด ๆ!
เนี่ยน่ะเหรอวิธีการที่คนพวกนี้ใช้?
ก่อนไปถึงขอบเขตก่อรากฐาน หากมีไอ้โง่ตัวไหนที่มันพยายามลอกเลียนแบบจังหวะการโคจรพลังของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตก่อรากฐาน ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ได้รับความสามารถบางอย่างที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตก่อรากฐานมี แต่มันก็จะเท่ากับว่าคนผู้นั้นกำลังสร้างความเสียหายต่อเส้นลมปราณของพวกเขาเอง ซึ่งมันจะส่งผลให้คนผู้นั้นสูญเสียโอกาสในการทะลวงขอบเขตไปสู่ขอบเขตก่อรากฐานในอนาคต!
นี่มันไม่ต่างอะไรกับทำลายอนาคตตัวเองชัด ๆ!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หยวนหลงไม่เคยไปปรากฏตัวในการประมูลแต่ปล่อยให้เฉินซิวไปเสมอ
คนที่เห็นแก่ตัวทำลายอนาคตของลูกน้องตัวเองเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งแบบนี้ไม่คู่ควรแก่การให้คบหาอย่างยิ่ง!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงไม่สนใจอีกฝ่ายอีกต่อไป เขาลุกขึ้นและเตรียมจากไปทันที
แน่นอนว่าเมื่อเห็นอวี้ฮ่าวหรานแสดงท่าทีว่าจะจากไป สีหน้าของลูกน้องหยวนหลงทุกคนก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด พวกเขาทุกคนรีบขวางประตูห้องเอาไว้ในทันที!
ทางด้านของหยวนหลง เขาเองก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน เขาอุตส่าห์มีน้ำใจบอกข้อมูลต่าง ๆ ให้ขนาดนี้แล้ว แต่เด็กคนนี้กลับยังไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาอีกงั้นเหรอ!
“ทำไม? พวกแกคิดว่าจะหยุดฉันได้งั้นเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นเขาหันกลับมาจ้องไปที่หยวนหลงที่เพิ่งยืนขึ้น!
ชั่วอึดใจถัดมา อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายด้วยสีหน้าดูถูกก่อนที่จะโคจรพลังวิญญาณของเขาเอง 1 ส่วน จากนั้นจึงระเบิดมันออกไปเป็นคลื่นพลังให้กระจายไปทั่วห้อง!
บรึ้ม!!
ข้าวของกระจัดกระจายระเนระนาดในทันที บรรดาผู้คนที่ปิดทางออกอยู่ต่างก็กระเด็นออกไปเช่นกัน จะมีก็แต่เพียงหยวนหลงที่ยังพอสามารถทรงตัวอยู่ได้ แต่สีหน้าของเขาก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก!
นี่มันพลังบ้าอะไรกัน?
ชายหนุ่มคนนี้มีที่มาที่ไปยังไงกันแน่?
ขณะนี้เขาทั้งกลัวและสงสัยในตัวอวี้ฮ่าวหราน
หลังจากคลื่นพลังวิญญาณของอวี้ฮ่าวหรานที่เพิ่งปลดปล่อยออกมาจางหายไป หยวนหลงก็พอจะได้สติแล้ว เขาเพิ่งเข้าใจได้ว่าตนเองคิดผิดที่คิดว่าความแข็งแกร่งของฝั่งตรงข้ามใกล้เคียงกับเขา จากการประเมินพลังที่อวี้ฮ่าวหรานปล่อยออกมาเมื่อครู่ เขามั่นใจว่าหากสู้กันจริง ๆ ตนเองคงสู้ฝั่งตรงข้ามไม่ได้แน่ ๆ!
จากนั้น เขาก็เริ่มรู้สึกริษยาโจวเฟยหู่เป็นอย่างมาก หากโจวเฟยหู่ได้คนคนนี้ไปอยู่ด้วยจริง ๆ และถ้ามีการปะทะกันขึ้น… ฝั่งของเขาคงเสียหายอย่างใหญ่หลวงแน่นอน!
“หากน้องชายต้องการไป นายสามารถไปได้เลย ฉันให้สัญญาว่าจะไม่มีใครหยุดนายแน่นอน!”
เมื่อเห็นว่าตัวเองสู้ไม่ได้แน่ หยวนหลงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้ฝั่งตรงข้ามจากไป
นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่น่าอับอายที่สุดนับตั้งแต่แก็งค์มังกรครามถูกก่อตั้งขึ้นมา ตัวเขาถูกเพิกเฉยตั้งแต่ต้นจนจบ และลูกน้องของเขาถูกเตะจนกระเด็นกระดอนซึ่งเขาเองก็ทำได้แต่ยิ้มส่งฝั่งตรงข้ามออกไปเท่านั้น