“เหลืออีกสามวินาที!”
อวี้ฮ่าวหรานไม่แยแสต่อการข่มขู่ของอีกฝ่าย เขานับถอยหลังเองด้วยสีหน้าเย็นชา
“น่ารำคาญจริงๆ! ดูเหมือนวันนี้ฉันต้องส่งไอ้ปัญญาอ่อนนี่เข้าโรงบาลสักหน่อยแล้ว!” เมื่อเห็นสิ่งนี้ หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจึงตะโกนขึ้น
“พวกแกทุกคนเข้าไปยำมันเลย!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของหัวหน้า บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 20 คนก็กรูเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยกระบองในมือ
อวี้ฮ่าวหรานเมื่อเห็นฉากนี้เขาก็หัวเราะขึ้นเบาๆ และเอ่ยขึ้นสั้นๆ
“โอเค หมดเวลาแล้ว!”
จากนั้นจู่ๆ ร่างของอวี้ฮ่าวหรานก็หายไปจากสายตาของทุกคนและไปโผล่อีกทีที่กลางวงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านหน้าเขา!
ผลั่กๆๆ!!!
“อ๊ากกกก!”
เสียงลูกเตะหนักๆ ดังขึ้นติดๆ กัน 3 ครั้ง จากนั้นเสียงร้องโหยหวนก็ตามมาติดๆ และพร้อมกันนั้นร่างของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 3 คนก็ปลิวออกไปไกลราว 5 เมตรด้วยสภาพน่าเวทนา!
ร่างชายฉกรรจ์ที่หนักมากกว่า 80 กก. กลับปลิวไปราวขนนก!
นี่มันเป็นไปได้ยังไง?
บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เหลือต่างหยุดกึกด้วยความโง่งม พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
โครม โครม โครม!
เสียงร่างของคนทั้งสามร่วงกระแทกพื้นปลุกสติบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ตื่นขึ้น
เมื่อพวกเขามองดูอวี้ฮ่าวหรานอีกที พวกเขาก็พบว่าอีกฝ่ายกลับมายืนอยู่ที่เดินแล้วราวกับว่าเขาไม่ได้ขยับเลย!
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันให้เวลาพวกแก 5 วินาที ทำไมไม่ฟัง?”
การโจมตีของอวี้ฮ่าวหรานทำให้ทุกคนตกตะลึง ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าคำขู่นี้มันไร้สาระ แต่ตอนนี้มันกลับฟังดูน่าตื่นตระหนกอย่างแท้จริง!
“พวกแกทั้งหมดอย่าไปกลัวมัน พวกเรามีกันเป็นสิบ มันไม่มีทางล้มพวกเราได้ทุกคนพร้อมๆ กันแน่ โถมเข้าไปล็อคตัวมันพร้อมๆ กันแล้วจากนั้นอัดมันให้ยับ!”
แม้ว่าหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจะตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่เขาเคยผ่านประสบการณ์เป็นตายมาแล้วหลายครั้งตอนทำงานอยู่ในโลกใต้ดิน ดังนั้นเขาจึงคืนสติได้อย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนคืนสติทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งของหัวหน้าตัวเอง พวกเขากำกระบองในมือแน่นและวิ่งกรูเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานอีกรอบ!
“หึหึ! รนหาที่ตาย!”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะอย่างเย็นชา และจากนั้นเขาก็จึงพุ่งสวนเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความเร็วเหนือมนุษย์
ผลั่ก ผลั่ก…
ไม่มีกระบองอันไหนที่ฟาดไปถึงตัวอวี้ฮ่าวหรานได้เลย เสียงปะทะที่ดังขึ้นมีแต่เสียงของหมัดและเท้าที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด!
ในเวลาเพียงสิบกว่าวินาที เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 20 คนก็ลงไปนอนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้นด้วยสภาพแข้งขาหักกันทุกคน!
“ตอนนี้เหลือแต่แกแล้ว…”
อวี้ฮ่าวหรานเบนสายตาไปมองหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยซึ่งเขาจงใจเก็บฝั่งตรงข้ามเอาไว้หลังสุด
“เอาล่ะส่งคีย์การ์ดลิฟต์มาให้ฉัน แล้วฉันอาจจะปราณีส่งแกนอนโรงพยาบาลสักเดือนสองเดือน”
อวี้ฮ่าวหรานเดินช้าๆ ไปหาอีกฝ่ายในขณะที่พูด
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยตอนนี้ไม่มีความคิดที่จะสู้อีกแล้ว คนที่สามารถเอาชนะคน 20 คนได้ภายในชั่วอึดใจไม่ใช่คนที่เขาจะต่อกรได้แน่นอน!
“ก…แกอย่าเข้ามานะ! ถ้าแกเข้ามาอีกก้าว…ฉันจะ ฉันจะ ยิงแกให้พรุนเลย!”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามาหาเรื่อยๆ ความกลัวในใจของเขาก็เพิ่มมากขึ้นจนทำให้เขาเริ่มสติแตก เขาทิ้งกระบองในมือและควักเอาปืนพกที่ซ่อนเอาอยู่ตรงข้างข้อเท้าออกมาเล็งขู่ไปที่อวี้ฮ่าวหราน
กร๊อบบบบ…!
“อ๊าก!!!”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาพุ่งตัวไปปรากฏตรงหน้าหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยภายในพริบตาและกำข้อมือฝั่งตรงข้ามข้างที่ถือปืนก่อนบีบมันจนมีเสียงกระดูกแตกดังลั่น
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับปล่อยปืนอย่างควบคุมไม่ได้
“ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ ถ้าแกยังไม่ยอมส่งคีย์การ์ดมา ฉันจะหักแขนหักขาของแกให้หมดทุกข้าง!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาพลางบีบข้อมือของฝั่งตรงข้ามแรงขึ้น
แน่นอนว่าเมื่อโดนทรมานขนาดนี้ ต่อให้หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจะใจเด็ดแค่ไหน… แต่เขาก็ยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดา! ย่อมไม่มีทางต่อกรกับจักรพรรดิเทพอย่างอวี้ฮ่าวหรานได้แน่นอน
ท้ายที่สุดความกล้าของเขาก็ต้องพังทลายลง!
“ฉ…ฉ…ฉันยอมแล้วๆ! คีย์การ์ดอยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างขวา ห้องทำงานประธานของเราอยู่บนชั้นสิบเอ็ด น..นะ…นายขึ้นไปได้เลย!”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยยอมแพ้อย่างสมบูรณ์ เพื่อเอาชีวิตรอดเขาทำถึงขนาดบอกเลขชั้นของประธานตัวเองด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าค่าจ้างของเขามันจะมากพอตัว แต่มันก็ไม่คุ้มหากเขาต้องเอาชีวิตเข้าแลกแบบนี้!
จากแววตาของฝั่งตรงข้าม เขาบอกได้เลยว่าถ้าหากวันนี้เขาไม่ยอม เขาคงโดนฆ่าแน่ๆ!
“ยอมตั้งแต่แรกก็ไม่เจ็บตัวแล้ว โง่จริงๆ พวกมดแมลง”
เมื่อพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานกระชากกระเป้ากางเกงด้านขวาของอีกฝ่ายจนขาดสะบั้นเพื่อเอาคีย์การ์ดมา จากนั้นเขาถึงโยนร่างของฝั่งตรงข้ามออกไปให้พ้นตัวและเหยียบปืนที่หล่นที่พื้นจนพัง
ก่อนที่จะเดินจากไปขึ้นลิฟต์ อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามองรอบๆ อีกครั้งด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นเขาถึงค่อยๆ เดินไปที่ลิฟต์
…
ชั้นที่สิบเอ็ดของอาคารบริษัทซานมู
หลังจากออกจากลิฟต์ แค่เดินเพียงไม่ถึง 1 นาที อวี้ฮ่าวหรานก็มาถึงหน้าห้องประธานบริษัท
“ฮ่าฮ่าฮ่า…พวกเรามาคุยกันเรื่องส่วนแบ่งดีกว่า หลังจากบริษัทของเด็กนั่นมันล้มผมอยากได้หุ้นของมัน 30%…”
โดยอาศัยพลังวิญญาณ อวี้ฮ่าวหรานได้ยินเสียงทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างชัดเจน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือเจิ้งเหวยกัว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะอยากผลักประตูเข้าไปจัดการกับไอ้วายร้าย 2 คนนี้ไวๆ แต่เขาก็ต้องห้ามใจเอาไว้ก่อน อันดับแรกเขาต้องหาหลักฐานมัดตัวไอ้สองคนนี้ให้ได้ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง
การขโมยความลับของบริษัทอื่นนั้นเป็นความผิดทางอาญาในประเทศจีน แต่ถ้าเขาไม่มีหลักฐานอะไรให้ตำรวจเห็นมันจะกลายเป็นเขาที่ผิดซะเองที่บุกรุกเข้ามาในบริษัทฝั่งตรงข้ามแบบนี้
ส่วนเรื่องอัดพวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอันนั้นเดี๋ยวเขาจะให้ทนายจัดการอ้างไปว่ามันเป็นการป้องกันตัว…
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการป้องกันตัวที่เกินไปหน่อย แต่เขาคิดว่าทนายของตนน่าจะแก้ต่างให้ได้ละมั้ง?
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานก็ใช้เนตรเทวะมองหาทั่วทั้งตึกเพื่อดูว่าที่ชั้นไหนมีฮาร์ดดิสก์ของบริษัทเขาซ่อนอยู่ ซึ่งแค่เพียงครู่เดียวเขาก็เจอว่ามันถูกเก็บอยู่ในตู้เซฟของแผนกวิจัยและออกแบบ
“คุณเป็นใคร ใครให้คุณเข้ามา!”
ผู้จัดการแผนกซึ่งเป็นชายวัยกลางคนตะโกนถามเสียงดังทันทีเมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานที่เป็นคนแปลกหน้าจู่ๆ ก็พุ่งเข้ามาในแผนกแบบไม่ได้รับอนุญาต
“ไสหัวไปให้พ้นทาง!”
อวี้ฮ่าวหรานตวาดกลับและเดินตรงดิ่งไปที่ตู้เซฟที่อยู่ในออฟฟิศโดยไม่เหลือบมองชายวัยกลางคนที่เพิ่งตะโกนถามเขาแม้แต่น้อย
คำพูดและใบหน้าที่แสนเย็นชาทำให้ผู้จัดการตัวอ้วนตัวสั่นด้วยความกลัว
“เดี๋ยวฉันจะเรียกรปภ.!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแสดงสีหน้าเอาจริง ผู้จัดการตัวอ้วนก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปขวาง เขารีบวิ่งไปที่โทรศัพท์และยกหูขึ้นโทรออกอย่างรวดเร็ว
“ตามใจแก!”
อวี้ฮ่าวหรานตะโกนกลับในขณะที่เขาถีบประตูออฟฟิศของหัวหน้าแผนกจนหลุดทั้งบาน จากนั้นจึงเดินไปที่กำแพงซึ่งมีตู้เซฟซ่อนอยู่ใต้รูปภาพและกระชากทั้งรูปภาพทั้งบานประตูตู้เซฟออกพร้อมๆ กันอย่างรุนแรง
ที่ด้านในตู้เซฟ อวี้ฮ่าวหรานพบกับฮาร์ดดิสก์ของบริษัทเขาวางอยู่ด้วยสภาพสมบูรณ์เหมือนกับที่เขาเคยเห็นมันในบริษัทของเขาเอง