“หลี่เม่ย เข้ามาเถอะ น้องสาวของคุณเดายังไงก็เดาไม่ถูกสักทีแหะ”
อวี้ฮ่าวหรานตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขซึ่งทันทีเขาพูดจบประตูห้องก็เปิดออกและจากนั้น ‘หลี่เม่ย’ ผู้ที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับหลี่หรงก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้อง
“พ…พี่!?”
หลี่หรงกระเด้งตัวขึ้นจากโซฟาด้วยสีหน้าตกตะลึงทันที เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจู่ ๆ พี่สาวของเธอจะกลับมาในวันนี้!
เซอร์ไพรส์ครั้งนี้มันเหนือความคาดหมายเกินไป!
2ปีที่แล้ว หลี่เม่ยถูกกดดันจนต้องออกจากบ้านตระกูลหลี่และต่อมาก็ถูกแม่ชีปริศนาคนหนึ่งพาตัวไป นับตั้งแต่วันนั้น หลี่หรงก็คิดถึงพี่สาวของเธออยู่แทบทุกวัน
แต่วันนี้…
หลังจากตกตะลึงอยู่พักใหญ่ ความรู้สึกต่อจากนั้นของหลี่หรงกลับกลายเป็นตื่นตระหนก
ถ้า….ถ้า…พี่สาวกลับมาแล้ว…ต่อจากนี้เธอคงไม่สามารถอยู่ร่วมห้องกับพี่เขยของเธอได้อีกแล้วใช่ไหม?
ในเมื่อครอบครัวพ่อแม่ลูกอยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ เธอก็ควรต้องย้ายออกซึ่งหลังจากนี้เธอคงได้เห็นหน้าพี่เขยของเธอน้อยลง…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลี่หรงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดในใจเพราะเธอ…เธอรู้สึกชอบพี่เขยของเธอเช่นกัน!
ไม่ใช่สิ! ฉันคิดแบบนี้มันไม่ถูกต้อง!
เขาคือพี่เขยของฉัน ฉันต้องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ!
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเธอจะเตือนกับตัวเองแบบนี้ซ้ำ ๆ แต่ในใจของเธอก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตาของเธอไหลออกมาตาอย่างไม่รู้ตัว…
“โธ่หรงเอ๋อ…นี่เธอดีใจที่พี่กลับมาจนร้องไห้เลยงั้นเหรอ?”
‘หลี่เม่ย’ ไม่ได้คิดว่าหลี่หรงร้องไห้เพราะความเจ็บปวดใจที่เธอกลับมา เธอจึงแสร้งเดินเข้ามาปลอบประโลมพร้อมกับเช็ดน้ำตาราวกับเป็นพี่สาวที่แสนดี
“อื้ม! ฉันดีใจจริง ๆ ที่พี่กลับมา! พี่อาจจะรู้อยู่แล้ว แต่ฉันอยากบอกกับพี่อีกครั้งว่าไม่มีวันไหนที่พี่เขยคิดถึงไม่คิดถึงพี่!”
หลี่หรงแกล้งฝืนยิ้มทั้งน้ำตา ถึงแม้ว่าอารมณ์ของเธอในตอนนี้จะมีทั้งความสุขและความเศร้าผสมปนเปกันเต็มไปหมด แต่เธอก็ยังพยายามอย่างสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้ตัวเธอทำลายบรรยากาศอันแสนชื่นมื่นของพี่สาวและพี่เขยของเธอ
หลังจากนั้นทั้ง 4 คนก็นั่งลงที่โต๊ะอาหารและทานมื้อค่ำร่วมกันอย่างอบอุ่น
“พี่เม่ย ไม่ใช่ว่าแม่ชีคนนั้นพาพี่ไปฝึกศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมพี่ถึงจู่ ๆ กลับมาแบบนี้ได้?”
ในตอนที่ หลี่เม่ยกำลังจะจากไปในตอนนั้น เธอยังจำได้ดีว่าพี่สาวของเธอเคยบอกเอาไว้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้หวนกลับมาอีกครั้ง ดังนั้นพี่สาวของเธอจึงสั่งเสียอะไรเอาไว้มากมายและให้เธอดูแล ถวนถวนตลอดไป แต่ตอนนี้พี่สาวของเธอกลับมาได้อย่างรวดเร็วแถมดูสุขสบายดีอีกต่างหากได้ยังไง?
“เอ่อ…”
เมื่อหลี่เม่ยได้ยินคำถามประโยคนี้ เธอไม่รู้ว่าจะตอบยังไงทันที
“พี่…คือแม่ชีคนนั้น…จู่ ๆ ก็ไม่ชอบพี่ขึ้นมา ใช่แล้ว! ต่อมาแม่ชีคนนั้นกลับบอกพี่ว่าเธอประเมินพรสวรรค์ของพี่ผิดไปดังนั้นเธอก็เลยไล่พี่กลับมา”
หลี่หรง งุนงงทันทีเมื่อได้ยินคำตอบนี้
ประเมินพรสวรรค์ผิด? ไม่ชอบ?
นี่มันดูไม่ถูกต้องเท่าไหร่เลย เมื่อในตอนนั้น แม่ชีคนนั้นดูชอบพี่สาวเป็นอย่างมากเลยนี่นา?
ไม่เหมือนกับคำโกหกต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ที่เตี๊ยมมานานแล้ว ประโยคคำตอบเมื่อครู่นี้ ‘หลี่เม่ย’ คิดขึ้นมาเองอย่างฉับพลันดังนั้นมันจึงเต็มไปด้วยช่องโหว่!
ที่สำคัญมากไปกว่านั้น สีหน้าของ ‘หลี่เม่ย’ ตอนได้ยินคำถามและตอนตอบก็ยิ่งดูมีพิรุธ แววตาของเธอฉายแววตื่นตระหนกพร้อมกับมือของเธอที่สั่นเล็กน้อย
แน่นอนว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะเธอไม่ได้รับการบอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับ ‘แม่ชี’ มาก่อนเพราะแม้แต่ หลี่จิงเทียนก็ไม่รู้เรื่องนี้เนื่องจากเรื่องนี้นับได้ว่าเป็นความลับสุดยอดที่มีไม่กี่คนที่รู้เท่านั้น!
หลี่หรงเมื่อเห็นเช่นนี้ก็เริ่มบังเกิดความสงสัย ดังนั้นเธอจึงยิงคำถามที่จะคลายความสงสัยของเธอต่อไป
“อืมเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วพี่เม่ย ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเราทุกคนจะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าสักที พี่เม่ย พี่ก็กินผักให้เยอะ ๆ เลยนะ นี่มะเขือเทศเย็นที่พี่ชอบกินที่สุด ฉันจำได้ว่าเมื่อตอนเด็ก ๆ พี่ชอบมะเขือเทศเย็นจนขนาดแย่งพี่จิงเทียนกิน จนพี่จิงเทียนร้องไห้อยู่นานสองนานเลยจริงไหม?”
“โธ่ก็ตอนนั้นพี่ยังเด็กยังไม่รู้ความแถมจิงเทียนก็ขี้แยมากด้วยนี่นา”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้โต้แย้งประโยคที่เธอเพิ่งโกหกไป ‘หลี่เม่ย’ จึงรีบพูดตามน้ำเห็นด้วยกับอีกประเด็นหนึ่งทันที
เธอจำได้ว่าหลี่จิงเทียนเคยบอกเอาไว้แล้วว่าหลี่เม่ยชอบกินมะเขือเทศเย็นเป็นที่สุด
อย่างไรก็ตามหลี่หรงขมวดคิ้วทันที!
จริงอยู่ที่หลี่เม่ยชอบกินมะเขือเทศเย็นตั้งแต่เด็ก แต่หลี่เม่ยรักน้องชายมากยิ่งกว่า ดังนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไงที่พี่สาวของเธอจะแย่งน้องชายของตัวเองกินจนทำให้น้องชายร้องไห้?
ต่อให้มันจะผ่านมานานแล้วและพี่สาวของเธออาจจะลืมภาพเหตุการณ์ไปบ้าง แต่ความรู้สึกรักและเป็นห่วงน้องจะต้องคงอยู่เสมอดังนั้นการลืมแบบนี้มันไร้เหตุผลสิ้นดี!
หลี่หรงคิดคำถามทดสอบต่อไปในทันทีเพื่อยืนยันความสงสัยของเธอ เธอตั้งใจที่จะถามคำถามที่มีแต่เธอและพี่สาวเท่านั้นที่รู้
หากคำถามนี้ผู้หญิงตรงหน้าเธอยังตอบผิดอีกมันก็แปลว่าผู้หญิงคนนี้คือหลี่เม่ยตัวปลอมแน่นอน!
หลังจากนั้นหลี่หรงหลอกถามคำถามไปอีกหลายคำถามที่มีแต่เธอและพี่สาวเท่านั้นที่รู้ซึ่งแน่นอนว่า ‘หลี่เม่ย’ ตอบผิดทั้งหมด!
“พี่เขย พี่มากับฉันสักเดี๋ยวสิ”
หลี่หรงเหลือบมองไปที่ ‘หลี่เม่ย’ ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะเรียกอวี้ฮ่าวหราน
“หืม? มีอะไรงั้นเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามกลับด้วยสีหน้างุนงง เขาไม่เข้าใจว่าทำไม หลี่หรง ถึงเรียกเขาออกไปคุยด้วยแบบลับ ๆ ล่อ ๆ ตอนนี้
“ฉันมีบางอย่างอยากจะคุยกับพี่”
หลี่หรงเอ่ยขึ้นอีกรอบก่อนที่จะลุกขึ้นมาดึงแขนอวี้ฮ่าวหรานให้ลุกไปกับเธอที่ห้องครัว
“นี่เธอเป็นอะไรของเธอกัน? เธอมีอะไรสำคัญถึงขนาดที่พูดต่อหน้าพี่สาวของตัวเองไม่ได้?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามอีกรอบด้วยสีหน้าสับสนเมื่อเข้าไปถึงในห้องครัว
เท่าที่เขาเข้าใจ พี่น้องคู่นี้สนิทกันมากที่สุด พวกเธอ 2 คนไม่ควรจะมีความลับปิดบังต่อกันนี่นา?
หลี่หรงยังคงไม่ตอบอะไร แต่เมื่อเธอปิดประตูห้องครัวเรียบร้อยเธอก็หันหน้ามาหาอวี้ฮ่าวหรานและเอ่ยขึ้นทันที
“พี่เขย พี่อาจจะไม่เชื่อฉัน แต่ฉันมั่นใจว่าหลี่เม่ยที่เรากำลังคุยอยู่ด้วยคือตัวปลอม! ถึงแม้ว่าเธอจะหน้าเหมือนมากแต่ฉันแน่ใจจริง ๆ ว่าเธอไม่ใช่พี่สาวของฉันแน่นอน!”
“ห๊ะ?”
อวี้ฮ่าวหราน อึ้งไปในทันที
หลี่หรงแสดงสีหน้าเคร่งเครียดมากกว่าเดิม
“พี่เขยพี่ต้องมั่นใจในตัวฉันนะ! เมื่อกี้ฉันลองถามคำถามที่มีแต่ฉันและพี่สาวเท่านั้นที่รู้ออกไปเพื่อทดสอบหลายคำถามแต่อีกฝ่ายกลับพูดคล้อยตามหน้าตาเฉยทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เลยว่าคำตอบมันผิด ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะดูแนบเนียนมากแต่ฉันเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้เป็นตัวปลอมแน่นอน”
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกเจ็บปวดใจที่หลี่เม่ยกลับมา แต่ความรู้สึกนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจับผิด ‘หลี่เม่ย’ แม้สักนิด
หลังจากถามคำถามไปหลายข้อเธอก็แน่ใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าผู้หญิงที่เธอคุยด้วยไม่ใช่หลี่เม่ย…พี่สาวของเธอ
อวี้ฮ่าวหรานเมื่อได้ยินเช่นนี้เขาเงียบลงไม่ได้ตอบอะไรกลับ
ในใจของเขาตอนนี้มีทั้งความรู้สึกตกตะลึง โมโห และไม่อยากจะยอมรับ
แต่หลังจากที่เงียบไปอยู่พักหนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานก็ถอนหายใจยาวและสีหน้าที่เคร่งเครียดก็เปลี่ยนเป็นหดหู่
“อืม…พี่เข้าใจแล้ว…”
เขาไม่ได้สงสัยในคำพูดของหลี่หรงอีกแล้ว เพราะเมื่อเขานึกย้อนไปดี ๆ เขาเองก็มีความรู้สึกแปลก ๆ กับ ‘หลี่เม่ย’ คนนี้จริงๆ
แต่น่าเสียดายที่ความรู้สึกรักและคิดถึงของเขามันทำให้เขาหน้ามืดตามัวจงใจมองข้ามทุกอย่างถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่ถูกต้องอยู่บ้างก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่นึกเลยว่าจะมีใครที่กล้าเอาความรู้สึกของเขาและลูกของเขามาล้อเล่นด้วยแบบนี้! สิ่งนี้มันเกินไปจริง ๆ!