“อะไรวะ!?”
ผู้จัดการหวงตะโกนลั่น ส่วนหญิงสาวที่เป็นเลขาของเขาก็กรีดร้องด้วยความตกใจ
หากเรื่องราวนี้ถูกคนอื่นพบเห็นและถูกนำไปนินทาเธอจะกล้าสู้หน้าใครในบริษัทได้ยังไง?!
“แกเป็นใครกันวะ? แกกล้าดียังไงถึงบุกเข้ามาในออฟฟิศของฉัน? ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”
ในขณะที่พูด ผู้จัดการตัวอ้วนคิ้วกระตุกอยู่ตลอดเวลาด้วยความโมโหที่มีคนมาขัดจังหวะความสุขของเขา
“ปัง!!”
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานไม่อยากจะเสียงเวลาเถียงกับผู้จัดการที่น่าขยะแขยงคนนี้สักเท่าไหร่เขาจึงขู่อีกฝ่ายโดยการเตะชิ้นส่วนไม้จากบานประตูที่เขาเพิ่งพังมันลงอย่างรุนแรงจนเศษไม้ชิ้นนั้นพุ่งตรงไปปักที่กำแพงปูนจนกำแพงร้าว!
แน่นอนว่าการกระทำนี้ได้ผลอย่างเป็นอย่างดี…ผู้จัดการหวงหันไปมองที่เศษไม้ด้วยแววตาตกตะลึง
คนบ้าอะไรสามารถเตะเศษไม้เข้าไปฝังในกำแพงปูนได้แบบนี้!?
เมื่อเห็นเช่นนี้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
หากอีกฝ่ายเตะเศษไม้มาที่เขาแทน เขาคงไม่รอดจริงไหม?
“อ…เอ่อ..น้องชาย…พ…พวกเราค่อย ๆ คุยกันก่อนดีกว่าไหม? ม…มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดจากันก่อนก็ได้!”
เมื่อคิดได้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกหัวรุนแรงแน่นอนแถมยังน่าจะมีความสามารถพอที่จะฆ่าเขาให้ตายได้อย่างง่าย ๆ ผู้จัดการหวงจึงแสดงท่าทีนอบน้อมทันที
บ้าเอ๊ยทำไมคนหนุ่มสมัยนี้มันถึงหัวรุนแรงและไม่มีสัมมาคารวะกันบ้างเลย?!
“น…น้องชาย นายมีอะไรกับฉันงั้นเหรอ? ฉันเป็นผู้จัดการของบริษัทแห่งนี้ นายสามารถเรียกฉันได้ว่าผู้จัดการหวง นายอยากให้ฉันช่วยอะไรนายพูดมาได้เลย!”
“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว! ประธานบริษัทของแกอยู่ที่ไหน? ฉันต้องการที่จะเจอมัน!” อวี้ฮ่าวหรานตะคอกขึ้นด้วยสีหน้าดุดัน
“ประธานบริษัท? ค…คือเขาเพิ่งจะออกไปเมื่อครู่นี้เอง แต่อันที่จริงหากนายมีเรื่องอะไรนายพูดกับฉันก็ได้เหมือนกัน”
“ได้! ถ้างั้นฉันขอถามแกสักหน่อยว่าทำไมวัตถุดิบที่พวกแกส่งให้บริษัทชิวเฮิงมันถึงได้มีคุณภาพต่ำแบบนั้น?”
อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิดก่อนที่จะเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่เขามาในวันนี้
ผู้จัดการหวงสีหน้าเปลี่ยนทันทีเมื่อได้ยินคำถามนี้ เขาส่ายหัวด้วยท่าทีวิตกกังวล “ฉ…ฉัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน…”
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่สายตาของผู้จัดการหวงพยายามหลบตาอวี้ฮ่าวหรานตลอดเวลามันทำให้ดูมีพิรุธเป็นอย่างยิ่งราวกับว่าเขากำลังปกปิดอะไรบางอย่างเอาไว้อยู่
สิ่งนี้ทำให้ อวี้ฮ่าวหรานจับโกหกของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้พลังวิเศษอะไรเลย
อวี้ฮ่าวหรานไม่ต้องการที่จะฟังคำโกหกอีกต่อไป เขาจึงขู่อีกฝ่ายโดยการถีบไปที่โต๊ะทำงานที่อยู่ด้านหลังผู้จัดการหวงจนโต๊ะพุ่งไปชนกำแพงอย่างรุนแรงจนกำแพงเกิดรอยร้าว!
“โครม!!”
“อ๊า!!! ได้โปรดอย่าทำร้ายฉัน อย่าทำร้ายฉัน!”
ด้วยความตกใจ ผู้จัดการหวงถึงกับทรุดลงไปนั่งที่พื้นทันทีและตะโกนอ้อนวอนด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“ฉันจะถามแกอีกแค่ครั้งเดียว! ทำไมวัตถุดิบที่พวกแกส่งไปให้บริษัทชิวเฮิงมันถึงคุณภาพแย่แบบนั้น?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามอีกรอบด้วยสีหน้าเย็นชา พร้อมกับกำหมัดขึ้นมาขู่ฝ่ายตรงข้าม
ผู้จัดการหวง เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ยิ่งกลัวจนแทบจะฉี่ราด เขาไม่กล้าโกหกอีกต่อไป
“ฉันพูดแล้ว…ฉันพูดแล้ว…ม…มันเป็นเพราะคำสั่งของท่านประธานโดยตรง! เขาเป็นคนสั่งด้วยตัวเองให้เราเปลี่ยนวัตถุดิบที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐานให้กับบริษัทชิวเฮิง ฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย!”
อวี้ฮ่าวหราน ขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ เพราะเขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้จัดการคนนี้ไม่ได้โกหก ถึงแม้ว่าเขาจะเดาได้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นฝีมือของฉีถง แต่การที่มันเป็นการตัดสินใจของฉีถงแค่เพียงผู้เดียวมันเป็นเรื่องน่าแปลกเกินไป
บริษัทใหญ่ขนาดนี้เวลาจะตัดสินใจทำอะไรแต่ละทีจะต้องมีการปรึกษาและลงความเห็นไปในทางเดียวกันซะส่วนใหญ่ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการตัดสินใจของฉีถงแต่เพียงผู้เดียว…
ถ้าเป็นแบบนี้มันน่าจะหมายความว่า ฉีถงจะต้องมีเหตุผลส่วนตัวของตัวเองคนเดียวเขาถึงได้ตัดสินใจทำลายความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานกับเฉิงกัวอันเช่นนี้
เขาต้องเจออีกฝ่ายและคุยกันต่อหน้าเท่านั้น!
“ถ้างั้นแกรู้ไหมว่าตอนนี้ประธานบริษัทของแกอยู่ที่ไหน?” เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ฉ..ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…ฉันรู้แค่ท่านประธานออกไปแล้ว…” ผู้จัดการหวงตอบกลับด้วยสีหน้าหวาดกลัว เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจกับคำตอบและทำร้ายเขา
“แกไม่รู้จริง ๆ งั้นเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามอีกรอบพร้อมกับกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมาและมองด้วยสายตาเย็นชา
“ถ…ถ…ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ ต…แต่ถ้าให้ฉันเดา ฉันคิดว่าท่านประธานจะต้องไปที่โรงงานของเราแน่นอน!”
“ถ้างั้นเอาที่อยู่ของโรงงานบริษัทแกมาเดี๋ยวนี้!”
“ด…ได้ ที่อยู่ของโรงงานอยู่ที่เคหะอุสาหกรรมทางใต้ของเมือง…” ผู้จัดการหวงรีบให้ที่อยู่โรงงานแก่อวี้ฮ่าวหรานทันที
ท้ายที่สุดหลังจากได้ที่อยู่มาแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็ปล่อยผู้จัดการหวง และไม่ได้ทำอะไรกับเขาต่อ
อวี้ฮ่าวหรานรีบออกจากสำนักงานบริษัทฉีถง และขับรถที่มีสภาพยับเยินตรงไปยังที่อยู่โรงงานที่ผู้จัดการหวงให้มาในทันที
อีกด้านหนึ่ง รถ Bentley สีดำสุดหรูได้เข้าไปจอดยังที่จอดผู้บริหารของโรงงานแล้วเช่นกัน
หลังจากลงจากรถ ผู้จัดการโรงงานก็รีบวิ่งเข้ามาต้อนรับทันที
“สวัสดีครับท่านประธานฉี วันนี้ท่านต้องการให้ผมพาดูไลน์การผลิตอีกหรือไม่?”
“อืม พาฉันไปที”
ฉีถงที่เพิ่งลงจากรถดูจากภายนอกเขายังอยู่ในวัยกลางคนเท่านั้นและมีความสูงไม่น่าจะเกิน 1.7 เมตร ร่างของเขาดูผอมบางแต่สง่าราศีของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกประธานบริษัทใหญ่ ๆ เลย
การที่เขาตั้งชื่อบริษัทเป็นชื่อเดียวกับชื่อของเขามันบ่งบอกได้ว่าเขาเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองล้นเหลือ!
ที่ด้านในโรงงาน
ฉีถงหยิบตัวอย่างวัตถุดิบขึ้นมาดูอย่างบะเอียดก่อนที่จะส่ายหูด้วยสีหน้าหนักใจ
“คุณภาพของวัตถุดิบช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดินจริง ๆ”
“ใช่แล้วครับท่านประธาน ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านสั่งทั้งหมด” ผู้จัดการโรงงานตอบรับด้วยสีหน้าหนักใจเช่นกัน
“แต่นี่มันยังต่ำไม่พอ เติมส่วนผสมวัตถุดิบที่คุณภาพต่ำกว่านี้ลงไปอีก และยิ่งไปกว่านั้นลดจำนวนที่เราจะส่งให้เขามากขึ้นจนกว่าพวกเขาจะหยุดสั่งของจากพวกเรา”
ถึงแม้ว่า ฉีถงจะแสดงสีหน้าหนักใจกับคุณภาพของวัตถุดิบ แต่เขาก็ยังออกคำสั่งตรงข้ามกับความต้องการของเขามากยิ่งขึ้นราวกับเขามีความแค้นกับเฉิงกัวอันมาหลายสิบปี
“แต่ท่านประธาน…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้จัดการโรงงานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถทนดูได้ต่อไปอีกแล้ว
“ท่านประธาน อันที่จริงผมก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก แต่ท่านช่วยบอกผมสักหน่อยได้หรือไม่ว่าทำไมเราต้องทำแบบนี้กับบริษัทชิวเฮิง? นี่มันไม่ใช่แค่ไม่ดีกับบริษัทชิวเฮิงแจ่มันไม่เป็นผลดีกับตัวของเราด้วยอีกต่างหาก”
เขาไม่เข้าใจเลย! ทำไมประธานของเขาถึงได้พยายามทำร้ายบริษัทที่ทำการค้ากันมานานโดยขณะที่ตัวเองก็เสียผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน?
อย่างไรก้ตาม ฉีถงไม่ยอมตอบอะไร เขาเอาแต่จ้องวัตถุดิบคุณภาพต่ำตรงหน้าด้วยแววตาหดหู่
“ครั้งนี้ บริษัทชิวเฮิงคงต้องเสียหายหนักแน่ ๆ หรือไม่อาจจะล้มละลายเลยด้วยซ้ำ น่าเวทนาจริงๆ…”
ฉีถงเอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจ เขาพูดราวกับว่านี่ไม่ใช่ความตั้งใจของเขา