เฉิงกัวอันไม่คิดเลยว่าฉีถงจะโทรมาหาเขาตอนนี้!
อีกฝ่ายไม่ยอมรับสายของเขาเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง ทำไมตอนนี้จู่ ๆ ถึงโทรหาเขา?
“คือแบบนี้นะพี่เฉิง ที่ฉันโทรมาฉันแค่อยากจะบอกว่าฉันขอโทษกับเรื่องทั้งหมดที่ได้ทำลงไปต่อพี่และบริษัทของพี่ แต่ตอนนี้ฉันตัดสินใจแล้วที่จะส่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีที่สุดให้พี่เหมือนเดิมและเพื่อเป็นการขอขมาฉันจะให้ส่วนลดพี่ 25% นับจากนี้ต่อไปอีก 3 ปี!”
“โอ้งั้นเหรอ? อะไรทำให้นายเปลี่ยนใจกันล่ะ?” เฉิงกัวอันตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะโทรมาขอโทษ แต่เขาจะตอบรับด้วยน้ำเสียงดีใจราวกับว่าเป็นหนี้บุญคุณอีกฝ่ายได้ยังไงจริงไหม?
ต้องรู้ว่าอีกฝ่ายสร้างปัญหาให้เขาอย่างใหญ่หลวงจนเขากินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันแถมมูลค่าความเสียหายของบริษัทเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆ!
“ฮ่า ๆ พี่เฉิง พี่นี่ช่างมีสายตาที่เฉียบแหลมจริง ๆ คนของพี่นี่สุดยอดไปเลยพี่รู้หรือเปล่า ฉันล่ะอิจฉาพี่จริง ๆ ถ้าหากฉันมีคนเก่ง ๆ แบบนี้อยู่ข้างกายบ้างล่ะก็ ฉันคงไม่มีทางถูกไอ้หวังเจามันข่มขู่เอาได้แน่นอน!” ฉีถงไม่ตอบคำถามของเฉิงกัวอันตรง ๆ เขาเลือกที่จะตอบแบบอ้อม ๆ โดยการชมอวี้ฮ่าวหราน และจากนั้นโทนเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจังเมื่อพูดว่า “พี่เฉิงนับจากนี้ฉันจะช่วยพี่เล่นงานไอ้หวังเจา ฉันจะทำให้มันเสียใจที่พยายามบ่อนทำลายเรา!”
น้ำเสียงช่วงท้ายประโยคของฉีถงที่ฟังดูเอาจริงเอาจังเป็นอย่างมากทำให้เฉิงกัวอันอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองอวี้ฮ่าวหรานด้วยแววตาสับสนและตกตะลึง
ชายหนุ่มคนนี้ทำได้ยังไง?
นี่มันจะเหนือความคาดหมายเกินไปหน่อยไหม? ไม่เพียงแต่ฉีถงจะโทรมาขอโทษ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาในการจัดการกันหวังเจาอีกต่างหาก?
ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปไวจริง ๆ และแน่นอนว่าสิ่งนี้มันจะไม่เกิดขึ้นหากไม่เป็นเพราะอวี้ฮ่าวหราน!
เมื่อยังไม่ได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับตัวเอง ฉีถงก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะเขาเป็นฝ่ายทำผิดก่อนดังนั้นเขาจึงพยายามพูดถึงแผนความร่วมมืออีกรอบ
“ต่อจากนี้พี่เฉิงไม่ต้องกังวลอะไร เดี๋ยวฉันจะไปแก้ข่าวกับพวกสื่อทั้งหลายให้เองถึงเรื่องความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมดและจากนั้นฉันจะร่วมมือกับพี่ทำลายบริษัทไป๋เชาของหวังเจาให้ป่นปี้ แต่ถ้าพี่อยากคุยอะไรเพิ่มเติมพี่สามารถนัดเจอฉันได้ตลอดเวลา!”
“อืม เอาไว้ฉันว่างเมื่อไหร่ฉันจะติดต่อไป”
เฉิงกัวอันพยายามคุมโทนเสียงให้สงบนิ่งที่สุดแต่เขาก็ยังคุมได้ไม่หมดจนหลุดเสียงสั่นเพราะความตื่นเต้นออกไปบ้าง นี่เป็นข่าวดีของเขามากจริงๆ!
ก่อนหน้านี้เขาถึงขนาดเตรียมวางแผนว่าจะทำยังไงก่อนที่จะถูกฟ้องล้มละลายแล้ว!
หลังจากวางสายกันไป บรรยากาศในออฟฟิศก็เงียบลงชั่วครู่หนึ่ง
“น้องอวี้! ฉันขอยกให้นายเป็นผู้มีพระคุณของฉัน!”
หลังจากเงียบกันไปพักหนึ่ง จู่ ๆ เฉิงกัวอันเดินเข้าไปจับมือของอวี้ฮ่าวหรานแน่นและเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบานสุดขีด
“อะแฮ่ม ๆ ว่าแต่น้องอวี้ทำมันได้ยังไง? สิ่งที่นายทำต้องไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่นอน ก่อนหน้านี้ฉีถงยังปฏิเสธไม่ยอมรับสายฉันอยู่เลย”
หลังจากควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ได้แล้ว เฉิงกัวอันก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวแสดงอาการดีใจอย่างออกนอกหน้ามากเกินไปดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนประเด็นโดยการพูดไปเรื่องอื่น
ที่ด้านข้าง ถึงแม้ว่าเฉิงชิวอวี้จะอารมณ์ดีขึ้นมากแล้วแต่สีหน้าของเธอก็ยังมีความกังวลซ่อนอยู่
“ฮ่าวหราน…ถึงแม้ว่าปัญหาวัตถุดิบจะถูกแก้แล้วแต่ฉันยังสงสัยว่าบริษัทฉีถงจะแก้ข่าวให้กับบริษัทของเรายังไง ตอนนี้ปัญหาที่ใหญ่ไม่แพ้กันก็คือชื่อเสียงของบริษัทเราป่นปี้ไปหมดแล้ว…”
ถึงแม้ว่าฉีถงจะรับปากว่าจะแก้ข่าวให้ แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะแก้ได้มากขนาดไหน
เมื่อได้ยินคำถามนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ทำได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ เขาเองก็ยังไม่รู้เช่นกันว่าฉีถงจะให้ข่าวกับพวกสื่อยังไง เขาจึงทำได้แต่ให้ทุกคนรอถึงช่วงเย็นเพื่อดูการจัดการของฉีถง
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย หลังจากทานอาหารกันเสร็จ และนั่งปรึกษากันอยู่ในออฟฟิศของเฉิงกัวอัน
ในระหว่างนั้นจู่ ๆ หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยก็เคาะประตูและเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับพูดว่า
“ท่านประธาน ที่ด้านนอกมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกนักข่าวกำลังทยอยกลับไปกันเรื่อย ๆ แล้ว! ดูเหมือนว่าพวกนักข่าวจะไม่สนเราอีกต่อไป!”
“จริงเหรอ?”
เฉิงกัวอันถามกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้นทันที เขาไม่นึกเลยว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นเร็วขนาดนี้!
นี่มันดีกับบริษัทของเขามาก!
ว่าแต่ฉีถงทำอะไรลงไปกันแน่?
“หากคุณอยากรู้คำตอบผมว่าคุณควรเปิดทีวีดูด้วยตัวเองจะดีกว่า”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นแนะนำ เขามั่นใจว่าสิ่งที่ฉีถงทำมันน่าจะต้องออกทีวี
เมื่อได้ยินคำแนะนำนี้ คู่พ่อลูกก็รีบเปิดทีวีดูทันที
ถัดจากนั้นทุกคนก็ต้องประหลาดใจที่ข่าวทุกช่องนำเสนอข่าวเดียวกันหมด!
“…บ่ายวันนี้บริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบยาฉีถงได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ความผิดพลาดที่พวกเขาส่งวัตถุดิบที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐานให้กับบริษัทชิวเฮิงจนเป็นเหตุให้คุณภาพยาของของบริษัทชิวเฮิงมีปัญหา ทางประธานบริษัทฉีถงรับปากว่าเขายินดีที่จะชดใช้ความเสียให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ยาที่ไม่มีคุณภาพนี้ทั้งหมด…”
“บริษัทฉีถง ยินดีรับผิดชอบความเสียทั้งหมดให้กับบริษัทชิวเฮิงและผู้ป่วยทุกราย นี่เป็นการแสดงความรับผิดชอบที่…”
“…”
ทุกช่องในทีวีต่างเล่นข่าวนี้กันหมดตลอดบ่าย
การที่บริษัทฉีถงออกมายอมรับความผิดพลาดของตัวเองเช่นนี้ทำให้สื่อต่าง ๆ ทำข่าวออกไปในแนวทางชื่นชมรวมไปถึงพวกคอมเม้นต่าง ๆ ทางสื่อออนไลน์นั้นมีน้อยมากที่จะด่าบริษัทฉีถงและบริษัทชิวเฮิง
‘บริษัทฉีถงไม่ปกปิดปัญหาและยอมรับอย่างเปิดเผยแถมยังชดใช้ให้กับทุกคนที่ซื้อยาที่มีปัญหาไป การทำแบบนี้นับได้ว่าน่ายกย่องเป็นอย่างมากจริง ๆ!’
‘…’
หลังจากดูข่าวและอ่านคอมเม้นทั้งหลาย เฉิงกัวอันถอนหายใจอย่างด้วยความโล่งอก ยิ่งเขาดูมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งโล่งใจว่าบริษัทของเขาพ้นหายนะ แน่ ๆ แล้วรอบนี้
แต่นั่นยังไม่หมดเพราะสำนักข่าวต่าง ๆ ยังคงเล่นข่าวต่อไป ซึ่งมันน่าจะเป็นแผนที่ฉีถงเตรียมเอาไว้เพราะข่าวออกมาว่าสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์นี้มันมาจากบริษัทที่ส่งวัตถุดิบให้กับบริษัทฉีถงในตอนแรกได้เกิดการคอรัปชั่นกันภายในบริษัทจนส่งผลให้วัตถุดิบที่ทั้งบริษัทฉีถงและบริษัทชิวเฮิงได้รับไปนั้นคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน…
กลับกลายเป็นว่าทั้งบริษัทชิวเฮิงและฉีถงต่างก็ตกเป็นเหยื่อเหมือน ๆ กัน
เมื่อข่าวนี้ออกไปสู่สาธารณะ ผู้คนก็ยิ่งรู้สึกเห็นใจบริษัทฉีถงและชิวเฮิงมากขึ้น และเมื่อบวกกับการที่บริษัทฉีถงยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมดผู้คนก็ยิ่งสรรเสริญฉีถงมากกว่าเดิม
เฉิงกัวอันอดไม่ได้ที่จะนึกเอ่ยชมฉีถงในใจ
อีกฝ่ายช่างหลักแหลมจริง ๆ ที่ให้ข่าวออกไปแบบนี้
กลับกลายเป็นว่าจากหายนะตอนนี้มันกลายเป็นโอกาสสร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่ดีงามให้กับบริษัทของชิวเฮิงและฉีถงซะงั้น!
“นี่มันยอดเยี่ยมมากเกินไปแล้ว! ไม่นึกเลยว่าฉีถงจะทำได้ถึงขนาดนี้!”
เฉิงกัวอันยิ้มอย่างพึงพอใจ การที่ผลลัพธ์มันออกมาทางสื่อแบบนี้คงต้องยกความดีให้กับฉีถงและอวี้ฮ่าวหราน!
“น้องอวี้…นางนี่ช่างมหัศจรรย์จริงๆ!”