ตั้งแต่ชั้นบนยันชั้นล่าง ทุก ๆ ที่ที่พวกเขาเดินผ่าน พนักงานต่างล้วนนินทาพวกเขากันทั้งนั้นและเฉิงชิวอวี้ก็ได้ยินพวกมันซะส่วนใหญ่
เธอเหล่มองไปยังผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ เธอด้วยสายตาที่ไม่ปกปิดเลยว่าเธอชอบเขามาก ดังนั้นเธอจึงรู้สึกพอใจที่ถูกทุกคนในบริษัทเข้าใจผิดแบบนี้
“ดูสิฮ่าวหราน ทุกคนเข้าใจเราผิดใหญ่แล้ว!”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ตอบกลับอะไร เขาเอาแต่แสดงสีหน้าแปลกประหลาดเพราะเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเฉิงชิวอวี้กลับทำหน้าตาดีใจเมื่อถูกเข้าใจผิดแบบนี้?
มันเป็นคุณที่เสียหายไม่ใช่หรือไงกับการที่ถูกคนอื่นเข้าใจผิดแบบนี้ คุณควรจะรู้สึกโกรธเคืองไม่ใช่เหรอ?
แต่แล้วทำไมคุณกลับยิ้มระรื่นได้แบบนี้กัน?
ตอนค่ำ
เมื่อกลับไปถึงคฤหาสน์ตระกูลเฉิง เฉิงชิวอวี้วุ่นวายอยู่ในครัวกับบรรดาคนรับใช้พักใหญ่ ๆ จนในที่สุดอาหารก็เริ่มถูกนำออกมาจัดวางบนโต๊ะ
อาหารที่ตั้งบนโต๊ะมีมากกว่าสิบอย่าง ถ้าหากอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้เอ่ยปากห้ามเอาไว้อาหารบนโต๊ะคงมีมากกว่านี้ซะอีก!
“อืม…ไม่เพียงแต่คุณจะทำธุรกิจเก่งแล้ว คุณยังเก่งเรื่องในครัวอีกต่างหาก”
เมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะที่หลากหลายและดูน่าทานเป็นอย่างมาก อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชมอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าเฉิงชิวอวี้จะทำอาหารเก่งกว่าหลี่หรงซะอีก…
“ฮ่า ๆ ลูกสาวของฉันไม่ได้มีดีแค่นี้หรอก!”
เฉิงกัวอันหัวเราะพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“ลูกสาวของฉันมหัศจรรย์มาก ๆ เลยล่ะน้องอวี้ ไม่ใช่แค่ลูกสาวของฉันเก่งแค่การทำอาหาร เย็บปักถักร้อยลูกสาวของฉันก็ทำได้! จากในมุมมองของฉัน ลูกสาวของฉันเหมาะสมและคู่ควรกับน้องอวี้ที่สุด! ชายที่มากความสามารถจำเป็นต้องมีผู้หญิงที่คู่ควรคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง!”
เฉิงชิวอวี้หน้าแดงก่ำทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของพ่อเธอแบบนี้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเธอก็ยังรู้สึกดีใจที่พ่อของเธอพยายามพูดเอ่ยชมเธอให้กับ อวี้ฮ่าวหราน
ความคิดเพ้อฝันมากมายผุดขึ้นในหัวของเธอ
นี่คือผู้ชายคนแรกที่เธอชอบในชีวิต!
กลับกัน สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานเปลี่ยนเป็นตะลึงงัน เขานึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยยกลูกสาวให้เขาแบบโต้ง ๆ ขนาดนี้ อย่างไรก็ตามเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ได้อย่างเหมาะเจาะพอดี!
แต่สาวที่โทรเข้ามาก็ทำให้เขาประหลาดใจเช่นกันเพราะผู้ที่โทรเข้ามาคือ…ฟ่านซีเหยียน!
พวกเขาไม่ได้สนิทกันถึงขนาดจะโทรหากันแบบนี้สักหน่อย?
อย่างไรก็ตามเขาจำเป็นต้องรับสายนี้เพื่อหลบหลีกสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนที่เขากำลังเผชิญอยู่ เขาลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินออกไปรับสายข้างนอกทันที
“นั่น…ใช่คุณอวี้ฮ่าวหรานใช่ไหม?”
“อืม ฟ่านซีเหยียน คุณโทรมามีเรื่องอะไร?”
“ฉันโทรมาเพื่ออยากจะขอบคุณอีกครั้ง ขอบคุณมากจริง ๆ ที่คุณช่วยฉันเอาไว้”
“อืม”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ตอบกลับอะไรมากมายเพราะเขาไม่ได้สนิทกับอีกฝ่ายเหมือนกับเฉิงชิวอวี้ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นนักร้องดังและสวยมากมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเขาเลย
“คือว่า…” ฟ่านซีเหยียน รู้สึกกระอักกระอ่วนเช่นกันที่อีกฝ่ายไม่ค่อยคุยกับเธอเลย แต่เธอก็ยังสูดหายใจลึกเพื่อรวบรวมความกล้าแล้วพูดขึ้นว่า “คือฉันคิดมาอยู่นานแล้วว่าควรจะขอบคุณยังไงดี เอาเป็นว่าฉันขอขอบคุณ คุณด้วยการเลี้ยงข้าวสักมื้อได้ไหม? ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สามารถทำใจให้สงบได้เกี่ยวกับเรื่องที่ฉันได้รับความช่วยเหลือจากคุณเปล่า ๆ โดยไม่ได้ตอบแทนแบบนี้”
“กินข้าวงั้นเหรอ? เอาไว้ผมขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน”
อวี้ฮ่าวหราน ไม่ค่อยอยากจะไปตามคำเชิญของอีกฝ่ายเท่าไหร่ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนดังก็ตาม
“งั้นเอาแบบนี้ ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจแบบไหนพรุ่งนี้ฉันจะรอคุณอยู่ที่ภัตตาคารจินหัว ตอน 4 โมงเย็น ฉันหวังว่าคุณจะมาเจอฉันสักหน่อย”
เมื่อสังเกตได้จากน้ำเสียงว่าอีกฝ่ายดูลังเลเหมือนกับว่าไม่อยากมาเจอเธอ ฟ่านซีเหยียนจึงตัดสินใจบอกสถานที่และเวลานัดออกไปจากนั้นเธอวางสายโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายบอกปฏิเสธเลย
ในห้องทานอาหาร
“ลูกพ่อ เมื่อครู่พ่อแอบเดินไปฟังดู ดูเหมือนว่าคนที่โทรหาอวี้ฮ่าวหราน จะเป็นผู้หญิงที่ชื่อฟ่านซีเหยียน ผู้หญิงคนนี้เป็นคู่แข่งหัวใจของลูกหรือเปล่า?”
เฉิงกัวอันเดินกลับมานั่งที่โต๊ะและถามลูกสาวของตัวเองด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ฟ่านซีเหยียน? นี่พ่อจำไม่ได้งั้นเหรอว่าเธอคือนักร้องที่หนูไปดูคอนเสิร์ตกับอวี้ฮ่าวหราน?” เฉิงชิวอวี้เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
“แล้วถ้างั้นทำไมนักร้องที่ดังแบบนั้นถึงโทรหา…”
ก่อนที่เฉิงกัวอันจะทันได้พูดจบ เฉิงชิวอวี้พูดแทรกขึ้นก่อน “ฟ่านซีเหยียนไม่น่าจะชอบอวี้ฮ่าวหรานหรอก เธอเป็นถึงนักร้องดังเธอคงไม่สนใจคนอย่าง…”
อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงจุดนี้เฉิงชิวอวี้สะอึกทันที
คนอย่างอวี้ฮ่าวหราน… คนที่สมบูรณ์แบบเพียบพร้อมไปในทุก ๆ ด้าน…
ผู้หญิงที่รู้จักเขาดีคนไหนจะไม่ชอบเขากันบ้างล่ะ!!!
และยิ่งไปกว่านั้น ฟ่านซีเหยียนเคยถูก อวี้ฮ่าวหราน ช่วยเอาไว้ด้วยอีกต่างหากไม่ได้การแล้ว!
ยิ่งเธอคิดเธอก็ยิ่งมองเห็นความเป็นไปได้ว่าฟ่านซีเหยียนอาจจะกลายมาเป็นคู่แข่งของเธอในอนาคต!
คู่แข่งที่น่ากลัว!
หลังจากทานอาหารค่ำกันเสร็จเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชมฝีมือการทำอาหารของเฉิงชิวอวี้อีกรอบและจากนั้นเขาจึงขอตัวกลับบ้านซึ่งเฉิงชิวอวี้ต้องการจะออกไปส่งเขา แต่เขาก็ปฏิเสธอย่างสุภาพไป
เป็นเวลาสี่ทุ่มพอดีเมื่อเขากลับไปถึงคอนโด
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง อวี้ฮ่าวหรานประหลาดใจนิดหน่อยที่วันนี้ หลี่หรงไม่ได้อยู่รอเขาเหมือนวันอื่น ๆ ทุกคนปิดไฟนอนกันหมดแล้วและบรรยากาศในห้องนั่งเล่นก็มืดสนิท
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเดินไปเปิดประตูห้องของเขาเอง เขากลับพบว่ามันถูกล็อคอยู่!
อวี้ฮ่าวหรานถึงกับงุนงง
“ช่างเถอะ คืนนี้นอนที่โซฟาก็ได้…”
หลังจากถอนหายใจด้วยความหดหู่อยู่พักหนึ่ง เขาก็พอจะเดาได้ว่านี่คงจะเป็นฝีมือของหลี่หรงที่หงุดหงิดเขาเนื่องจากเขาไม่ยอมกลับมากินข้าวเย็นสองวันติด
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงล้มตัวลงนอนที่โซฟาเพื่อพักผ่อน
เช้าวันต่อมา
ในห้องนั่งเล่น
“พ่อจ๋า พ่อไม่ได้ไปส่งหนูไปโรงเรียนมาหลายวันแล้วนะ แม่หรงไปส่งหนูตลอดเลย!”
ทันทีที่ถวนถวนเห็นหน้าพ่อของเธอ เธอก็อดไม่ไม่ได้ที่จะบ่นขึ้น
เมื่อเห็นว่าแม้แต่ลูกสาวของตัวเองยังบ่น อวี้ฮ่าวหรานจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าใจว่าทำไมหลี่หรงถึงโกรธ ช่วงนี้เขาละเลยหลายสิ่งที่บ้านมากเกินไปจริงๆ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาจึงอุ้มถวนถวนขึ้นมาบนอกและพูดว่า
“วันนี้พ่อไม่มีธุระอะไรแล้ว ให้พ่อพาถวนถวนไปสวนสนุกที่บริษัทพ่ออีกรอบดีไหม?”
เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์พอดี ดังนั้นถวนถวนจึงไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียน
“เย้! ถวนถวน รักพ่อจ๋าที่สุดในโลกเล้ย!”
เด็กน้อยอารมณ์เปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำว่าเธอกำลังจะได้ไปสวนสนุก เธอหอมแก้มอวี้ฮ่าวหรานฟอดใหญ่
อวี้ฮ่าวหรานพาถวนถวนไปถึงบริษัทเวลาประมาณ 9.30 น. เขาส่ง ถวนถวน ไปที่แผนกสวนสนุกของบริษัทก่อนที่ตัวเขาเองจะเดินกลับไปที่ออฟฟิศของเขา
ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วถวนถวนจะตกลงมาจากสไลเดอร์จนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่คราวนี้อวี้ฮ่าวหรานวางใจได้มากกว่าเดิมเพราะเขาได้สั่งให้คนติดตั้งเบาะโฟมที่พื้นเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่งแล้ว
หลังจากเข้าไปนั่งในออฟฟิศของตัวได้ไม่เท่าไหร่ เผิงอิงอิงที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลก็เคาะประตูและเข้ามาหาเขา
“ท่านประธาน วันนี้ท่านมาซะเช้าเชียว”
เผิงอิงอิงเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและค่อย ๆ เดินเข้ามาหาด้วยกิริยาเย้ายวน
“ท่านประธานอวี้ วันนี้ฉันเพิ่งเปลี่ยนน้ำหอมมาใหม่ ท่านช่วยลองวิจารณ์สักหน่อยจะได้ไหมว่ากลิ่นของมันดีรึเปล่า?”
เผิงอิงอิงพูดขึ้นพลางโน้มตัวเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหราน และด้วยการที่เธอใส่เสื้อคอเว้า ดังนั้นมันจึงทำให้เห็นเนินอกของเธอได้อย่างชัดเจน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอกำลังตั้งใจยั่วยวนอวี้ฮ่าวหราน!
“นี่คุณไม่มีงานจะต้องทำหรือไง?”
อวี้ฮ่าวหรานผลักอีกฝ่ายออกไปด้วยสีหน้ารำคาญ
“เอ่อ…ฉัน…”
เผิงอิงอิงแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง เธอไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะผลักเธอออกอย่างไรเยื่อใยขนาดนี้แถมยังใช้น้ำเสียงแข็งกับเธออีกต่างหากจนเธอทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหัวแล้วเดินออกไปจากห้อง
อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด
เขาไม่เคยมีความรู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด โดยเฉพาะการแต่งหน้าที่หนาเตอะและน้ำหอมที่กลิ่นฉุนแรงซึ่งมันทำให้เขาอยากจะอ้วกออกมา
ถัดมาหลังจากเผิงอิงอิงออกไปไม่นาน ผู้จัดการหวังก็เข้ามาหา อวี้ฮ่าวหราน ด้วยสีหน้าไม่พอใจอะไรสักอย่าง
“มีอะไร? ทำไมคุณถึงทำหน้าทำตาแบบนั้น?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากหรอกท่านประธาน มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับหัวหน้าแผนฝ่ายบุคคลใหม่ของเรา เผิงอิงอิง…ผมคิดว่าท่านคงจำเธอได้”