“พลั่ก!”
นักเลงสิบกว่าคนวิ่งกรูกันเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหรานอย่างมั่นใจ แต่ในเวลาไม่กี่วินาทีถัดมา คนที่วิ่งเร็วที่สุดถูกถีบจนร่างลอยละลิ่วถอยกลับไปเร็วกว่าที่วิ่งเข้ามาหาเสียอีก
“โครม!”
เสียงดังสนั่นบังเกิดขึ้นเมื่อร่างของนักเลงผู้ที่โดนถีบคนแรกลอยกระเด็นไปชนกับต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ
ผลจากแรงถีบทำให้ซี่โครงหักทันทีไปหลายซี่ และนั่นทำให้นักเลงผู้โชคร้ายไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีกเลย
“พลั่กๆๆๆ!”
เสียงหมัดและลูกถีบยังคงดังอย่างต่อเนื่อง บรรดานักเลงนับสิบคนบางคนไม่มีโอกาสแม้กระทั่งร้องออกมาก่อนที่จะหมดสติไป
แค่เพียงไม่เกิน 10 วินาทีนักเลงสิบกว่าคนก็ถูกปราบปรามจนเหี้ยน
ภาพนี้ทำให้ฝูงชนที่มองดูเหตุการณ์ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
“คน ๆ นี้มีพลังวิเศษเหมือนในหนังหรือไง? เมื่อกี้ฉันก็เห็นเขาวิ่งบนน้ำแถมตอนนี้เขายังสามารถล้มนักเลงสิบกว่าคนได้ภายในพริบตาอีก นี่มันจะเก่งเกินไปไหม?!”
“สุดยอด! เทียบกันแล้ว…เทควันโดกลายเป็นศิลปะป้องกันตัวของพวกปาหี่ไปเลย!”
“ฮ่า ๆ สะใจจริง ๆ โว้ย ในที่สุดไอ้กัวหาวมันก็โดนสั่งสอนจนได้!”
“…”
เมื่อเห็นสถานการณ์ในตอนนี้ที่กัวหาวกำลังย่ำแย่ ฝูงชนจึงไม่กลัวเขาอีกต่อไปและกล้าวิจารณ์อย่างเปิดเผย
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน หลังจากจัดการกับพวกลิ่วล้อสิบกว่าคนเรียบร้อย เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปหากัวหาวด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“เอาล่ะ เมื่อกี้แกบอกว่าจะตัดขาฉันไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่วิ่งเข้ามาล่ะ? ฉันรออยู่นะ”
แน่นอนว่าคนสุดท้ายที่ยังเหลือรอดอยู่คือกัวหาว ซึ่งกำลังอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น
ด้วยประสบการณ์ที่เขาอยู่ในแก็งค์มังกรครามมานานเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าคนที่สามารถล้มลูกน้องของเขาได้อย่างง่ายดายมีแต่พวกผู้ฝึกยุทธเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นคนที่เขากำลังเผชิญหน้าด้วยต้องเป็นพวกที่แข็งแกร่งสุด ๆ แน่นอน!
นี่เขาพลาดไปยุแหย่ตัวอันตรายแบบนี้ได้ยังไง?
ซวยแล้ว!
“อ….เอ่อ..น้องชาย…พวกเรามาค่อย ๆ คุยกันก่อนดีไหม? ย…อย่าเพิ่งใจร้อนเลย…”
กัวหาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับโยนมีดทิ้งและโบกมือแสดงท่าทียอมแพ้
เขารู้ดีว่าต่อหน้าพวกผู้ฝึกยุทธมีดในมือของเขาไม่ต่างอะไรกับกิ่งไม้แห้ง!
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะยอมจำนนหรือว่าจะสู้ต่อ เขาเดินเข้าหาเรื่อย ๆ ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
เขาตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่ายังไงวันนี้เขาจะลงโทษไอ้คนผู้นี้โดยการบดกระดูกมือของมัน!
“แกจำได้ไหมว่าฉันพูดอะไรกับแกก่อนหน้านี้? ฉันบอกแกไปใช่ไหมว่าฉันจะหักมือแก?”
ถึงแม้ว่าหลี่หรงจะยังไม่ได้รับอันตราย แต่คนที่บังอาจคิดร้ายต่อคนในครอบครัวของเขาต้องได้รับการลงทัณฑ์!
กัวหาวเมื่อได้ยินเช่นนี้ ตัวของเขาสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวทันที เขารีบพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ม…ไม่ได้นะ! หักไม่ได้! แกจะหักมือของฉันไม่ได้!”
“โอ้งั้นเหรอ? ไหนลองให้เหตุผลฉันสักข้อได้ไหมว่าทำไมฉันถึงหักมือแกไม่ได้?”
ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
“ไอ้หนุ่ม! แกอย่าได้ใจไปนัก ฉันคือหัวหน้าสาขาของแก็งค์มังกรครามเชียวนะโว๊ย ถึงแม้ว่าแกจะเป็นผู้ฝึกยุทธแต่ในแก็งค์ของฉันก็มีคนแบบแกเยอะแยะ ถ้าแกทำอะไรฉัน แกไม่รอดแน่!”
“โอ้น่ากลัวจริง ๆ เลยนะ?”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มอย่างขบขัน
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้า กัวหาวจึงเข้าใจไปว่าอีกฝ่ายคงยอมถอยแน่นอนเขาจึงเอ่ยขึ้นอีกด้วยสีหน้าที่ขึงขังมากกว่าเดิม
“กลัวก็ดี! เอาล่ะตอนนี้แกก้มหัวขอโทษฉันซะไม่งั้นแก็งค์ของฉัน…อ่อก!!”
ยังไม่ทันที่จะโอ้อวดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็พุ่งตัวเข้าหากัวหาวอย่างรวดเร็วและบีบคออีกฝ่ายด้วยมือซ้ายภายในพริบตา
“แก็งค์มังกรครามบ้าบอของแกไม่เคยอยู่ในสายตาของฉันมาแต่ไหนแต่ไร แกคิดว่าแค่อ้างชื่อแก็งค์ปัญญาอ่อนของแกขึ้นมาแล้วฉันจะกลัวงั้นเหรอ?”
หลังจากพูดจบประโยคนี้ อวี้ฮ่าวหรานใช้มือขวาข้างที่ว่างอยู่บีบมืออีกฝ่ายอย่างรุนแรง
“กร๊อบ!!”
อวี้ฮ่าวหรานออกแรงงบีบอย่างพอเหมาะเอาแค่ให้กระดูกอีกฝ่ายแหลกละเอียด เขาไม่อยากบีบแรงเกินไปเพราะไม่งั้นมือของอีกฝ่ายคงเละคามือของเขา
กัวหาวเจ็บปวดสุดชีวิตแต่เขาไม่สามารถร้องออกมาได้เพราะโดนบีบคออยู่ เขาทำได้แค่เพียงดิ้นทุรนทุรายไปมาและพยายามแกะมืออวี้ฮ่าวหรานออกจากคอแต่น่าเสียดายที่มันไร้ผล…
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็บีบมืออีกข้างของกัวหาวให้กระดูกแตกละเอียดเช่นกันก่อนที่จะโยนร่างอีกฝ่ายออกไปราวกับโยนขยะทิ้ง
“อ๊าก! มือฉัน มือฉัน!”
กัวหาวเมื่อถูกโยนลงไปที่พื้นเขาก็นอนดิ้นพลางร้องโหยหวนอย่างน่าอนาถ ส่วนอวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายต่อ เขาพาหลี่หรงและถวนถวนเดินกลับไปที่รถทันที
ฝูงชนที่มุงดูอยู่เมื่อเห็นสภาพที่น่าอนาถของกัวหาว พวกเขาต่างก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ดีจริง ๆ ในที่สุดไอ้เดนมนุษย์นี่มันก็โดนสั่งสอนซะบ้าง นับจากนี้มันคงพิการไปตลอดชีวิต!”
“ฮ่าฮ่า มีความสุขจริงโว้ย ในที่สุดกรรมก็ตามทันคนอย่างไอ้กัวหาวสักที!”
“…”
ทุกคนที่มุงดูส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้จักความเลวของกัวหาวเป็นอย่างดี
เมื่อคนเลวผู้นี้ถูกสั่งสอนพวกเขาจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
ครึ่งชั่วโมงต่อมาในที่สุดอวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถพาหลี่หรงและถวนถวน กลับมาถึงคอนโด
“เฮ้อ…ในที่สุดก็ถึงบ้านสักที ทำไมเดี๋ยวนี้การออกไปข้างนอกมันอันตรายขนาดนี้ สงสัยในอนาคตหากเป็นไปได้เราไม่ควรออกจากบ้านบ่อย ๆ จะดีกว่า”
หลี่หรงถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจก่อนที่จะนั่งลงที่โซฟา
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะ “ไม่ต้องกังวลหรอก ตราบใดที่มีพี่อยู่ ไม่มีใครทำอันตรายเราได้หรอก”
“อืม ฉันเชื่อว่าพี่สามารถปกป้องพวกเราได้…”
หลี่หรงตอบกลับพร้อมกับเม้มริมฝีปาก ในใจเธออยากให้อวี้ฮ่าวหราน ปกป้องเธอแบบนี้ตลอดไป…
หลังจากนั้นเมื่อไม่มีอะไรแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็แยกกลับไปที่ห้องของเขาและนั่งคิดจริงจังเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
แก็งค์มังกรครามคุกคามครอบครัวของเขามาหลายรอบแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องจัดการให้เด็ดขาดสักที!