ถึงเวลาที่ต้องถอนรากถอนโคนแล้ว! อวี้ฮ่าวหรานตัดสินใจอย่างแน่วแน่ แต่แล้วจู่ ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“โจวเฟยหู่?”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่ชื่อผู้โทรเข้าในหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับขมวดคิ้วสงสัยว่าอีกฝ่ายโทรมาทำไมตอนนี้?
“ฮัลโหล น้องอวี้ใช่ไหม?”
“อืมผมเอง มีเรื่องอะไร?”
“น้องอวี้…ฉันขอรบกวนขอความช่วยเหลืออีกสักครั้งเถอะ ตอนนี้สถานการณ์การปะทะระหว่างแก็งค์ของฉันกับหยวนหลงมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว แต่พวกฉันไม่สามารถปิดบัญชีได้ แม้แต่หวังเหยียนในตอนนี้ก็บาดเจ็บเพราะตาเฒ่าที่เป็นอาจารย์ของหยวนหลง”
โจวเฟยหู่อธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้
“ฉันไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆ ตอนนี้ ดังนั้นฉันจึงเหลือแค่เพียงทางเลือกเดียวคือมาขอความช่วยเหลือจากน้องอวี้”
อวี้ฮ่าวหรานเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินรายละเอียดทั้งหมด เขาไม่นึกเลยว่าจู่ ๆ ทุกอย่างจะเป็นใจให้เขาแบบนี้
เมื่อครู่นี้ชายหนุ่มกำลังวางแผนทำลายแก็งค์มังกรครามอยู่พอดี ตอนนี้เขากลับมีผู้ช่วยเพิ่มซะงั้นโดยที่ไม่จำเป็นต้องร้องขอ
“สรุปสั้น ๆ คือคุณต้องการให้ผมช่วยจัดการกับตาเฒ่าคงเหอใช่ไหม?”
“ใช่เลย!” โจวเฟยหู่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แต่หลังจากนั้นเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าแสดงน้ำเสียงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่จึงปรับโทนเสียงให้เป็นจริงจังเหมือนเดิม “อ…เอ่อ ฉันหมายความว่ามันคงจะดีมากจริง ๆ หากน้องอวี้ช่วยลงมือจัดการกับคงเหอให้สักหน่อย เพราะฝั่งฉันไม่มีใครสักคนที่สามารถต่อกรกับตาแก่นั่นได้”
“ก็ได้ ผมสัญญาว่าผมจะจัดการกับตาแก่นั่นให้เพื่อตอบแทนที่คุณช่วยแก้ปัญหาให้ผมเมื่อคราวที่แล้ว”
หลังจากนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็ถามที่อยู่ของสาขาใหญ่ของแก็งค์มังกรครามก่อนที่จะวางสายไป
“พี่จะออกไปทำธุระข้างนอก วันนี้พี่คงกลับช้าหน่อย”
อวี้ฮ่าวหรานเดินออกมาจากห้องเมื่อเห็นว่าหลี่หรงนั่งอยู่ที่โซฟา เขาจึงเอ่ยปากบอกไป
“อืม พี่เขยรีบไปเถอะ ระวังตัวด้วยล่ะ” หลี่หรงตอบกลับ
เธอไม่ได้พยายามห้าม เพราะเธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดังออกมาจากห้องของอวี้ฮ่าวหรานเช่นกัน แม้ว่าจะไม่รู้รายละเอียดว่ามันคือเรื่องอะไรแต่เธอก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ…
“อืม”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้ารับปาก ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปและขับรถมุ่งหน้าไปที่แหล่งกบดานสาขาใหญ่ของแก็งค์มังกรคราม ซึ่งอยู่แถบชานเมืองห่างไกลจากชุมชน
หลังจากขับรถไปได้ครึ่งชั่วโมง อวี้ฮ่าวหรานก็ไปถึงสถานที่ ๆ โจวเฟยหู่บอกเอาไว้ มันเป็นคฤหาสน์หลังโตที่มีกำแพงสูงมากกว่า 3 เมตรล้อมรอบทุกด้าน อย่างไรก็ตามในขณะนี้บริเวณด้านนอกกำแพงคฤหาสน์กำลังมีคนราวสี่ถึงห้าร้อยกำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายทั่วบริเวณ
ผู้คนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ณ ขณะนี้ส่วนใหญ่ใส่ชุดสูทที่มีสัญลักษณ์ของแก็งค์พยัคฆ์เวหา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าในด้านจำนวนแก็งค์มังกรครามกำลังเสียเปรียบ แต่ถ้าสังเกตดี ๆ แล้วล่ะก็…..
การต่อสู้เป็นไปอย่างรุนแรงโดยเฉพาะบริเวณหน้าประตูกำแพง
อวี้ฮ่าวหรานกวาดตามองเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็ได้เห็นว่าหวังเหยียน กำลังชุลมุนอยู่บริเวณหน้าประตูกำแพงเช่นกัน
หวังเหยียนในขณะนี้อยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ เขามีบาดแผลเต็มตัวไปหมดและกำลังเผชิญกับการถูกรุมโดยผู้ฝึกยุทธถึง 3 คน
เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ตัดสินใจพุ่งตัวไปที่บริเวณประตูหน้าเพื่อช่วยอีกฝ่ายทันที!
“เฮ้ หวังเหยียน ฉันบอกเอาไว้เลยว่าวันนี้คือวันตายของแกแน่นอน!”
“แกกับแก็งค์ของแกรนหาที่ตายแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงบุกมาที่นี่!”
ผู้ฝึกยุทธทั้งสามคนของแก็งค์มังกรครามพูดจาเยาะเย้ยพลางโจมตี หวังเหยียนไม่หยุด
หวังเหยียนในขณะนี้ยิ่งสู้ก็ยิ่งเสียเปรียบ สาเหตุที่เขายังคงสามารถยืนหยัดได้เป็นเพราะใจล้วนๆ
หากไม่ใช่เพราะไอ้ตาแก่คงเหอนั่น ฉันคนนี้คงไม่มีสภาพแบบนี้และแก็งค์ของฉันคงชนะไปแล้ว!
หวังเหยียนเคียดแค้นในใจ
บาดแผลส่วนใหญ่ที่เขาได้รับนั่นได้มาจากคงเหอที่ออกมาโจมตีเขา แต่โชคดีที่คนในแก็งค์ของเขามีจำนวนมากกว่าดังนั้นคงเหอจึงได้รับบาดเจ็บเช่นกันจนต้องล่าถอยกลับเข้าไปด้านใน
อย่างไรก็ตาม เขากลัวที่สุดคือถ้าเมื่อไหร่คงเหอฟื้นตัวแล้วออกมาอีกรอบ พวกของเขาคงแตกพ่ายแน่ ๆ เพราะขณะนี้ผู้ฝึกยุทธฝั่งของแก็งค์พยัคฆ์เวหาล้วนได้รับบาดเจ็บทุกคน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้…หวังเหยียนก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากจะยินยอม
ทำไมไอ้แก่นั่นต้องโผล่มาตอนนี้ด้วย??
แต่ว่าอันที่จริงพวกเขาก็ยังพอมีหวัง!
หวังเหยียนพยายามยืนหยัดให้ได้นานที่สุดเพื่อรอคอยคนที่เขาคาดหวังให้มาช่วย
ตราบใดที่ชายคนนั้นมาและลงมือ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยแน่นอน!
ในขณะที่หวังเหยียนกำลังเฝ้ารออยู่นั้น ในที่สุดคนที่เขาเฝ้ารอมาตลอดก็ปรากฏกายต่อหน้าเขา!
อวี้ฮ่าวหราน!
“บรึ้ม!”
อวี้ฮ่าวหรานกระโดดลงไปกลางวงล้อมและปลดปล่อยพลังวิญญาณกระแทกผู้ฝึกยุทธทั้งสามคนของแก็งค์มังกรครามจนกระเด็นถอยออกไป
“ใครกันวะ!?”
ผู้ฝึกยุทธของแก็งค์มังกรครามตะโกนถามด้วยสีหน้าเดือดดาลทันที
“น้องอวี้ ในที่สุดนายก็มา!”
อวี้ฮ่าวหรานทำเพียงพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่จะยกมือขึ้นข้างหนึ่งแล้วซัดฝ่ามือปล่อยพลังวิญญาณออกไปยังผู้ฝึกยุทธทั้งสามคนที่กำลังพุ่งเข้ามาหาอีกรอบ
“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย! แกเป็นใครกันวะ แกอยากตายนักใช่ไหมถึงร่วมมือกับแก็งค์พยัคฆ์….เอ๊ะ?”
ก่อนที่จะทันพูดจบ ผู้ฝึกยุทธทั้งสามคนของแก็งค์มังกรครามก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของพลังฝ่ามือที่อวี้ฮ่าวหรานซัดออกมาในระยะไกล
ในตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันคงไม่ได้รุนแรงอะไรมากเพราะการปลดปล่อยพลังออกมาแบบนี้ยิ่งระยะไกล ความรุนแรงก็ยิ่งถูกบั่นทอนลง แต่อย่างไรก็ตาม พลังของฝ่ามือที่อวี้ฮ่าวหรานซัดออกมามันไม่ถูกลดทอนลงเลยถึงแม้ว่าจะอยู่ในระยะห่างเกือบ 10 เมตร!
“นี่มันพลังบ้าอะไรกัน…อั่ก!”
ผู้ฝึกยุทธทั้งสามคนถูกคลื่นพลังฝ่ามือของอวี้ฮ่าวหรานซัดจนกระเด็นไปชนกับประตูกำแพงจนประตูล้มดังสนั่น ส่วนพวกผู้ฝึกยุทธยังคงกระเด็นต่อไปไกลอีกสิบกว่าเมตรเข้าไปถึงบริเวณสวนหย่อมด้านใน
“แค่กๆ”
ผู้ฝึกยุทธทั้งสามของแก็งค์มังกรครามรีบยันกายลุกขึ้นด้วยความลำบากก่อนที่จะจ้องชายหนุ่มผู้มาใหม่ด้วยสีหน้าตกตะลึง
เมื่อไหร่กันที่แก็งค์พยัคฆ์เวหามีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้?
“นี่แกอยู่ในระดับปรมาจารย์งั้นเหรอ?” หนึ่งในผู้ฝึกยุทธอุทานขึ้น
“เป็นไปไม่ได้บนโลกนี้จะมีปรมาจารย์ที่อายุน้อยแบบนี้ได้ยังไง?!” ผู้ฝึกยุทธอีกคนเอ่ยขึ้นเช่นกันด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
อวี้ฮ่าวหรานค่อย ๆ เดินเข้าไปด้านในบริเวณคฤหาสน์ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ปรมาจารย์? เหอะ! สายตาของพวกมดปลวกนี่มันช่างน่าหัวเราะจริงๆ”
“ไอ้พวกแก็งค์พยัคฆ์เวหามันทะลวงประตูเข้ามาแล้ว พวกเรามาช่วยกันหน่อยเร็ว!”
ในขณะเดียวกัน คนของแก็งค์มังกรครามที่อยู่ด้านหลังกำแพงก็วิ่งกรูกันออกมาจากทั่วทุกทิศทุกทางพุ่งเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานอย่างดุดัน
อวี้ฮ่าวหรานเมื่อเห็นภาพเช่นนี้เขาก็ยิ้มเยาะก่อนที่จะกำหมัดแน่นพร้อมกับโคจรพลังวิญญาณและชกออกไปอย่างรุนแรง
“ปัง!!”
“อ๊ากก!!”
คราวนี้พลังวิญญาณของอวี้ฮ่าวหรานควบแน่นกันเป็นรูปร่างหมัดขนาดยักษ์และพุ่งไปข้างหน้ากวาดทุกสิ่งอย่างที่ขวางทางมันโดยเฉพาะคนของแก็งค์มังกรครามยี่สิบกว่าคนที่วิ่งดาหน้ากันเข้ามา
คนของแก็งค์มังกรครามที่ถูกคลื่นพลังหมัดนี้กวาดร่างไปจนลอยละลิ่วส่วนใหญ่ตายในทันทีเนื่องจากอวัยวะภายในแหลกละเอียดจนหมดสิ้น แต่ยังมีส่วนน้อยที่โชคดีโดนพลังหมัดไปไม่เต็มนักซึ่งหลังจากนี้หากไม่พิการตลอดชีวิตก็คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน!