อวี้ฮ่าวหรานมองกระบี่สั้นในกล่องพลางถอนหายใจ
ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงหลินป๋อโชคดีได้สมบัติล้ำค่า แต่มันเหมือนกับว่าอีกฝ่ายขุดเจอขุมทรัพย์กองโตเลยต่างหาก
หลังจากคุยกันไปได้อีกสักพัก อวี้ฮ่าวหรานจึงขอตัวกลับ ทว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้เดินออกจากห้องไป ซูหว่านเอ๋อร์ก็เอ่ยเรียกหยุดเขาก่อน
“อวี้ฮ่าวหราน!”
“หืม? มีอะไรงั้นเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานหยุดเดินและหันกลับไปหาอีกฝ่าย ซึ่งชายหนุ่มก็ได้เห็นว่า ซูหว่านเอ๋อร์กำลังก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
หลังจากตะโกนเรียก ดูเหมือนว่าเธอจะใช้ความกล้าไปหมดเรียบร้อย
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเรียกแต่ไม่พูดอะไรต่อ อวี้ฮ่าวหรานจึงหันไปถาม หลินป๋อด้วยสีหน้างุนงง
“นี่…หลานสาวของคุณต้องการพูดอะไรกับผมกันแน่?”
“ฮ่า ๆ เรื่องราวของหนุ่มสาวคนแก่อย่างฉันขอไม่ยุ่งด้วยจะดีกว่า”
หลินป๋อหัวเราะเสียงดังก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมกับกล่องกระบี่ ปล่อยให้คนทั้งคู่อยู่ตามลำพังในห้องสองคน
“คือว่า…”
เมื่อเวลาผ่านไป ซูหว่านเอ๋อร์ก็เริ่มรวบรวมความกล้าได้และพูดขึ้นอีกหน
“คือ…ที่บ้านของฉันก็มีวัตถุโบราณที่ฉันซื้อสะสมเอาไว้เยอะอยู่เหมือนกันแต่ฉันไม่แน่ใจว่าทุกชิ้นเป็นของแท้หรือเปล่า มันคงจะดีหากคุณช่วยไปดูพวกมันให้ฉันบ้าง…”
หลังจากพูดจบ ซูหว่านเอ๋อร์ก็หลบตาอีกครั้งราวกับว่าเธอใช้ความกล้าหมดไปอีกแล้ว
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกงุนงง เรื่องแค่นี้เองทำไมถึงไม่กล้าพูดกับเขาขนาดนี้?
หรือว่าเธอจะ…
“หากเป็นการดูวัตถุโบราณ ทำไมคุณไม่เอาพวกมันมาที่นี่ด้วยเลย? หรือว่ามีอะไรไม่สะดวก?”
เขาถามกลับด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่
“คือฉัน….”
ซูหว่านเอ๋อร์สูดหายใจลึก ๆ เพื่อรวบรวมความกล้าอีกรอบก่อนจะพูดต่อ
“คือคุณช่วยไปที่บ้านฉันไปดูพวกมันกับฉันหน่อยได้ไหม? คือมันมีหลายชิ้นและฉันเองก็…”
ยิ่งเธอพูดแก้มของเธอก็ยิ่งแดงอย่างเห็นได้ชัด
“ก็ได้ ๆ งั้นพวกเราไปกันเลยก็แล้วกันจะได้ไม่เสียเวลา”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพูดจาตะกุกตะกัก อวี้ฮ่าวหรานจึงตอบตกลงตัดบทให้จบ ๆ ไป
“จ…จริงเหรอ? ถ…ถ้างั้นฉันพาคุณไปเลยนะ?”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบตกลง ซูหว่านเอ๋อร์รีบนำทางไปในทันที
ราวครึ่งชั่วโมงต่อมา
อวี้ฮ่าวหรานขับรถไปถึงคฤหาสน์ขนาดใหญ่หลังหนึ่ง ภายใต้การบอกทางของซูหว่านเอ๋อร์
“ที่นี่แหละ จอดตรงนี้ได้เลย”
“เป็นอย่างที่ผมคาดเอาไว้ คุณมาจากตระกูลที่ร่ำรวยจริง ๆ ด้วย”
เมื่อเห็นคฤหาสน์หลังโตที่สวยงาม อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นทัก
หลังจากเดินเข้าไปด้านในคฤหาสน์ ซูหว่านเอ๋อร์นำทางชายหนุ่มไปยังห้องจัดแสดงวัตถุโบราณทันที
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยกับขนาดของห้องจัดแสดงที่มีขนาดใหญ่มากแถมวัตถุโบราณที่อยู่ในห้องนี้น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 100 ชิ้น!
“คุณมีวัตถุโบราณเยอะจริง ๆ”
เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงเปิดใช้งานเนตรเทวะทันทีเพื่อดูว่ามีวัตถุโบราณกี่ชิ้นในที่นี่…ที่มีพลังวิญญาณแฝงอยู่
หืม? มีสิบกว่าชิ้นเลยงั้นเหรอ?
โชคดีเข้าให้แล้ว!
“นี่คือทั้งหมดที่ฉันสะสมมาตลอดหลายปีซึ่งหลายชิ้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประวัติมันเป็นยังไง คุณช่วยดูให้ฉันทีได้ไหม? และอีกอย่างฉันเองก็ไม่แน่ใจว่ามีชิ้นไหนเป็นของปลอมบ้างหรือเปล่า” ซูหว่านเอ๋อร์เอ่ยขึ้น
“คุณคงเสียเงินไปกับพวกมันเยอะมากเลยสินะ”
อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสังเกต
“ฉันก็แค่ชอบวัตถุโบราณมากก็แค่นั้น”
ซูหว่านเอ๋อร์ตอบกลับด้วยสีหน้าเขินอาย ซึ่งทำให้ชายหนุ่มงุนงงเล็กน้อยว่าผู้หญิงคนนี้จะอายไปทำไม?
จากนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็เริ่มตรวจวัตถุโบราณไปทีละชิ้น
“ชิ้นนี้คือจี้หยกที่แกะโดยช่างในวังหลวงสมัยราชวงศ์โจว มันเป็นของแท้ ส่วนชิ้นนี้คือ…”
อวี้ฮ่าวหรานไล่ตรวจสอบและอธิบายไปเรื่อย ๆ ซึ่งซูหว่านเอ๋อร์ก็ตั้งใจฟังอย่างจริงจังแถมยังจดคำพูดของอวี้ฮ่าวหรานลงไปในสมุดโน้ตของเธออีกต่างหาก
หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง วัตถุโบราณทั้งหมดก็ถูกตรวจสอบจนครบซึ่งมีแค่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่เป็นของปลอม
“สุดยอดมาก ๆ เลย! ฉันไม่นึกเลยว่าคุณจะรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกวัตถุโบราณมากขนาดนี้ ฉันเทียบกับคุณไม่ได้เลย!”
หลังจากตรวจสอบวัตถุโบราณครบทุกชิ้น ซูหว่านเอ๋อร์ก็เอ่ยชมอวี้ฮ่าวหรานด้วยตาเป็นประกาย เธอรู้สึกชื่นชมผู้ชายตรงหน้าเธอเป็นอย่างมาก
“ผมแค่อ่านมาเยอะก็เท่านั้น”
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับ ที่ชายหนุ่มรู้มากขนาดนี้เป็นเพราะเขาอ่านหนังสือเกี่ยวกับวัตถุโบราณบ่อยจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาตรวจสอบวัตถุโบราณเหล่านี้ให้ซูหว่านเอ๋อเสร็จ หัวสมองของเขาก็เริ่มคิดหาวิธีเข้าถึงวัตถุโบราณที่มีพลังวิญญาณแฝงอยู่
ต้องรู้ว่าแค่การเจอพวกมันชิ้นเดียวก็นับว่ายากแล้วแต่ที่นี่มีถึงสิบกว่าชิ้นซึ่งแทบเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์สำหรับเขา ดังนั้นต้องฉวยโอกาสนี้เอาไว้…
หากชายหนุ่มดูดซับพลังวิญญาณจากพวกมันได้ครบทุกชิ้น ระดับการบ่มเพาะของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นอีกมากแน่นอน
“ซูหว่านเอ๋อ…มันมีวัตถุโบราณบางชิ้นที่ผมอยากจะขอยืมคุณไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่บ้านผมสักวัน คุณพอจะให้ผมยืมได้ไหม?”
อวี้ฮ่าวหรานคิดว่าวิธีการที่ดีที่สุดคือขอยืมและเมื่อดูดซับพลังวิญญาณเสร็จแล้วค่อยคืน
“ได้สิ คุณจะยืมมันไปสักสองสามวันก็ได้ฉันไม่ว่าหรอก”
ซูหว่านเอ๋อร์ไม่ได้ลังเลเลยกับการตอบตกลง
แต่แล้วในขณะเดียวกัน จู่ ๆ ก็มีชายแปลกหน้าสองคน โดยชายคนหนึ่งดูเลยวัยกลางคนไปเล็กน้อยกำลังเดินเข้ามา
ชายที่มีอายุดูสงบนิ่ง แต่ชายหนุ่มอีกคนที่มาด้วยนั้นมีบุคลิกที่โอหังไม่น้อย เขามองอวี้ฮ่าวหรานตั้งแต่หัวจรดเท้า
“หนุ่มน้อย ความรู้ของนายเกี่ยวกับวัตถุโบราณไม่ธรรมดาเลย!”
ชายสูงอายุเอ่ยขึ้นชมด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
แต่ในทางกลับกันชายหนุ่มอีกคนที่มาด้วยกันกลับแสดงท่าทีดูถูก
“เฮอะ! ก็แค่ดูของเก่าออกนิดหน่อย ไม่เห็นจะวิเศษอะไรเลย”
ทางด้านของซูหว่านเอ๋อร์ เมื่อเห็นชายสองคนนี้เข้ามาจึงรีบเอ่ยแนะนำทันที
“ฮ…ฮ่าวหราน นี่คือพ่อของฉัน ซูกว่างไห่ และนี่พี่ของฉัน ซูหว่านผิง”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อยทักทายซูกว่างไห่ แต่สำหรับพี่ชายของซูหว่านเอ๋อร์ เขาไม่แลตามองด้วยซ้ำ
อวี้ฮ่าวหรานรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าสองคนนี้คอยจับตาดูเขาอยู่ตลอดเวลาผ่านหน้าจอแสดงภาพกล้องวงจรปิดที่อยู่ในอีกห้องหนึ่งของคฤหาสน์ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้มันน่าจะถูกวางแผนเอาไว้เพื่อทดสอบเขา ซึ่งมันทำให้ชายหนุ่มนึกสงสัยว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรกันแน่?