ซูหว่านผิงเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ารังเกียจพร้อมกับบอดีการ์ดอีก 11 คน
ซูหว่านเอ๋อร์เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ก็กลัวจนตัวสั่นทันทีและก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว แต่อวี้ฮ่าวหรานก็มาบังเอาไว้ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
“ไอ้ชั้นต่ำ! เมื่อวานแกกล้านักนะที่ตบหน้าฉัน! ฮึ่ม! วันนี้ฉันจะเอาคืนแกให้สาสมเลยทีเดียว!”
“อย่านะพี่!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูหว่านเอ๋อร์รวบรวมความกล้าก่อนที่จะก้าวออกมาเอาตัวบังอวี้ฮ่าวหรานแทน
“หุบปากไปเลยนังน้องไม่รักดี! แกรู้หรือเปล่าว่าผู้ชายที่ฉันกับพ่อหาให้แกนั้นดีขนาดไหน! แต่ตอนนี้แกกลับตอนแทนความหวังดีของฉันกับพ่อโดยการปกป้องคนที่ทำร้ายฉันแบบนี้งั้นเหรอ?”
ซูหว่านผิงตวาดเสียงดังลั่นด้วยความเดือดดาล เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมากที่ถูกตบเมื่อวาน!
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานกลับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“ฮ่า ๆ ตระกูลซูไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่นา หาฉันเจอเร็วใช้ได้เลย!”
ซูหว่านผิงเมื่อได้ยินคำพูดที่ฟังดูเยาะเย้ยเช่นนี้จากที่โกรธอยู่แล้วก็ยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิม
“ฮึ่ม! ไอ้คนชั้นต่ำ! แกกล้าดียังไงถึงพูดจาดูถูกตระกูลของฉันแบบนี้! คนชั้นต่ำที่ยังอาศัยอยู่ในคอนโดรูหนูอย่างแกถือดียังไงมาคบกับน้องสาวของฉัน แกรู้หรือเปล่าว่าคนที่จะแต่งงานกับน้องสาวของฉันเป็นใคร? ถ้าแกยังไม่เลิกยุ่งกับน้องสาวของฉัน แกจะต้องตายแบบเดียวกับหมาข้างถนน!”
เมื่อเห็นว่ายิ่งคุยก็ยิ่งไร้สาระ อวี้ฮ่าวหรานจึงเลิกตอบโต้อีกฝ่ายและหันไปหาซูหว่านเอ๋อร์ “ไปกันเถอะ เรากลับเข้าไปข้างในห้องก่อน จากนั้นผมจะคิดแผนให้ว่าควรทำยังไงคุณถึงไม่ต้องแต่งงาน”
ในความคิดของอวี้ฮ่าวหราน อันที่จริงเหตุการณ์นี้ไม่ได้ต่างจากตอนที่เขาเผชิญหน้ากับตระกูลหลี่เมื่อในอดีต แต่แตกต่างกันนิดหน่อยตรงที่ หลี่จิงเทียนนั้นไร้สมองมากกว่าซูหว่านผิง
“ต…แต่พี่ชายของฉันเขายังอยู่ที่นี่ ถ้าฉันไม่ไปเขาอาจจะ…”
ซูหว่านเอ๋อร์ลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจที่จะไป เพื่อที่อวี้ฮ่าวหรานจะได้ไม่เดือดร้อนไปด้วย
“ไม่เป็นไร เขาไม่มีปัญญาทำอะไรผมหรอก ส่วนเรื่องแต่งงานอะไรนั่นคุณยิ่งไม่ต้องกังวล!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีบอดีการ์ดสิบกว่าคนยืนจ้องเขาตาเป็นมันอยากจะอัดเขาเต็มแก่
หากเป็นคนธรรมดาเจอกับสถานการณ์แบบนี้คงจะกลัวจนตัวสั่นไปแล้ว แต่เขาเป็นผู้บ่มเพาะดังนั้นจะกลัวพวกมันได้ยังไง?
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูหว่านผิงก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม
“แม่งเอ๊ย! ฉันอุตส่าห์ให้โอกาสแกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่แกยังกล้าปากดีอีกงั้นเหรอ? ได้! งั้นวันนี้ฉันจะทำให้แกพิการเพื่อเป็นการสั่งสอน!”
ในตอนนี้เขาเดือดจนถึงขีดสุดแล้ว หลังจากพูดจบซูหว่านผิงก็โบกมือส่งสัญญาณให้บอดีการ์ดของตัวเองเข้าไปอัดอวี้ฮ่าวหรานทันที
หลังจากได้รับคำสั่ง บอดีการ์ดทั้ง 11 ต่างวิ่งกรูเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหราน ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม!
ในเวลาเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานหันกลับไปมองบอดีการ์ดสิบกว่าคนที่วิ่งกรูเข้ามาด้วยแววตาดูถูก ภัยคุกคามจากคนเหล่านี้ไม่ได้แตกต่างจากพวกมดแมลงในสายตาเขา
“จำเอาไว้ตราบใดที่ผมยังอยู่ ไม่มีใครสามารถบังคับให้คุณแต่งงานโดยไม่เต็มใจได้!”
หลังจากพูดจบประโยค จู่ ๆ ร่างของเขาก็หายวับไปอย่างน่าอัศจรรย์!
“พลั่ก!!”
ในชั่วพริบตา อวี้ฮ่าวหรานไปปรากฏตรงหน้าบอดีการ์ดคนที่วิ่งไวที่สุดอย่างฉับพลันและถีบเข้าไปที่หน้าท้องอย่างแรงจนร่างของอีกฝ่ายลอยละลิ่วถอยกลับไปเจ็ดแปดเมตร!
พวกบอดีการ์ดที่เหลือเมื่อเห็นภาพเช่นนี้ต่างหยุดฝีเท้ากันอย่างกะทันหันหวังว่าจะตั้งรับอยู่กับที่ พวกเขาไม่เคยเห็นใครที่แข็งแกร่งแบบนี้มาก่อน!
จู่ ๆ อีกฝ่ายโผล่มาใกล้พวกเขาแบบนี้ได้ยังไง!?
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ความพยายามของพวกเขาไร้ผล ถึงแม้ว่าพวกเขาจะหยุดอยู่กับที่และพยายามตั้งรับอย่างตั้งใจแต่ก็ไม่สามารถทนมือทนเท้าของอวี้ฮ่าวหรานได้แม้แต่น้อย
ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที บอดีการ์ดทั้งหมดก็นอนลงไปกองอยู่ที่พื้นร้องโอดโอยอย่างน่าเวทนา
“น…นี่…ก…แก…”
ซูหว่านผิงที่เห็นทุกอย่างเต็มสองตาอุทานขึ้นอย่างตะกุกตะกักด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด
บอดีการ์ดมืออาชีพที่ตระกูลของเขาจ้างมาราคาแพง 11 คนแพ้ให้กับอีกฝ่ายภายในเวลาไม่ถึง 10 วินาทีแบบนี้มันเป็นไปได้ยังไง?!
นี่เขากำลังเผชิญหน้ากับตัวอะไรอยู่กันแน่?
หลังจากจัดการกับพวกบอดีการ์ดเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาซูหว่านผิงด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“เมื่อกี้แกบอกว่าจะทำให้ฉันพิการใช่ไหม? เอาล่ะตอนนี้ถึงตาแกแล้ว เข้ามาสิ!”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานพุ่งตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วและกุมคออีกฝ่ายเอาไว้อย่างฉับพลัน!
“น…นี่เป็นไปไม่ได้…อ่อก!”
ซูหว่านผิงพยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์เมื่อถูกกุมคอเอาไว้ ตอนนี้อารมณ์ของเขาปั่นป่วนเป็นอย่างมาก เขาทั้งกลัว ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจที่มายั่วยุสัตว์ประหลาดตัวนี้!
“แกคิดว่าปัญหาทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วยเงินงั้นเหรอ? ถ้าฉันหักคอแกตอนนี้ แกคิดว่าเงินจะช่วยให้แกฟื้นขึ้นมาจากความตายหรือเปล่า?”
อวี้ฮ่าวหรานมองเข้าไปในตาของอีกฝ่ายด้วยแววตาดูถูก พลางเพิ่มแรงบีบคอมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเป็นการสั่งสอน
ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอหน้ากัน คน ๆ นี้ยกแต่เรื่องเงินมาดูถูกเขาตลอดซึ่งมันทำให้เขารู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก
“ม…ไม่…ไม่”
ซูหว่านผิงพยายามตอบกลับด้วยความยากลำบาก ตอนนี้เขากลัวจนแทบจะฉี่ราด เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมขนาดนี้
น้องสาวของเขาเป็นคนที่ไม่สุงสิงกับใครสักเท่าไหร่ เขาไม่นึกเลยว่าน้องสาวของตัวเองจะคบกับคนที่น่ากลัวขนาดนี้…
เมื่อเห็นแววตาที่ขลาดกลัวของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจมากกว่าเดิม เขาพ่มลมหายใจอย่างเย็นชาก่อนที่จะพูดว่า
“ในอนาคต ซูหว่านเอ๋อร์จะต้องมีอิสระในการเลือกคนแต่งงานด้วยตัวเอง ถ้าแกกับพ่อของแกกล้าที่จะบังคับเธออีก ฉันจะทำให้พวกแกเสียใจไปจนวันตาย!”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็โยนร่างของอีกฝ่ายทิ้งราวกับทิ้งขยะ จากนั้นก็เอามือข้างที่จับคออีกฝ่ายเช็ดกับเสื้อของตัวเองด้วยสีหน้าขยะแขยง
เมื่อถูกปล่อยตัวและได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน ซูหว่านผิงก็รีบตอบกลับด้วยสีหน้าไม่ยินยอมทันที
“ไม่ได้หรอก! น้องสาวของฉันถูกจับคู่เอาไว้แล้วตั้งแต่เด็ก แกไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายยิ่งใหญ่มาก ตระกูลของฉันไม่อาจเบี้ยวงานแต่งนี้ได้ ไม่ว่ายังไงน้องสาวของฉันก็ต้องแต่งงาน!”
นี่เป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่เขาและพ่อจำเป็นต้องบังคับให้ซูหว่านเอ๋อร์แต่งงาน เนื่องจากผู้ชายที่จะมาแต่งงานกับน้องสาวของเขานั้นเป็นคนของตระกูลใหญ่ซึ่งถ้าพวกเขายกเลิกงานแต่ง ตระกูลของพวกเขาจะเดือดร้อน และยิ่งไปกว่านั้นการปล่อยให้น้องสาวของเขาคบกับอวี้ฮ่าวหรานมันไม่ได้สร้างประโยชน์ใด ๆ ให้แก่ตระกูลของเขาเลยสักนิด
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงดื้อดึง เขาก็เริ่มหงุดหงิด แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินเข้าไปหาซูหว่านผิงเพื่อสั่งสอนอีกรอบ ก็ถูกหยุดเอาไว้โดยเสียงของลูกสาวของตัวเอง
“พ่อจ๋า!”
เมื่อได้ยินเสียงโครมครามที่ด้านนอกห้อง หลี่หรงก็อดไม่ได้ที่จะเปิดประตูออกมาดู