รองเท้าสลาแมนเดอร์ทองคำ
คุณภาพ: สีทอง
ประเภทของสวมใส่: รองเท้าเกราะเบา
เลเวล: 15
ข้อจำกัดของสวมใส่: ค่ามานามากกว่า 75 หน่วย
คุณสมบัติ:
ความเร็วในการเคลื่อนที่ +15%
ค่าความแข็งแกร่ง +18
ค่าความว่องไว +18
ค่าความทนทาน +18
ค่ามานา +23
ค่าความฉลาด +18
สกิล:
[ต้านทานความร้อน]
ลดความเสียหายจากการโจมตีประเภทไฟ 10%
[ย่างก้าวอัคคี]
หลังจากใช้งานสกิลจะปรากฏไฟตามรอยเท้าที่เดินผ่าน หากเดินผ่านจะโดนความเสียหายต่อเนื่องทุกวินาทีจาก 50% ของค่าพลังเวทย์ โดยคงอยู่ 30 วินาทีแล้วใช้ค่ามานา 10 หน่วยต่อวินาที
ทุกคนต่างฮือฮาด้วยความทึ่ง สมแล้วที่เป็นไอเทมระดับทองคำ!
ช่วยเพิ่มคุณสมบัติพื้นฐาน 5 อย่าง แถมสกิลเสริมยังดีอีกต่างหาก ถ้าใช้สิ่งนี้ ต่อให้เป็นนักบวชก็ย่อมสามารถจัดการมอนสเตอร์ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นแน่!
“เป็นรองเท้าเกราะเบา คงจะต้องให้นักบวชไป” เล่าสวีพูดออกมาอย่างลังเล พวกเกราะเบาจะให้ค่าพลังมานามากกว่าของชิ้นอื่นๆ ดังนั้นการให้มันกับนักบวชก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว
“ขอบคุณมาก ซาบซึ้งจริงๆ” เซียวเฟิงถูมือไปมาแล้วเดินออกมาข้างหน้า เขาแสดงความอยากได้ออกมาโดยไม่ปิดบัง
“แล้วทำไมถึงต้องเป็นนายล่ะ? ฉันเองก็เป็นนักบวชนะ” จืออี้เองก็ก้าวออกมาเหมือนกัน เธอกอดอกแล้วพูดด้วยความไม่พอใจ ทำให้เซียวเฟิงเงียบไป
“ฉันก็เป็นนักบวชนะ ลืมหรือเปล่า?” นอกจากจืออี้แล้วก็มีโรสที่เดินออกมาด้วย ทำให้เซียวเฟิงไม่พอใจยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก เธอแค่บังเอิญผ่านมาเข้าร่วมภารกิจเองนะ นี่มันน่าอัปยศสิ้นดี!
“แล้วทำไมถึงต้องเป็นพวกเธอด้วยล่ะ ในเมื่อใครก็ใช้ได้เหมือนกัน?”
“ที่พูดก็ถือว่าถูกนะ นักเวทย์เองก็สามารถใช้มันได้เช่นกัน”
นักธนูอายุ 17 และเพลิงอมตะต่างพูดให้กันและกัน พวกเขาจ้องไปทางรองเท้าตาไม่กะพริบ
“ฉันก็อยากจะได้มันเหมือนกันนะ”
ไนฟพูดเสียงต่ำ เขาเป็นคนที่มีสิทธิ์เลือกของได้ก่อนใครเพื่อน เพราะนี่เป็นภารกิจของวอร์สปิริตฮอล์ แต่เขาก็ไม่ได้จงใจพูดอะไรมากนัก
เล่าสวีมองด้วยความเหนื่อยใจ ดูท่าครั้งนี้การแบ่งของจะไม่ง่ายซะแล้ว
“เงียบก่อน! ใช้เสียงส่วนมากก็แล้วกัน!” เซียวเฟิงยักไหล่เห็นด้วยโดยไม่ท้วงอะไร ด้วยอันที่จริงเขาไม่ได้อยากจะได้มันอะไรขนาดนั้น แค่สนใจสกิลของรองเท้านั่นซะมากกว่า เพราะมันจะทำให้เขาสร้างความเสียหายด้วยตัวเองได้มากขึ้นเป็นกอง
“งั้นก็เริ่มกันเลยนะ” ตามปกติแล้วถ้าใครเจอคนนั้นก็จะเป็นคนได้ไป แม้แต่ในโซนเขตพิเศษก็ไม่เว้น แต่ส่วนมากผู้เล่นมักจะเข้ามาเป็นทีม เพราะฉะนั้นคนที่ต้องการของเหมือนกันย่อมต้องแย่งกันเป็นธรรมดา และทางที่แฟร์ที่สุดก็คือให้แต่ละคนสุ่มตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 100 แล้วคนที่มีเลขมากที่สุดก็จะได้ของไป
และเพราะเล่าสวีไม่ได้อยากได้ของ คนจึงเหลืออยู่ทั้งหมด 9 คน ซึ่งด้วยความที่เป็นของที่มีราคา จึงกลายเป็นว่าไม่ว่าใครก็อยากจะได้มันทั้งนั้น
“นายมีของดีๆ ที่ติด 5 อันดับอยู่แล้วนี่! แล้วทำไมถึงต้องมาแย่งของเราด้วยล่ะ?” จืออี้มองเซียวเฟิงอย่างดูถูก
“มันขัดกับสไตล์ของฉัน แถมยังเป็นเป้าสายตาอีก บางครั้งเลยต้องใช้ของธรรมดาๆ บ้าง” เซียวเฟิงพูดออกมา
“ใช่ นายก็มีของดีๆ อยู่แล้ว จะมาแย่งของพวกเราทำไมอีก?”
“แล้วทำไมคนเราต้องกินข้าวเที่ยงล่ะ ในเมื่อก็กินข้าวเช้าไปแล้ว?”
“ห่านเอ๊ย!” ไนท์ คูนเนอร์สบถออกมา
“เอาเถอะ หยุดถากถางกันเองได้แล้ว รีบๆ แบ่งของกัน เราต้องรีบไปสมทบกับทีมสองนะ” เล่าสวีเริ่มเบื่อที่จะพูดเรื่องเดิมๆ แล้ว
“งั้นฉันก่อน!” เซียวเฟิงพูดออกมาคนแรก เขาเปิดระบบการสุ่มตัวเลขแล้วก็มีลูกเต๋าหมุนไปมาอย่างบ้าคลั่งด้านหน้า ก่อนที่มันจะหยุดลงและปรากฏเลขสองหลักต่อหน้าทุกคน
99!
ทุกคนจ้องเลขตัวนั้นอย่างไม่เชื่อราวกับเห็นผี
“ฮ่าฮ่า!” เซียวเฟิงเองก็อึ้งไปเช่นกัน แต่ที่เขาอึ้งเพราะกำลังดีใจแบบสุดๆ ต่อผลของมัน! “ดูท่าว่าไม่ต้องทอยเต๋ากันต่อแล้วล่ะนะ …ผลของมันคงถือว่าชัดเจนแล้วละ”
“ไม่! ฉันต้องทอยได้ 100 แน่ๆ!” จืออี้กลั้นหายใจแล้วทอยเต๋า ทำให้ลูกเต๋าหมุนก่อนจะปรากฏเลขตัวเดียวออกมา
9!
“ฮ่าฮ่า อุตส่าห์พูดซะดิบดี” เซียวเฟิงขำออกมาแล้วพูดเยาะเย้ย
จืออี้หน้าชาไปในทันที เธอทำท่าฮึดฮัดและเต็มไปด้วยโทสะ
คนอื่นมองตัวเลขด้วยความประหลาดใจ แล้วก็เป็นนักธนูอายุ 17 ที่เดินออกมาพร้อมด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ตาฉันแล้ว!”
ลูกเต๋าหยุดลงพร้อมกับตัวเลขชวนช็อก
13!
“ฮ่าฮ่า อ่อนชะมัด” เซียวเฟิงกอดอกแล้วมองด้วยความสนใจ
ไนท์ คูนเนอร์เดินออกมาทอยเต๋าแบบเงียบๆ ตัวเลขปรากฏออกมาอย่างรวดเร็ว
11!
น้อยยิ่งกว่านักธนูอายุ 17 เสียอีก
“อ่อน” เซียวเฟิงยิ่งพึงพอใจมากขึ้นไปอีก ทำเอามือของไนท์ คูนเนอร์ที่กำมีดสั่นระริก เพราะเธอกำลังนึกอยากจะเลาะหนังของเขาออกมาทั้งเป็น!
“ตาฉันแล้ว…”
…
“กาก!”
“ตาฉัน!”
…
“กาก!”
…
ตอนนี้ทอยเต๋าไปทั้งหมด 7 คนแล้ว เซียวเฟิงอยู่ที่ 99 ส่วนคนอื่นๆ ยังไม่มีใครเกินกว่า 30 แม้แต่คนเดียว พวกเขาจึงได้แต่มองหน้าเซียวเฟิงที่กำลังร่าเริงด้วยความโกรธ
คนสุดท้ายคือโรส แต่เธอมองมาทางเซียวเฟิงแล้วจึงเลือกที่จะละทิ้งโอกาสนี้ไป
99 เป็นเลขที่เยอะมาก และหญิงสาวก็ไม่คิดว่าจะทอยได้ 100 ด้วย ซึ่งถ้าเกิดพลาดขึ้นมา… เซียวเฟิงก็น่าจะเอามาล้อเลียนไปตลอดชาติแน่ๆ! และด้วยเธอนั้นมีเกียรติและเย่อหยิ่ง โรสจึงไม่อยากมีรอยด่างพร้อยอะไรแบบนี้ เลยเลือกที่จะอยู่นิ่งๆ ต่อไป
“งั้นก็เป็นเอกฉันท์แล้ว ของชิ้นนี้เป็นของท่านฮีลเลอร์”
เซียวเฟิงรับของมาจากเล่าสวีด้วยสีหน้าที่กระหยิ่มยิ้มย่อง ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างพากันหน้าดำคร่ำเครียดแต่ก็ตอบโต้อะไรไม่ได้
“ของอย่างอื่นเอาไปได้เลยนะ นี่ฉันใจบุญมากเลยนะเนี่ย!” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ส่ายหัวพร้อมพูดออกมา ส่วนคนอื่นๆ ได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธ
ของที่ดีที่สุดตกเป็นของเซียวเฟิง ส่วนของอีก 3 ชิ้นที่เหลือต่างก็ถูกแบ่งให้กับคนอื่นๆ
ไอเทมระดับเงินนั้นเป็นคทาที่สามารถโจมตีเป็นธาตุไฟ เพลิงอมตะจึงได้มันไป ส่วนอีก 2 ชิ้นที่เหลือเป็นเกราะหนักจึงต้องเป็นผู้เล่นที่เน้นค่าความแข็งแกร่งเท่านั้น ไนฟและซอดออฟไดนัสตี้จึงได้ไป
“ไปเถอะ เราต้องไปสมทบกับอีกทีม พวกเขากำลังสู้กับบอสตัวที่ 2 อยู่”
เล่าสวีอ่านแผนที่ และสามารถคาดเดาตำแหน่งของอีกทีมได้แล้ว พวกเขาจึงรีบเร่งไปสมทบ
โรสที่ตอนนี้อยู่รั้งท้ายแถว เธอนั้นเลือกที่จะทิ้งโอกาสเอง และเรียกร้องอะไรไม่ได้อีก ทว่าหญิงสาวก็ได้แอบทอยเต๋าอย่างลับๆ ก่อนที่ตัวเลขจะแสดงออกมาอย่างรวดเร็ว… แต่มันกลับปรากฏเป็นเลข 3 หลัก
100!
…
“พวกเราจัดการบอสได้ในครั้งเดียว! แต่พวกนายแพ้ราบคาบเนี่ยนะ! นี่เล่นอะไรกันอยู่!”
ทีม 2 กำลังเดินกลับมาจากทางเข้าของโซนหลังจากตายกันทั้งทีม จึงเป็นซอดออฟไดนัสตี้และทีมที่อยู่ระหว่างการกำจัดมอนสเตอร์ข้างทางที่บ่นออกมา
“เงียบเหอะน่า! บอสตัวที่ 2 มันต้องจัดการยากกว่าบอสตัวแรกอยู่แล้วแหละ”
หัวหน้าของทีม 2 คือ ‘ฉันคือพาลาดินแห่งการรักษา’ เขาทำหน้าเครียดทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“มาๆ พวกเรามาร่วมมือกันเถอะ ว่าแต่ท่านพาลาดินแห่งการรักษาพอที่จะบอกสกิลของบอสได้ไหม?” เล่าสวีรีบขัดคอพวกเขา ก่อนที่คนพวกนี้จะฆ่ากันเองซะก่อน
กว่า 20 ชีวิตรวมกันแล้วเดินเข้าไปในห้องบอส ถ้ำของมันเล็กกว่าถ้ำของบอสสลาแมนเดอร์นั่นซะอีก ซึ่งถ้ำแห่งนี้นับว่าแปลกมากทีเดียว เพราะมันไม่ราบเรียบและเหมือนจะไม่ได้เกิดตามธรรมชาติ
ในเวลาเดียวกัน ฉันคือพาลาดินแห่งการรักษาก็ได้พูดออกมา “บอสตัวที่สองเป็นรากของต้นไม้ พวกเราลดพลังชีวิตของมันไปได้แค่ 20% สกิลแรกของมันนั้นพอที่จะหลบหลีกมาได้ แต่สกิลที่ 2 นี่สิปัญหา ถ้าโดนเข้าไปจะติดสถานะพิษอัคคีแล้วมันจะระเบิดทำความเสียหายภายหลัง ฉันแบ่งทีมออกเป็น 2 แถว แถวแรกให้รับมือกับพิษอัคคี แล้วแถวสองให้รับมือกับดาเมจ แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังตึงมืออยู่ดี”
“หมายความว่าพวกแถวหน้าต้องได้รับความกดดันอย่างมากเลยน่ะสิ? แสดงว่าพวกแถวหน้าคงต้องการผู้เล่นจำนวนมากกว่านี้” เล่าสวีพูดออกมาหลังจากคิดอยู่นาน
“ไม่ ความเสียหายจากพิษอัคคีนั้นรุนแรงมาก และยังสามารถติดได้มากกว่า 1 ครั้งด้วย และถ้าไม่มีสกิลล้างดีบัฟจากนักบวชก็คงจะไม่รอดอยู่ดี” ฉันคือพาลาดินแห่งการรักษาพูดพลางส่ายหัว
“สกิลชำระล้างต้องเป็นนักบวชที่มีเลเวล 15 เท่านั้น ในตอนนี้เรายังคงไม่สามารถหาคนที่มีสกิลนี้ได้หรอก คงต้องลองเสี่ยงทำอะไรสักอย่างกันเองแล้วล่ะ”
เล่าสวีพูดออกมา ภารกิจนี้มีเลเวลสูงกว่าพวกเขา การเข้าบุกตะลุยนั้นก็ถือว่ายากมากอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้เล่นระดับแถวหน้าก็ตาม
ตอนที่คุยกันอยู่เซียวเฟิงก็ได้กำลังสังเกตบอส เขาพบว่าตัวของมันเหมือนรากที่งอกออกมาจากผาหิน ถึงจะไม่รู้ว่าคืออะไรแต่ก็ชวนสยองมากอยู่ดี ทั้งยังดูน่าขนลุกมากกว่าสลาแมนเดอร์ยักษ์เมื่อกี้นี้อีก ขนาดของมันใหญ่มากและยังมีผิวสีแดงราวกับเลือด
รยางค์ต้นไม้เวทย์เพลิง
เลเวล: 15
ระดับ: อีลิตบอส
พลังชีวิต: 19,000/19,000
พลังโจมตีกายภาพ: 104-128
พลังป้องกันกายภาพ: 95-108
พลังป้องกันเวทย์: 90-100
สกิล: [รากรัดตึง] [ฟาดคลุ้มคลั่ง] [รากทิ่มแทง] [พิษพฤกษาเพลิง] [บ้าคลั่ง] [เมล็ดพฤกษาเพลิง] [สูบชีวิต]
อธิบาย: หนวดของสิ่งมีชีวิตไม่ทราบชนิดและเติบโตโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่มันน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสลาแมนเดอร์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
คุณลักษณะ: อีลิตบอสที่มีความแข็งแกร่งมาก! มันแทบจะไร้เทียมทานต่อการโจมตีด้วยธาตุไฟ และยังมีอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตที่น่าหวาดหวั่น ยากต่อการรับมือ!
“อีลิตบอส! พลังชีวิตของมันเกือบจะถึง 20,000 แล้ว! แถมยังแกร่งกว่าบอสสลาแมนเดอร์นั่นอีก!”
“พลังโจมตีและป้องกันน่าเหลือเชื่อมาก! แทบจะทะลุ 100 แล้ว!”
“รู้หรือยังว่าทำไมพวกเราถึงตายน่ะ? ก็เพราะมันแกร่งขนาดนี้ไงเล่า!”
อันที่จริงทีม 2 ก็ไม่ได้อ่อนแออะไรมากมาย แต่ทีม 1 ต่างหากที่แข็งแกร่งมากเกินไป จึงไม่แปลกใจว่าทำไมทีม 2 ถึงได้ถูกจัดการโดยที่พลังชีวิตของบอสยังเหลืออยู่ถึง 80% แต่เมื่อเห็นสเตตัสของบอส พวกทีม 1 ก็ต้องยอมรับแต่โดยดีเลยว่าแม้แต่พวกตนเองก็คงรับมือได้ยาก!