“อย่าเสียเวลากับแนวหลังมากนักน่า พวกนักบวชคอยช่วยเหลือแนวหน้าต่อไป ท่านฮีลเลอร์ฝากจัดการพวกรากด้วย ส่วนคุณไนท์ คูนเนอร์กลับมาช่วยแนวหลังแล้วกันครับ”
เล่าสวีที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นรีบขัดคอ ต้องขอบคุณที่มุมที่เขาตายนั้นยังสามารถเห็นสถานการณ์ต่างๆ ได้ชัดเจน ทำให้เขาทราบว่าเซียวเฟิงนั้นสามารถหาจุดอ่อนของบอสได้แล้ว
ว่าแล้วพวกนักบวชจึงหันไปสนับสนุนแนวหน้าต่อทันที รอบนี้เซียวเฟิงช่วยรักษาให้กับไนฟด้วย ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่ไนท์ คูนเนอร์ถอยลงมาตามคำสั่ง
“?” ไนท์ คูนเนอร์ไม่เข้าใจว่าทำไมเล่าสวีถึงสั่งให้เธอถอยกลับมา
“ท่านไนท์ คูนเนอร์ บอสจะทำการโจมตีด้วยรากใส่คนที่อยู่แนวหลัง โดยรากนั่นจะไม่มีพลังป้องกันเลย ทำให้สามารถสร้างความเสียหายได้มาก เพราะงั้นช่วยจัดการพวกรากและคุ้มกันคนที่อยู่แนวหลังที” เล่าสวีรีบอธิบายทันที
เพราะเธอใส่หน้ากากเลยมองไม่เห็นสีหน้า แต่หญิงสาวก็ตอบรับด้วยการพยักหน้า แต่อยู่ๆ เธอก็พลันถอยไปด้านหลังเป็นจังหวะเดียวกับที่รากพุ่งขึ้นมาโจมตีเธอในจุดที่เธอยืนอยู่เมื่อครู่พอดิบพอดี!
ไนท์ คูนเนอร์ฟันมีดลงไปอย่างไม่ลังเล
-344! คริติคอล!
ความเสียหายจากการโจมตีครั้งนี้มหาศาลมาก ทำให้รากสลายไปกลายเป็นผง
“มันได้ผล!”
ดวงตาของผู้เล่นทุกคนเบิกกว้างทันที
“ระวังด้วย! บอสมันจะใช้สกิลพิษอัคคีแล้ว!”
จากการโจมตีครั้งก่อนหน้า ทำให้พลังชีวิตของบอสลดลงไปเกือบๆ 10% เพราะจำนวนผู้เล่นที่มากกว่าเดิมทำให้ความเสียหายที่ทำได้นั้นมากขึ้น ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผู้เล่นแนวหน้าตะโกนเตือนมาในทันที
ทันทีที่พลังชีวิตของมันลดลงไปเหลือ 90% ก็มีสัญลักษณ์รูปไฟสีดำปรากฏบนหัวของไนฟที่กำลังต้านการโจมตีของบอสอยู่ แล้วตัวของเขาก็ถูกหมอกสีแดงเข้าปกคลุมทันที
“ถอยออกมาเร็ว! ถ้าโดนสกิลนั่นเข้าไปนายจะถูกบอสโจมตีแรงขึ้น! นายจะตายภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียวเลยนะ!”
อันที่จริงไนฟเองก็รู้ตัวมาสักพักแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะในขณะนี้พลังชีวิตของเขากำลังลดลงอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วที่ชวนผวา!
“ชิบหายแล้ว!” ไนฟรีบถอยมาที่แนวหลังทันที ก่อนเป็นเซียวเฟิงที่ใช้สกิลชำระล้างให้กับไนฟ แล้วสัญลักษณ์รูปไฟบนหัวของเขาก็หายไปในทันที
“ชำระล้าง!”
“อะไรนะ? สกิลชำระล้าง?”
“ท่านฮีลเลอร์มีสกิลชำระล้าง!”
คนตรงนั้นรวมทั้งเล่าสวีต่างอุทานออกมาด้วยความตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าเซียวเฟิงจะมีสกิลแบบนี้ด้วย
“สมกับที่เป็นผู้เล่นระดับสูง! ขอบใจมาก!”
เมื่อไนฟพบว่าพลังชีวิตของตัวเองฟื้นขึ้นมาแล้วก็เอามือทาบอก อีกด้านจืออี้ก็กำลังช่วยเพิ่มบัฟให้อยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้า ไนฟรีบพุ่งเข้าโจมตีบอสต่อด้วยกำลังใจที่ฮึกเหิมต่อทันที
“ตั้งแต่ที่มีสกิลชำระล้างบอสตัวนี้ก็ง่ายขึ้นเป็นกองเลยแฮะ!”
เล่าสวีพูดขึ้นมา ส่วนคนอื่นๆ ก็พากันฮึกเหิม ด้วยพลังโจมตีอันมหาศาลของไนท์ คูนเนอร์และการสนับสนุนของเซียวเฟิง พลังโจมตีของพวกเขาเริ่มที่จะสูงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้!
ในเมื่อสกิลที่อันตรายที่สุดนั้นไร้พิษสงไปแล้ว และบอสไม่สามารถขยับได้ จึงทำให้พวกเขามีจังหวะในการหลบสกิลอื่นๆ เยอะขึ้นมาก …ระหว่างนั้นเซียวเฟิงและไนท์ คูนเนอร์ก็เลยประคองทุกคนในแนวหลังไปด้วย จนกระทั่งพลังชีวิตของบอสหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ด้วยพลังโจมตีและอัตราคริติคอลที่สูงมากๆ ของไนท์ คูนเนอร์ เธอสามารถลดพลังชีวิตของบอสได้ครั้งละ 15% เลยทีเดียว
“ระวังตัวด้วยนะ”
เล่าสวีเตือนพวกเขา เพราะตอนที่บอสพลังชีวิตลดลงถึง 50% มันก็พลันแสดงท่าทางประหลาด ๆ ออกมา โดยร่างยักษ์ใหญ่ของมันได้มีหมอกสีแดงที่ดูคล้ายเปลวไฟเข้าปกคลุม
หินจากเพดานของถ้ำเริ่มถล่มลงมาเป็นลางที่ไม่ค่อยดีแล้ว
ทุกๆ คนต่างหยุดมือแล้วก็มองไปทางรยางค์ของบอสต้นไม้โดยไม่วางตา …แล้วร่างใหญ่ยักษ์ของมันก็พลันเคลื่อนที่ออกมาราวกับกำลังว่ายน้ำก่อนจะค่อยๆ หายไปในพื้นดิน
แล้วพื้นรอบข้างก็เริ่มแตกออกมา รากไม้จำนวนมากก็แทรกพื้นดินราวกับเส้นเลือด
“ถอยออกมาเร็ว!”
ทุกๆ คนต่างช็อกกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในแนวหลัง พวกเขาไม่คิดว่าจะเจอการโจมตีรอบทิศทางแบบนี้!
ตอนนี้ได้เวลาแสดงความสามารถส่วนตัวออกมาแล้ว เซียวเฟิงถอยออกมาอย่างรวดเร็วเลยรอดออกไปได้อย่างชิวๆ แต่ทันทีนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแล้วถอยออกมาอีก ปรากฏว่ายังคงมีรากชุดที่ 2 ชุดที่ 3 พุ่งขึ้นมาโจมตีต่อโดยไม่ให้ชายหนุ่มได้พักหายใจเลยแม้แต่น้อย
รากนั้นเพิ่มการโจมตีเป็น 3 ชุด พวกนักบวชที่รับมือไม่ทันก็ค่อยๆ ตายไปทีละคนๆ จากการที่โดนรากพันธนาการไว้ ทำให้หนีไปไหนไม่ได้แล้วก็โดนความเสียหายที่รุนแรงถึงตายในครั้งเดียว
จืออี้ และโรสนั้นโชคดีที่ไอเทมสวมใส่ของทั้งคู่ดีพอสมควร จึงทำให้รอดมาได้ แต่นักบวชหญิงคนอื่นๆ นั้นกลับตายหมดแล้วในชั่วพริบตา
แต่ว่าการโจมตีชุดที่ 2 นั้นก็ตามมาต่อทันที ทำให้ทั้งจืออี้และโรสที่เพิ่งรอดมาได้ตายตามกันไป รวมทั้งพวกนักธนูและนักเวทย์ที่อยู่แนวหลังด้วย พวกเขาถูกรากพันธนาการไว้ทำให้ตายในทันที
แล้วการโจมตีรอบที่ 3 ก็ยังคงตามมาอีก ทำให้คนที่รอดมาจากรอบที่ 2 ได้ตายตามคนอื่นๆ ไป
หลังจากการโจมตีสามระลอก รวมเซียวเฟิงแล้วก็มีคนรอดกลับมาไม่ถึง 10 คน
เซียวเฟิงและนักธนูอายุ 17 เป็น 2 คนสุดท้ายของแนวหลังที่ยังรอดอยู่ ส่วนแนวหน้านั้นเหลือเพียงไนท์ คูนเนอร์ ฉันคือพาลาดินแห่งการรักษา ไนฟ และนักรบที่เป็นสายป้องกันแค่ 2 คนเท่านั้น
การโจมตีที่บอสใช้นั้นนอกจากจะไม่มีความแน่นอนแล้ว ความเสียหายแต่ละครั้งยังเกินกว่า 100 หน่วย จึงไม่มีใครเลยสักคนที่สามารถยืนรับการโจมตีระดับนั้นแล้วยังคงรอดได้แบบชิวๆ
“ตอนนี้เหลืออยู่แค่ 7 คนเท่านั้น”
ตอนนี้บอสหยุดการโจมตีแล้ว ฉันคือพาลาดินแห่งการรักษามองศพที่กองกันเกลื่อนกลาดก่อนทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
แต่กลับเป็นไนฟที่ถามขึ้นก่อนใคร “เราถอยไปก่อนไหม? คนของเรารวมทั้งนักบวชตายกันไปเกือบหมดแล้วนะ”
ไนฟจ้องไปทางบอสอย่างท้อแท้
“แต่เราก็ยังอยู่ถูกไหม? ตอนนี้เราถอยไม่ได้หรอก! เริ่มการโจมตีต่อไป!” ฉันคือพาลาดินแห่งการรักษาพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ
“นายผิดแล้วล่ะ! นักบวชยังตายไม่หมดซะหน่อย!” นักธนูอายุ 17 พูดตอนที่พบว่าเซียวเฟิงยังรอดอยู่
“ยังสู้ไหวอยู่ตอนนี้ เรายังยอมแพ้ไม่ได้! ถ่วงเวลาบอสไว้ก่อน แล้วคนอื่นๆ จะรีบตามมาสมทบ”
เล่าสวีที่ยังไม่เกิดใหม่ซะทีเห็นด้วยกับฉันคือพาลาดินแห่งการรักษา แล้วร่างของเขาก็กลายเป็นแสงไปเกิดใหม่ที่หน้าทางเข้าทันทีพร้อมกับคนอื่นๆ ที่ตายไป
“ถ่วงเวลาบอสไว้ให้นานที่สุด! รอให้คนอื่นกลับมาให้ได้!”
“เราต้องชิงลงมือก่อน ตอนนี้เรามีนักบวชอยู่ ดังนั้นคงไม่โดนจัดการง่ายๆ หรอก!”
นักธนูอายุ 17 ส่ายหัวปฏิเสธแล้วโจมตีบอสต่อไป ตามกฎการคืนชีพของเกมนี้ การตายในโซนเขตพิเศษนั้นจะต้องไปเกิดใหม่ที่ด้านหน้าทางเข้าถ้ำ และถ้าพวกเขายังสามารถถ่วงเวลาไว้ได้จนทุกคนกลับมา …เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็จะสามารถสู้ต่อได้ในทันที!
แต่มันก็ไม่ได้ง่ายๆ เลย พวกเขาอาจจะตายก่อนก็เป็นได้ อย่างแรกเลยพลังโจมตีของบอสนั้นสูงมากๆ และด้วยจำนวนคนที่เหลืออยู่ 7 คน มันก็ยิ่งทำให้ตึงมือกว่าเดิม อย่างที่ 2 คือโซนนั้นค่อนข้างที่จะใหญ่ ทำให้การตามมาสมทบใช้เวลานานมาก แถมอาจจะโดนมอนสเตอร์ที่อยู่ตามทางฆ่าเอาอีก ดังนั้นพวกเขาทั้ง 7 คนที่เหลือจึงยิ่งต้องถ่วงเวลาออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
และถ้าพวกเขาถูกฆ่าหมดทุกคน พลังชีวิตของบอสก็จะกลับมาเต็มอีกครั้ง …ซึ่งแบบนั้นก็จะต้องเริ่มทุกอย่างใหม่หมดตั้งแต่แรก
…เรื่องแบบนี้พวกเขาไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่ ๆ!
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสสำเร็จเลย เพราะคนทั้งเจ็ดที่เหลือต่างก็เป็นผู้เล่นแนวหน้าของเกมนี้กันทั้งนั้น!
พวกเขาเริ่มเข้าโจมตีอีกครั้งแต่ไม่ดุดันเหมือนก่อนหน้า เพราะตอนนี้พวกเขาเหลือนักบวชคอยช่วยเหลือแค่คนเดียวเท่านั้น และคนๆ เดียวย่อมไม่สามารถใช้บัฟหรือเพิ่มพลังชีวิตให้กับทุกคนพร้อมๆ กันได้ เพราะฉะนั้นพวกเขาห้ามโดนโจมตีเป็นอันขาด คนทั้งหมดจึงต้องทุ่มกำลังไปกับการเลี่ยงความเสียหายมากกว่าที่จะโจมตี
เซียวเฟิงนั้นหลบอยู่ด้านหลังแล้วคอยดูทุกคนในแนวหน้าหากใครต้องการความช่วยเหลือ หลังจากลังเลอยู่สักพัก เขาก็ไม่ได้บัฟอวยพรชีวิตให้กับคนอื่นๆ แต่เลือกที่จะหยิบกระบองกระทิงทองขึ้นมาใช้บัฟเสริมอาวุธให้กับตัวเอง
ชายหนุ่มตอนนี้มีเลเวล 13 หลังจากใช้บัฟแล้วพลังโจมตีจาก 98 จึงขึ้นมา 110 และด้วยพลังจากพรกายาศักดิ์สิทธิ์ ผลของมันก็จะเพิ่มเป็น 2 เท่า หรือก็คือ 220 หน่วย!
สรุปได้ว่าตอนนี้พลังโจมตีของเขาเองอยู่ที่ 330 …นี่มันเป็นตัวเลขที่ชวนผวามาก!
ตู้มม!
ตอนนั้นรากไม้ได้พุ่งขึ้นมาโจมตีชายหนุ่มพอดี เขาเลยถอยหลังหลบแล้วใช้จังหวะนั้นฟาดสวนลงไปที่รากไม้นั่น
-660! คริติคอล!
เลขความเสียหายอันมหาศาลปรากฏขึ้นบนตัวของบอส แต่ไม่มีใครสนใจเลยสักคนเพราะมัวแต่มีสมาธิกับการต่อสู้ของตัวเอง
หลังจากฟาดไป 1 ครั้ง เขารีบเปลี่ยนอาวุธกลับมาเป็นคทาแห่งการรักษาแล้วใช้สกิลเพิ่มพลังชีวิตให้กับไนฟ ก่อนจะกลับมาใช้กระบองกระทิงทองแล้วมองไปที่พื้นเพื่อโจมตีรากไม้อันต่อไป
“เกิดอะไรขึ้น? พลังชีวิตของบอสลดลงไปอยู่ที่ 60%! นี่เรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!”