“ยังไง…เป็นไปได้ยังไงกัน!?”
“เขายังไม่ถูกฆ่าตั้งแต่วินาทีแรก ๆ ทั้ง ๆ ที่ประจัญหน้าอยู่กับศัตรูนับหมื่นเนี่ยนะ!?”
“ใช่! แถมยังไม่เสียเลือดสักนิดเลยด้วย!”
ภายในหุบเขารอยแยกนี้ เสียงเอะอะโวยวายเริ่มเกิดขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวที่ยังคงมีให้เห็นเรื่อย ๆ ราวกับฝูงมด พวกเขาพยายามจะดันกันลงไปยังจุดกลางของสนามรบแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง
ณ จุดที่เซียวเฟิงยืนอยู่ในตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับบ่อโคลนดูดไปเสียแล้ว ดีไม่ดีมันจะหนักกว่าด้วยเพราะเขาไม่สามารถไปไหนได้ เนื่องจากผู้เล่นเหล่านี้พากันโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนราวกับจะอัดขยี้เขาให้ตายด้วยจำนวนคนเสียอย่างนั้น
สถานการณ์ที่แออัดนี้มันทำให้เซียวเฟิงอยากจะส่งข้อร้องเรียนให้ตัวเกมมีระบบป้องกันการถูกลวนลามสำหรับผู้เล่นชายมาก ๆ พวกนี้มันเป็นเกย์กันหรือยังไง? หากเขาสามารถเรียกฟ้าผ่าเพื่อลงโทษคนเหล่านี้ได้ บางทีอาจจะมีฟ้าผ่าลงมาพร้อม ๆ กันถึงร้อยครั้งต่อวินาทีเลยก็ได้ คนเหล่านี้เดี๋ยวผลักเดี๋ยวฉุดกระชากราวกับโคลนที่คอยแต่จะทำให้จมลงไป มันไม่ได้น่ากลัวเลยหากแต่มันน่าหงุดหงิด!
ตลอดเวลาที่โดนฉุดกระชากลากถูและรัวสกิลใส่ ข้อความที่บ่งบอกถึงผลลัพธ์การโจมตีก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวเซียวเฟิงอยู่ตลอดประดุจหมอกหลากสีที่ไม่เคยจางหาย
เลือดของเซียวเฟิงก็ยังคงเต็มหลอดอยู่เช่นนั้นแม้จะโดนโจมตีอยู่ตลอดก็ตาม เขาไม่ได้เข้าสู่สถานะอันตรายแต่อย่างใด หนำซ้ำยังโจมตีกลับอย่างต่อเนื่องด้วย
“นี่มันเป็นไปไม่ได้! ทำไมเขาถึงยังไม่ตายอีกทั้ง ๆ ที่โดนคนนับหมื่นโจมตีเข้ามาขนาดนั้น!”
ผู้ที่ยืนชมการต่อสู้อยู่บนจุดสูงสุดของยอดผา บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่ถึงกับหน้าถอดสี เสียงที่เบานั้นกำลังพูดออกมาด้วยความไม่เชื่อในสายตาตนเอง
การต่อสู้ด้านล่างนี้ดำเนินมา 10 นาทีแล้ว ทว่าเลือดของเซียวเฟิงก็ยังคงเต็มหลอดอยู่ ชายหนุ่มดูจะไม่รู้สึกเหนื่อยหรือล้าเลยสักนิด หนำซ้ำอีกฝ่ายยังฆ่าสมาชิกกิลด์กลอรี่ด้วยการโบกคทาแห่งการรักษาไปมาราวกับปัดแมลงวันอีกด้วย!
สกิลดูดเลือดนั่นก็แข็งแกร่งพอที่จะทำให้เลือดของเขาเต็มทุกครั้งที่เขาโจมตี การผสมผสานที่ลงตัวนี้ทำให้เซียวเฟิงสามารถยืนอยู่ได้จนถึงตอนนี้
“ดูเหมือนว่าเขาจะมีอาร์ติแฟคท์ที่มีความสามารถในการดูดเลือดด้วยตัวมันเองนะ ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าเขายังมีความสามารถอะไรซ่อนอยู่อีก”
ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังไนน์นั้นคือเล่าสวี เขากำลังอุทานออกมาขณะถ่ายทอดสดผ่านสไปรท์ที่กำลังบินอยู่เหนือหัวเซียวเฟิงไปด้วย
“เล่าสวี…นายพอจะมีวิธีรับมือเขาบ้างหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่าสวี ไนน์ก็รีบหันกลับไปมองเขาพร้อมกับถามราวกับว่าถูกกระตุ้นให้คิดอะไรได้บางอย่าง
“เฮ้ ๆ!” ด้วยคำถามนั้น เล่าสวีก็รีบปิดไมโครโฟนในไลฟ์ของตนแล้วตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้ทันที “ไนน์ นายกำลังจะทำให้ฉันมีปัญหารู้ไหม? ฉันไม่อยากจะมีปัญหากับทั้งนายหรือเขาทั้งนั้นแหละ เพราะงั้นฉันจะไม่ยุ่ง โอเค้?”
“แต่นายก็คงจะไม่อยากให้การต่อสู้ดูจะเดาผลได้แบบนี้ใช่ไหมล่ะ? งานนี้น่าเบื่อแน่ ๆ ถ้าทุกคนเดาผลได้แบบนี้ พวกเราฆ่าเขาไม่ได้ และฉันก็จะไม่ยอมแพ้ด้วย ฝั่งเรามีคนตั้งมากตั้งมาย ต่อให้ต้องสู้ทั้งวันทั้งคืนก็จะไม่ยอมท้อถอยด้วย แต่อย่างที่ฉันบอก นายจะยอมให้คนดูรู้สึกเบื่อได้เหรอ ใช่ไหม? พวกเขาไม่อยากดูฉากเดิม ๆ ซ้ำ ๆ หรอก” ไนน์พูดเกลี้ยกล่อม
“มัน…” เล่าสวีลังเล “มันก็มีเหตุผลแหละ ตลอด 10 นาทีที่ผ่านมานี่ผู้คนก็เริ่มจะเฉย ๆ กันแล้ว ต่างกับความตื่นเต้นที่มีตอนเริ่มลิบลับ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันจะต้องไม่ดีกับช่องของฉันแน่ ๆ ฉันจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้”
“ถ้างั้นหากฉันพูดอะไรไปต่อจากนี้ เรื่องจะไม่ถูกลากมาถึงฉันและห้ามโยงเข้าหาฉันโดยเด็ดขาด เข้าใจนะ?” เล่าสวีคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ
“ไว้ใจฉันได้เลย สิ่งที่นายต้องทำมีเพียงบอกว่าจะให้ฉันทำยังไงเพื่อชนะเขา แค่นั้นพอ” ไนน์พยักหน้าและแสยะยิ้มขณะหันมองไปยังเซียวเฟิง
“โอเค งั้นบอกให้คนของนายหยุดการกระทำตอนนี้ก่อน” เล่าสวีพูดพร้อมพยักหน้า
“หยุดก่อนเหรอ? แล้วแบบนี้เราจะวางกับดักเขาได้ยังไงล่ะ?” ไนน์ประหลาดใจกับคำแนะนำนั้น เขาจึงรีบถามกลับด้วยความสงสัย
“นายก็ดักเขาไปแล้วรอบหนึ่งนี่ ไม่เห็นเหรอว่ามันไม่ได้ผล?” เล่าสวีตอบเขาด้วยคำถามแทนที่จะอธิบาย
“เข้าใจแล้ว…งั้นฉันจะออกคำสั่งให้ถอยก่อน แล้วต่อไปเราต้องทำอะไรต่อ?” เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดไนน์ก็ยอมที่จะเชื่อในสิ่งที่เล่าสวีพูด เพราะเขาเชื่อว่าเล่าสวีเองก็ต้องทำให้คนดูไลฟ์ของตนกลับมาคึกคักเช่นกัน
“จากนั้นบอกให้คนที่ต่อสู้ระยะใกล้ถอนตัวออกจากหุบเขา และให้คนที่โจมตีระยะไกลล้อมที่แห่งนั้นไว้ แต่ทำให้มั่นใจก่อนนะว่าตรงกลางไม่มีอะไรอยู่” เหล่อซูพูดต่อ
“ได้ ฉันจะสั่งการเดี๋ยวนี้เลย” ไนน์อยากจะถามเหมือนกันว่าถ้าให้คนที่โจมตีระยะไกลวางกับดักเซียวเฟิงได้ไหม แต่เมื่อคิดได้ว่ามันมีโอกาสที่จะสามารถฆ่าเซียวเฟิงแบบชั่วพริบตาได้ เขาก็ตัดสินใจปล่อยคำสั่งออกไปผ่านช่องทางสื่อสารในกิลด์โดยไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คน เซียวเฟิงก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ผู้เล่นรอบ ๆ ตัวเขาเริ่มเบาบางลงจนเขามีพื้นที่ให้ขยับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว
เขาดีใจมากที่ในที่สุดก็สามารถใช้สกิลไฟประทุของรองเท้าซาลาเมนเดอร์ทองคำได้เสียที ไฟที่เกิดขึ้นจากใต้เท้านั้นกระจายออกจากตัวเขาที่เป็นจุดศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว
ทว่าสถานการณ์ก็ต้องทำให้เขาต้องตกใจอีกครั้ง สกิลไฟประทุยังไม่ทันจะได้สัมผัสโดนเหล่าผู้เล่นจากกิลด์กลอรี่ เพราะคนเหล่านั้นกลับถอยออกไปได้ก่อน เหลือเขาทิ้งไว้คนเดียวราวกับจะหยุดต่อสู้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
เซียวเฟิงค่อนข้างสับสนขณะมองกลุ่มคนที่เบาบางลงไปมาก หากไม่ใช่ว่าศัตรูยังคงโจมตีมาเป็นระยะ เขาคงคิดว่ากิลด์กลอรี่ยอมแพ้ไปแล้ว
“ไม่นะ!?”
ไม่ทันจะได้สงสัยนานนัก เซียวเฟิงก็เริ่มรู้สึกถึงความปกติ เลือดของเขาเริ่มกลับมาลดลงอย่างต่อเนื่องอีกครั้งโดยที่เขายังคงสงสัยอยู่
ชายหนุ่มรีบกระโจนตามเหล่าศัตรูที่ร่นถอยเพื่อโจมตีและดูดเอาพลังชีวิตของพวกเขามาเพิ่มให้ตนเอง
“เป็นพลังอะไรที่น่ากลัวขนาดนี้นะ! พี่ชายเนี่ยเจ๋งจริง ๆ! นั่นคงเป็นอาร์ติแฟคท์สินะ ดูเหมือนจะมีสกิลดูดเลือดที่แข็งแกร่งสุด ๆ ติดมาด้วยล่ะสิเนี่ย”
ขณะที่นั่งอยู่บนหน้าผา เด็กหนุ่มก็อุทานออกมาราวกับตัวเขาอยู่ที่สนามรบด้านล่างด้วย “ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าเมื่อไหร่พี่ชายจะยอมยกอาร์ติแฟคท์ชิ้นนั้นให้ฉัน มันจะต้องเข้ามือฉันมากแน่ ๆ !”
“ไปได้ในฝันนะ ฉันไม่เคยคิดเลยว่านายจะละโมภมากกว่าเฉียนโตวโตวซะอีก เมื่อครั้งที่ยัยนั่นจ้องจะเอาอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าของพี่เซียว ก็ทำพวกเราตกใจไปทีหนึ่งแล้ว แต่นี่นายคิดจะฮุบเอาอาร์ติแฟคท์ของเขาเลยงั้นเหรอ?”
นิโคลัสเจ๋าซือที่นั่งข้าง ๆ อดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ “เป็นแค่ไอ้หนุ่มหน้าใสแท้ ๆ ไม่คิดเลยว่าเนื้อแท้จะเป็นจอมละโมภมากกว่าเฉียนโตวโตวไปได้”
ด้วยความที่ผาโซนนี้ถูกครอบครองโดยกิลด์ขนาดใหญ่มากมายไม่ว่าจะเป็น มิดซัมเมอร์ วอร์สปิริต รวมไปถึงสัมพันธมิตรทอจแมนด้วย เพราะงั้นมันเลยทำให้ที่แห่งนี้ไม่มีคนนอกเข้ามานั่งดูด้วย
“ฮึ่ม! เมื่อไหร่ก็ตามที่พี่ชายแต่งงานกับพี่สาวของฉันล่ะก็ การที่จะได้อาร์ติแฟคท์ชิ้นนั้นมาก็เป็นเรื่องง่ายอยู่แล้ว!”
เด็กหนุ่มบ่นพึมพำ ก่อนจะหลบสายตาจากจืออี้ ผู้ที่อยู่ท่ามกลางสมาชิกของกิลด์วอร์สปิริตไปด้วย
นอกจากเธอแล้วก็ยังมี หลิวเฉียงเหว่ย ซือเยี่ยจิ๋ง และลิลลี่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางสมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์ด้วยเช่นกัน ข้าง ๆ กันนั้นเป็นเฉียนโตวโตวที่รู้จักกันดี ตามด้วยสองพี่น้องนิโคลัสและซางกวน อาโอเชินที่พากันมาดูการต่อสู้อันเป็นประวัติกาลนี้
หลังจากที่เฉียนโตวโตวได้สถานะทางสังคมใหม่ มันเลยทำให้ทุกกิลด์ให้ความเคารพเธอ ด้วยเหตุนี้เธอจึงสามารถนั่งอยู่บนผาซีกนี้ได้ไปโดยปริยาย
ยิ่งไปกว่านั้น เหล่ากิลด์ทั้งหลายยังพยายามเอาอกเอาใจเธอไปด้วย เพราะยาที่ซื้อจากในร้านค้ามหาสมบัตินั้นเริ่มจะไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว กิลด์เหล่านี้จำเป็นต้องซื้อเพิ่มจากเธอเพื่อที่จะได้สามารถจัดการดันเจี้ยนรวมไปถึงปราบบอสในพื้นที่ต่าง ๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น
“ท่านฮีลเลอร์ช่างมีพลังที่น่ากลัวจริง ๆ! ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าเผชิญหน้ากับคนนับหมื่นของกิลด์กลอรี่ได้เช่นนี้! สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งในเขตฮัวเซีย” ไนฟ์กล่าวชื่นชม
“ไม่ใช่เท่านั้นนะ เขายังเป็นเพียงคนเดียวที่ได้ครอบครองอันดับ 1 ในอันดับอุปกรณ์ด้วยอาร์ติแฟคท์ด้วย แถมยังมีตั้ง 2 ชิ้นอีกต่างหาก! จนกว่าจะมีคนในเขตอื่นได้อาร์ติแฟคท์มาครอบครอง ฉันว่าเขาน่าจะเป็นอันดับ 1 ในทุกเขตแล้ว” สกายเองก็กล่าวชื่นชมด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน จืออี้ก็ใช้สายตาที่ทรงเสน่ห์ของเธอจ้องมองลงไปยังเซียวเฟิงที่อยู่เบื้องล่างไปด้วย ราวกับว่ากำลังเห็นเทพที่ไม่มีวันตายกำลังแสดงศักยภาพอยู่บนโลกนี้ เธอดูเขาเข้าต่อสู้กับศัตรูนับพันอย่างไม่ย่อท้อจนรู้สึกถึงความแข็งแกร่งไม่แพ้คนอื่น ทว่าตอนนั้นเอง หญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงความคิดชั่วร้ายบางอย่าง เธอรีบหันกลับไปมองยังต้นทางที่จับสัมผัสได้แล้วก็พบว่า ณ จุดนั้นมีเพียงลูกพี่ลูกน้องของเธอ ซางกวน อาโอเชินเท่านั้น เด็กหนุ่มดูจะรีบหันไปมองทางอื่นด้วยสีหน้าเขินอายพอดีเลยด้วย
“นายกำลังคิดอะไรอยู่ ไอ้หนู?” จืออี้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเสียเท่าไหร่ คิ้วสวยบนใบหน้าของเธอเองก็ขมวดแน่นจนจะเป็นปมขณะจ้องมองอีกฝ่ายเช่นนี้
“ปะ…เปล่าซักหน่อย” ซางกวน อาโอเชินปฏิเสธแล้วยกมือขึ้นโบกไปมาด้วยความตกใจ
“ฮึ่ม! อย่าให้ฉันรู้ว่านายคิดเชียว! พักหลังมานี้ฉันรู้สึกว่านายมันเจ้าเล่ห์กว่าแต่ก่อนเยอะ!” หญิงสาวพ่นลมหายใจแล้วไม่หันกลับไปมองเขาอีก
“ฮ่า ๆ ฉันคิดว่าพวกเราจะมารอโอกาสลงไปช่วยพี่ชายจากปัญหาตรงหน้ากันซะอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนพี่ชายจะไม่ต้องการความช่วยเหลือแล้วมั้ง” เขารีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“ทุกคนก็เห็นเหมือนกันหมด ว่าถ้าขืนลงไปได้ถูกฝูงคนข้างล่างกลืนกินไปหมดแน่ ฉันมั่นใจว่าพี่เซียวน่ะไม่ได้คิดจะให้พวกเราช่วยตั้งแต่แรกแล้วด้วย” นิโคลัสเจ๋าซือเห็นด้วย
ไม่ไกลจากทุกคนนัก หลิวเฉียงเหว่ยกำลังยืนอยู่บนหน้าผานี้เช่นกัน ด้วยใบหน้าอันงดงามที่ถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าที่ปกปิดมันไว้ ชุดเดรสสีขาวของเธอพริ้วไปตามสายลมทำให้เธอดูคล้ายกับนางฟ้าที่พร้อมจะโบยบินกลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่จากมาได้ทุกเมื่อ และด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ ทำให้ผู้ที่คิดจะมองมายังตนต้องรู้สึกอับอายและรู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาทมาก ๆ หากเผลอมองเธอไป
ตลอดเวลาที่ยืนอยู่ที่หน้าผานั้น ดวงตาที่งดงามของเธอก็คอยจับจ้องร่างที่อยู่ด้านล่างด้วยแววตาเปล่งประกายเป็นระเรื่อยอยู่เป็นนิจ
ส่วนซือเยี่ยจิ๋งในชุดดำสนิทเองก็ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของผา เธอจ้องมองเซียวเฟิงที่อยู่ด้านล่างของผานี้ภายในหุบเขารอยแยกโดยที่ไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปใกล้เธอ “จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว” หญิงสาวพูดด้วยเสียงเบาและแน่นอนว่าไม่มีใครได้ยิน
“จะว่าไป สถานการณ์ตอนนี้ดูจะแปลกไปหรือเปล่า? ทำไมคนของกิลด์กลอรี่ถึงถอยออกล่ะ? ฉันเห็นพวกเขาบางคนเริ่มจะถอยกันแล้ว หรือว่านี่คือการยอมแพ้เหรอ?”
“ไม่สิ ดูนั่น! เลือดของเจ้าแห่งฮีลเลอร์กำลังลดลง!”
บทสนทนาถกเถียงกันบนหน้าผาเริ่มดังขึ้นอีกครั้งเมื่อพวกเขาเห็นว่ามีผู้เล่นกิลด์กลอรี่บางส่วนกำลังร่นถอยออกจากสนามรบ
สิ่งนี้มันไม่ปกติ และเซียวเฟิงเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ชายหนุ่มพบว่าตนเองไม่สามารถหยุดหลอดเลือดไม่ให้ลดลงเรื่อย ๆได้เลย ต่อให้จะคอยโจมตีผู้เล่นอื่นเพื่อดูดเลือดมาแล้วแท้ ๆ
แทบจะในทันที ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมกลุ่มคนหนาแน่นถึงได้บางตาลง
แต่เดิมแล้วคนพวกนี้ตั้งใจจะใช้แผนกักตัวเขาไว้และรุมโจมตีจากรอบทิศทาง ทว่าเพราะมันไม่ได้ผลแถมมันยังกลายเป็นดาบที่หันคมเข้าตนเองอีก เนื่องจากเซียวเฟิงสามารถดูดเลือดคืนได้หากมีผู้เล่นให้โจมตี
ดังนั้นแล้วผู้เล่นเหล่านี้จึงถอยออกมาและคอยหลบไม่ให้เซียวเฟิงโจมตีโดน เพื่อไม่ให้เขาสามารถดูดเลือดได้อีก
นอกจากนี้การที่ฝูงชนเบาบางลงนั้น มันถือเป็นการเปิดโอกาสให้เหล่าผู้ที่ใช้การโจมตีระยะไกลสามารถเล็งเซียวเฟิงได้อย่างง่ายดายขึ้นด้วย มันทำให้ผู้เล่นแนวหลังเหล่านี้ เพิ่มเปอร์เซ็นต์ในการยิงเข้าจุดตายและทำความเสียหายมากขึ้นอีกมาก!