บทที่ 222 คทาปราชญ์ที่เสียหาย
คทาปราชญ์ที่เสียหาย
คุณภาพ: อาร์ติแฟกต์
ประเภทของสวมใส่: คทาสองมือ
เลเวลของสวมใส่: 1
ความต้องการของสวมใส่: อาชีพนักบวช ผู้ประกอบพิธีกรรม
คุณสมบัติ:
ระยะร่าย +1%
ความเร็วในการร่าย +1%
ค่าความแข็งแกร่ง : +5
ค่าความว่องไว : +5
ค่าความทนทาน : +5
ค่าพลังเวท : +5
ค่าจิตวิญญาณ : +5
สกิล:
หัวใจแห่งนักปราชญ์: ติดตัว : ระยะเวลาของสกิลบัฟทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 10%
แห่งนักปราชญ์: ติดตัว : เวลาคูลดาวน์ของสกิลรักษาทั้งหมดจะลดลง 10%
คำอธิบาย:
คทาของปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แอนโทนี่ ได้รับความเสียหายตอนความมืดรุกรานเมื่อพันปีก่อน
เซียวเฟิงจ้องไปที่คุณสมบัติของคทานักปราชญ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและพูดไม่ออก
“นี่คืออาร์ติแฟกต์ที่เธอได้มาจากเครื่องสุ่มรางวัลใช่ไหม?”
เซียวเฟิงถามหลิวเฉียงเหว่ยด้วยความสับสนและรับไม่ได้
นี่คือคทานักปราชญ์อย่างแน่นอนด้วยรายละเอียดประกอบเกี่ยวกับประเภทของมัน ทว่าคุณสมบัตินั้นไม่ไร้ประโยชน์เกินไปหรือ?
นอกเหนือจากสกิลติดตัวทั้งสองแล้ว คุณสมบัติพื้นฐานก็เหมือนกับของระดับเริ่มต้น ซึ่งไม่มีความสำคัญมากนัก
เซียวเฟิงเปิดรายการของสวมใส่ด้วยความสับสนและพบว่าคทานักปราชญ์ที่เสียหายนั้นอยู่ในอันดับสามรองจากเซ็ตมังกรทั้งสองชิ้น มีอาร์ติแฟกต์เพียงสามชิ้นในรายการของสวมใส่ของเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งก็หมายความว่าของสวมใส่นี้เป็นอาร์ติแฟกต์ที่ออกมาจากเกาะมหาสมบัติอย่างแท้จริง
แต่คุณสมบัติมัน…
“เธอทำอะไรให้อาร์ติแฟกต์เสียหายกัน?”
เซียวเฟิงถือคทานักปราชญ์และถามหลิวเฉียงเหว่ยอย่างสับสน
“นายอ่านคำอธิบายของสวมใส่ไม่เป็นเหรอ?”
ตอนนี้ ไม่ว่าหลิวเฉียงเว่ยจะสวยเหมือนนางฟ้าและงดงามเพียงใด เธอก็โกรธเคืองชายหนุ่มที่เค้นถามเธอเช่นนี้ ดังนั้นจึงพูดอย่างหมดความอดทน
เซียวเฟิงได้อ่านคำอธิบายที่ด้านล่างและรู้ว่าคทานักปราชญ์ได้รับความเสียหายแล้ว แต่ก็ไม่สามารถยอมรับความจริงได้
อาวุธระดับอาร์ติแฟกต์ตอนนี้ได้รับความเสียหายโดยมีค่าสถานะพื้นฐานเกือบเป็นศูนย์ เซียวเฟิงจะไม่รู้สึกแย่ได้อย่างไร? ระบบมันห่วยเกินไปแล้ว!
อย่างไรก็ตามเซียวเฟิงยังคงรับคทานักปราชญ์ที่เสียหายมา ท้ายที่สุด นี่ก็เป็นอาร์ติแฟกต์ ซึ่งสามารถทำเให้ชายหนุ่มดูดีมากทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น สกิลติดตัวทั้งสองของมันยังใช้จริงได้ดีมาก แม้ว่าค่าสถานะพื้นฐานจะด้อยกว่า แต่ก็สามารถแก้ไขได้ได้ด้วยค่าสถานะที่แข็งแกร่งของตัวเซียวเฟิงเอง
มันแค่ทำให้เซียวเฟิงดูค่อนข้างผิดหวัง
โชคดีที่รูปร่างของคทานักปราชญ์ที่เสียหายยังคงดูค่อนข้างเท่ มันเป็นคทายาว 1.2 เมตร กิ่งก้านของไม้คทายื่นยาวออกมาและหนาขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยส่วนบนเหมือนฝ่ามือและกิ่งก้านถืออัญมณีกลม ซึ่งมันใหญ่พอ ๆ กับลูกวอลเลย์บอล แต่ยังมืดสนิทราวกับลูกบอลหินผลึก นอกจากนี้ กิ่งก้านที่เป็นส่วนของคทาก็ดูเหี่ยวแห้งและเป็นสีเหลือง
“อาร์ติแฟกต์อยู่ที่ไหน? เอาให้ฉันดูหน่อย!”
ก่อนที่เซียวเฟิงจะคุ้นเคยกับคทานักปราชญ์ที่เสียหาย ร่างสวยร่างหนึ่งก็วิ่งเข้ามา ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นคือเฉียนโตวโตว เธอกำลังจ้องไปยังสิ่งที่อยู่ในมือของเซียวเฟิงด้วยดวงตาที่วาววับ
“เธอบอกหล่อนเหรอ?”
เซียวเฟิงจ้องมองหลิวเฉียงเหว่ยด้วยความรำคาญ หนึ่งในเหตุผลที่เขารีบไปรับอาร์ติแฟกต์ก็คือ ชายหนุ่มต้องการหลบเลี่ยงเฉียนโตวโตว ถ้าเธอรู้เรื่องนี้ เธอต้องอยากลองใช้อาร์ติแฟกต์นี้อย่างแน่นอน…
เมื่อเผชิญกับคำถามของเซียวเฟิง หลิวเฉียงเหว่ยก็มองออกไปอย่างเงียบ ๆ เห็นได้ชัดว่าเธอยอมรับโดยปริยาย ท้ายที่สุดเธอได้มอบอาร์ติแฟกต์ให้กับเซียวเฟิงแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ ยังไงเธอก็ได้กุญแจวิลล่าไปแล้ว
“พี่เซียว! พี่จ๋า! พี่ชายที่รักของฉัน! ให้ฉันยืมอาร์ติแฟกต์เป็นเวลาสักสองวันได้ไหม จัดประมูลหรือทำโปรโมชั่นล่ะว่าไง?”
ตามที่คาดไว้เฉียนโตวโตวจับแขนของเซียวเฟิงทันทีและเขย่าจากทางด้านข้างด้วยดวงตาที่เปล่งประกายราวกับหลอดไฟทั้งสอง
“เอ้านี่”
เนื่องจากเฉียนโตวโตวมุ่งเป้าไปที่อาร์ติแฟกต์ เซียวเฟิงไม่อยากถูกเธอรบเร้า ดังนั้นจึงโยนไม้เท้าปราชญ์ที่เสียหายให้เฉียนโตวโตวโดยตรง
ส่วนใหญ่เป็นเพราะค่าสถานะของคทานักปราชญ์ที่เสียหายไม่เป็นที่พอใจสำหรับเซียวเฟิง ชายหนุ่มจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญหาที่จะปล่อยให้เฉียนโตวโตวเก็บคทานักปราชญ์ไว้สักสองสามวัน ในแง่ของชื่อเสียงและสถานะของตำหนักขุมทรัพย์ในปัจจุบัน มันไม่จำเป็นต้องดึงความสนใจจากการประมูลอาร์ติแฟกต์แล้ว แต่ยิ่งมีโอกาสเพิ่มชื่อเสียงได้มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีเท่านั้น
“อ้าว?” เฉียนโตวโตวรู้สึกประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเซียวเฟิงจะยอมรับคำขอของเธออย่างง่ายดายเช่นนี้ เธอได้เตรียมสุนทรพจน์เพื่อโน้มน้าวเขาไว้แล้ว แม้กระทั่งคำพูดหว่านล้อมทางเพศก็ด้วย ทว่าเซียวเฟิงตอบรับคำขอของเธอไปง่าย ๆ เช่นนี้
“จุ๊บ! เซียวเฟิง ฉันรักเธอมาก!”
เฉียนโตวโตวที่ได้สติกลับมารีบรับคทานักปราชญ์ที่เสียหายมาและจูบใบหน้าของเซียวเฟิงด้วยความตื่นเต้น
หลิวเฉียงเหว่ยมองย้อนกลับไปที่ใบหน้าของเซียวเฟิงทันทีที่เฉียนโตวโตวจูบเขาโดยไม่พูดอะไรเลย
เซียวเฟิงเช็ดน้ำลายบนใบหน้าด้วยความรังเกียจและพูดอย่างไม่อดทน
“พอแล้ว ไปทำธุระของตัวเองเถอะ ฉันจะไปหาเลเวลล่ะ”
“โอเค พี่เซียว! ในเมื่ออีเวนต์สิ้นสุดลงแล้ว อย่าลืมออกจากระบบให้เป็นเวลาและกินข้าวเช้าตอนพรุ่งนี้เช้าด้วย!”
เฉียนโตวโตวได้รับคทานักปราชญ์ที่เสียหายมาและพูดอะไรบางอย่างกับเซียวเฟิงก่อนที่เธอจะจากไปอย่างมีความสุขโดยไม่ยุ่งอะไรไปมากกว่านี้
เซียวเฟิงก็พร้อมที่จะจากไปเช่นกัน
เขาไม่ได้แค่หาข้ออ้างเพื่อไล่เฉียนโตวโตว แต่ชายหนุ่มต้องการเพิ่มเลเวลจริง ๆ เนื่องจากการล่าขุมทรัพย์ของเซิร์ฟเวอร์ทำให้เขาต้องใช้เวลาไป 24 ชั่วโมง แถบค่าประสบการณ์ของเซียวเฟิงจึงไม่เพิ่มขึ้นเลย โดยพื้นฐานแล้ว มันทำให้อันดับ 1 ในรายชื่อเลเวลของเขาอยู่ในอันตราย
“เธอตามฉันมาทำไม?”
ทว่าเซียวเฟิงหันกลับมาและพบว่าหลิวเฉียงเหว่ยยังคงตามเขามาอยู่ ขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว หญิงสาวก็ทำแบบเดียวกัน
“ลืมไปหรือเปล่าว่าฉันยังอยู่ที่บ้านนาย”
น้ำเสียงหลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้สงบนิ่ง หลังจากที่ถูกเซียวเฟิงเมินซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป
“แปะ!”
เซียวเฟิงตบหัวของตน เขาลืมเรื่องนั้นไปสนิท จึงรีบออกจากระบบทันที
หลิวเฉียงเหว่ยเห็นเซียวเฟิงหายไปอย่างช้า ๆ ดังนั้นจึงออกจากระบบตามไปเช่นกัน
เซียวเฟิงที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาลืมตาขึ้นและบังเอิญเห็นหลิวเฉียงเหว่ยถอดหมวกเล่นเกมออกด้วย รูปร่างของเธอค่อนข้างสวยด้วยผมสีดำสองสามปอยที่ตกลงมาบนหมวกเล่นเกมสีขาวของเธอ เมื่อถอดหมวกเล่นเกมออก ผมก็ร่วงลงมาอย่างน่ารัก รวมกับใบหน้าด้านข้างที่งดงามของหลิวเฉียงเว่ยแล้วก็ดูน่ารักมาก
ทว่าเซียวเฟิงไม่มีอารมณ์ที่จะมาชื่นชมความงามของเธอ ชายหนุ่มมองไปที่ความมืดภายนอกวิลล่า มันเป็นเวลาตีสามแล้ว จึงลังเลเล็กน้อย
“ตอนนี้มันดึกมากแล้ว นายจะขอให้ฉันกลับไปเหรอ?”
หลิวเฉียงเหว่ยกล่าวกับเซียวเฟิงก่อนด้วยเสียงที่ไพเราะและจ้องมองที่เขาตรง ๆ
“ไปชั้นบน ฉันจะหาห้องให้เธอค้างแล้วกัน”
เนื่องจากหลิวเฉียงเหว่ยพูดเช่นนั้น เซียวเฟิงก็ทำได้เพียงแต่พาเธอขึ้นไปชั้นบนแทนที่จะขอให้เธอกลับไป
หลิวเฉียงเหว่ยเก็บหมวกเล่นเกมและหยิบกระเป๋าของเธอแล้วเดินตามหลังเซียวเฟิงอย่างเร่งรีบ หญิงสาวรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
มีห้องนอนหกห้องบนชั้นสองของวิลล่า ห้องแรกทางด้านขวาคือห้องของเซียวเฟิง แต่เมื่อผ่านห้องไป เขาก็เดินไปต่อตามทางเดิน แทนที่จะหยุดที่ห้องของเขา เป็นผลให้หลิวเฉียงเหว่ยพูดไม่ออกเมื่อมองที่หลังของเซียวเฟิงขณะที่เธอหยุดที่หน้าห้องของอีกฝ่าย
“ไหนดูซิ ห้องนี้เป็นของหลิง และห้องนี้เป็นของเฉียนโตวโตว งั้นเธอใช้ห้องนี้แล้วกัน”
เซียวเฟิงเดินไปที่ห้องที่สองจากด้านขวาและบอก ห้องแรกจากด้านขวาหรือก็คือห้องตรงข้ามห้องเซียวเฟิงเป็นของเซียวหลิง ห้องที่สองจากด้านซ้ายเป็นของเฉียนโตวโตวซึ่งทำให้ห้องข้าง ๆ ห้องเซียวหลิงน่าจะว่าง
เมื่อพูดอย่างนั้นแล้ว เซียวเฟิงก็เปิดประตูเข้าไป เขาแปลกใจที่ห้องที่น่าจะว่างกลับสว่างไสว จากนั้นชายหนุ่มก็มองเข้าไปข้างในโดยไม่รู้ตัวและตกตะลึง
ห้องนี้มีขนาดใหญ่และมีการตกแต่งคล้ายกับห้องของเซียวหลิง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ที่สำคัญคือห้องนั้นสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ และที่สำคัญกว่านั้น บนเตียงมีหนิงเคอเค่อที่กำลังทำหน้าตกตะลึงและสับสน มองที่เซียวเฟิงที่จู่ ๆ ก็เปิดประตูเข้ามา
ที่สำคัญที่สุดคือหนิงเคอเค่อกำลังเปลือยกาย เผยร่างเล็ก ๆ สีขาวของเธอ ซึ่งนั่งอยู่บนเตียงของเธอพร้อมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและตกใจ
เห็นได้ชัดว่าหนิงเคอเค่อเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผมหยิกสีน้ำตาลอ่อนของเธอยังเปียกอยู่และเธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าใด ๆ นั่งอยู่บนเตียงโดยวางขาแนบชิดกัน โชคดีที่ตอนนี้เธอไม่ได้สติหลุด ยกเว้นร่างกายเล็ก ๆ สีขาวของเธอยังคงสั่นเทาด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว เหมือนกับกระต่ายขาวที่ทำอะไรไม่ถูก
ที่สะดุดตาที่สุดคือหน้าอกใหญ่ของเธอ เด็กสาวเอาแขนโอบหน้าอกไว้ด้วยความกลัว ซึ่งบดบังส่วนสำคัญของเธอ แต่หน้าอกของเธอใหญ่ทะลักเกินไปจนส่วนบนที่อ่อนนุ่มของหน้าอกของเธอเผยออกมาราวกับแป้งสีขาววางอยู่ใต้แขนที่เพรียวบางสีขาวของเธอ
ร่างกายที่เล็กและสวยงามของเธอถูกเปิดเผยต่อเซียวเฟิงโดยตรง แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยส่วนสำคัญใด ๆ ก็ตาม แต่เรือนร่างของหนิงเคอเค่อก็ยังดูเย้ายวนเป็นอย่างมาก…
ในขณะนี้ หนิงเคอเค่อกำลังจ้องมองที่เซียวเฟิงที่ประตูด้วยใบหน้าที่สับสน
“อ่า…เอ่อ เคอเค่อ…ฉันไม่รู้ว่าเธอยังตื่นอยู่ ฉันมาผิดห้อง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะบุกเข้ามานะ”
เซียวเฟิงรีบไอกลบเกลื่อนและกำลังจะปิดประตูและออกไป
“นายท่าน…นายท่าน…”
ทว่าหนิงเคอเค่อที่เพิ่งได้สติก็หยุดเขาไว้ เธอก้มหัวและหน้าแดงด้วยความเขินอาย และกำลังจะเอาแขนสีขาวที่สั่นเทาออกจากหน้าอกของเธอ
“ถ้านายท่านต้องการฉัน…ฉัน…ฉันก็ไม่ว่าอะไร…”
หนิงเคอเค่อกล่าวด้วยเสียงที่เบาจนเซียวเฟิงไม่ได้ยินเธอ ทว่าชายหนุ่มกลับสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกจากด้านหลัง ดังนั้นจึงหันกลับไปและเห็นสีหน้าตายด้านของหลิวเฉียงเว่ย
“ปัง!”
เซียวเฟิงรีบปิดประตูห้องของหนิงเคอเค่อไม่ว่าเขาจะสงบลงเพียงใด ก็ต้องรู้สึกอับอายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“นั่นมันเป็นอุบัติเหตุนะ ฉันไม่รู้ว่าเคอเค่ออยู่ห้องนี้”
เซียวเฟิงไม่ได้โกหก เขาลืมแล้วจริง ๆ
หลังจากปล่อยให้หลิวเฉียงเหว่ยไปพักอยู่ถัดจากห้องของเฉียนโตวโตว ในที่สุดเซียวเฟิงก็โล่งใจ เขาปาดเหงื่อที่หน้าผาก รีบสวมหมวกเล่นเกมและเข้าสู่ระบบ
โชคดีที่หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้นินทาเขา ดังนั้นเซียวเฟิงจึงไม่รู้สึกอับอายเกินไป ทว่าเมื่อหญิงสาวปิดประตู เธอก็กระแทกมันแรงเล็กน้อย ซึ่งทำให้เซียวเฟิงตกใจมาก