บทที่ 230 ป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึก
จางเสี่ยวหยูเป็นผู้หญิงที่สวยและฉลาด เธอดูสง่างามเป็นพิเศษ หญิงสาวเดินไปหาหลิวเฉียงเหว่ยพร้อมโบกมือขาวเล็ก ๆ ของเธอ แต่เรียกชื่อด้วยคำที่น่าประหลาดใจ
“พี่สะใภ้”
ในกิลด์มิดซัมเมอร์มีเพียงหลิวเฉียงเหว่ยและลิลลี่เท่านั้นที่เข้าร่วมการประมูล ในขณะนี้ สีหน้าของหลิวเฉียงเหว่ยเปลี่ยนไปในทันที เธอมองไปที่ใบหน้าที่สวยงามของจางเสี่ยวหยู นี่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อย่างที่มักจะเป็นอยู่เสมอ
“หุบปาก!”
หลิวเฉียงเหว่ยพูดด้วยเสียงที่เบา ทว่าความโกรธในเสียงของเธอนั้นไม่สามารถปกปิดได้ แม้ว่าใบหน้าที่สวยงามจะถูกปกคลุมด้วยผ้าแพร แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่อยู่เบื้องหลัง หลิวเฉียงเหว่ยจ้องไปที่แขกที่ไม่คาดฝันอย่างจางเสี่ยวหยูด้วยดวงตาที่สวยงามของเธอ
“เฉียนเหว่ย… เธอก็น่าจะรู้ว่าไม่ว่าเธอจะฝืนยังไง ผลที่ตามมาก็จะไม่เปลี่ยนแปลง”
จางเสี่ยวหยูไม่สนใจ เธอเป็นนักดาบที่สวมชุดเกราะสีขาว ดูฉลาดและน่ารัก เธอยิ้มให้หลิวเฉียงเหว่ยและหันไปทางอาคารประมูล
“ดูเหมือนว่ามีเวลาน้อยกว่าสองเดือนแล้ว เฉียงเว่ย เธอควรเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนั้นไว้ ผู้หญิงในตระกูลจางไม่ควรจะมาอยู่ในโลกของเกมนี้นะ”
หลิวเฉียงเหว่ยยืนนิ่งเงียบ ทว่าจากสายตาที่เย็นชานั้นก็เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่ได้สงบอย่างที่เห็น
“หัวหน้า…”
ลิลลี่เรียกหลิวเฉียงเหว่ยด้วยความกังวล เธอไม่ได้ดูหยิ่งทะนงและน่าเกรงขามเหมือนยามปกติ แต่ดูรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
“ฉันไม่เป็นไร”
หลิวเฉียงเหว่ยสูดลมหายใจและพูดขึ้นว่า “ในเมื่อตระกูลจางได้เข้ามาในโลกนี้ มันก็พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ฉันเลือกนั้นถูกต้อง ฉันจะมีพลังในการต่อสู้กับตระกูลจางในโลกนี้ ไปกันเถอะ”
“คุณหนู ไอ้เว…เจ้าแห่งฮีลเลอร์คนนั้น คุณคิดว่าเขาจะช่วยคุณไหม? คุณบอกว่าความสามารถและภูมิหลังของเขานั้นไม่ธรรมดา แต่ศัตรูของคุณคือตระกูลจาง ถ้าเขารู้ว่าตระกูลจางน่ากลัวเพียงใด เขาจะยังกล้าต่อสู้กับพวกเขาหรือ?” ลิลลี่เดินตามหลิวเฉียงเหว่ยและถามด้วยความกังวล
หลิวเฉียงเหว่ยชะงักไปครู่หนึ่ง แต่หญิงสาวก็ก้าวเข้าไปในอาคารประมูลต่อโดยไม่หยุด เธอส่งข้อความถึงเฉียนโตวโตวหลังจากลังเลอยู่เพียงชั่วครู่
“เซียวเฟิงมางานประมูลแล้วหรือยัง?”
เห็นได้ชัดว่าเซียวเฟิงไม่ได้อยู่ที่อาคารหลักของร้านค้ามหาสมบัติ เขาไม่ได้อยู่ในอาณาจักรมนุษย์ด้วยซ้ำ แต่ไปอยู่ไกลถึงอาณาจักรออร์ค ชายหนุ่มยังคงตามผู้เล่นกิลด์วูล์ฟเหล่านั้นอยู่
“พวกเขาอยู่ที่ไหน?”
เซียวเฟิงถามซือเยี่ยจิ๋ง หญิงสาวที่มาด้วยกันกับเขากำลังอาศัยความได้เปรียบในการลอบเร้นและสะกดรอยตามผู้เล่นของกิลด์วูล์ฟไปโดยตรง ในขณะที่เซียวเฟิงต้องรักษาระยะห่างไว้
ทว่าผู้เล่นเหล่านั้นจู่ ๆ ก็หายตัวไปหลังจากผ่านสี่แยก ดังนั้นเซียวเฟิงจึงรีบถามซือเยี่ยจิ๋งหลังจากที่เขารู้สึกสับสน
ซือเยี่ยจิ๋งเชี่ยวชาญเรื่องการลอบเร้น คนอื่นจะไม่มีวันรับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอ เว้นแต่พวกเขาจะมีการรับรู้ที่สูงผิดปกติเหมือนที่เซียวเฟิงมี ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นธรรมดาเหล่านั้นเลย อีกอย่าง… ผู้เล่นจากกิลด์วูล์ฟกลุ่มนั้นไม่มีคนที่เป็นฮันเตอร์ด้วยซ้ำ พวกเขาไม่มีความสามารถในการตรวจจับกับดักเลย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…ดูเหมือนว่าเราจะคลาดกันแล้ว…”
เสียงที่ฟังดูงงงวยของซือเยี่ยจิ๋งดังมาจากปลายอีกด้านของไมโครโฟน
“เธออยู่ใกล้พวกเขามากขนาดนั้นแล้วยังคลาดสายตาเนี่ยนะ? เธอทำบ้าอะไรอยู่กัน! เธอนี่มันไร้ประโยชน์จริง ๆ!” เซียวเฟิงพูดไม่ออกเพราะซือเยี่ยจิ๋ง เขาเข้าไปหาเธอทันที
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง? จู่ ๆ พวกเขาก็หายตัวไปนี่นา ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยนะ”
ซือเยี่ยจิ๋งพูดอย่างไม่พอใจ เธออาจะได้ทะเลาะกับเซียวเฟิงหากเขาพูดจาไม่ดีกับเธออีกครั้ง
“มองไปรอบ ๆ อาจมีแผนที่ลับอยู่” เซียวเฟิงขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับเธอ เขาไปถึงจุดที่ผู้เล่นของกิลด์วูล์ฟหายตัวไปและมองไปรอบ ๆ
อาณาจักรออร์คไม่เจริญรุ่งเรืองเท่าของอาณาจักรมนุษย์ มันไม่เหมือนกับด้านนอกของเมืองหลักของมนุษย์ที่มีถนน หมู่บ้าน เมือง และจุดพักอยู่ทุกหนทุกแห่ง
สถานที่ที่เซียวเฟิงและซือเยี่ยจิ๋งยืนอยู่เป็นป่าเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงตระหง่าน ต้นไม้สูงตระหง่านเหล่านั้นดูเหมือนตึกระฟ้าขนาดย่อม ๆ ผู้เล่นของกิลด์วูล์ฟเหล่านั้นหายตัวไปทันทีหลังจากเดินไปที่หลังต้นไม้ยักษ์
“แผนที่ลับเหรอ? มันเป็นดันเจี้ยนหรือเปล่า?” ซือเยี่ยจิ๋งกล่าวอย่างแปลกใจ เธอใช้ความพยายามอย่างมากในการสะกดรอยคนเหล่านั้นมาเป็นเวลานาน แต่ปรากฏว่ามันเป็นแค่ดันเจี้ยน
“ดันเจี้ยนเลเวล 15 ไม่จำเป็นต้องกลับออกไปเพียงเพื่อซื้อยาเพิ่มหรอก” เซียวเฟิงกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ เขายังคงมองหาทางเข้าของแผนที่ลับ
ไม่เพียงแต่เลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นปัจจุบันที่เพิ่มเป็นเลเวล 15 ขึ้นไป แต่ของสวมใส่ของพวกเขาก็มีคุณภาพสูงขึ้นตามเลเวลของผู้เล่นปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นด้วย
ของสวมใส่เลเวล 15 ได้รับความนิยมเนื่องจากมีไอเทมส่งออกมาจากดันเจี้ยนเลเวล 15 มากมาย ของสวมใส่ระดับเขียวเลเวล 15 ก็ไม่แพงเกินไปสำหรับผู้เล่นที่พอมีเงิน ของสวมใส่ระดับขาวก็ไม่แย่เกินไปสำหรับผู้เล่นที่ไม่ต้องการลงเงิน สำหรับผู้เล่นที่ทุ่มเทให้กับเกมหนัก ๆ พวกเขาก็ใส่ของระดับน้ำเงินกันแล้ว บางคนโชคดีก็ได้ของสวมใส่ระดับเงินมาด้วย
ดังนั้นความยากของดันเจี้ยนเลเวล 15 จึงลดลงอย่างมาก
ยกเว้นโหมดยากของดันเจี้ยนที่ต้องมีผู้เล่นถึง 20 คน ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความร่วมมือกับการสั่งการระดับหนึ่ง ที่เหลือก็โหมดระดับกลางที่ใช้ผู้เล่น 10 คน โหมดเริ่มต้นที่ใช้ผู้เล่น 5 คน และแม้แต่กลุ่มที่มีตัวละครสุ่ม ๆ ไม่เฉพาะทางก็ยังสามารถผ่านระดับนั้นได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าในที่สุดผู้เล่นก็พัฒนาขึ้นเพื่อออกจากโซนมือใหม่หลังจากเริ่มมีของสวมใส่เป็นรูปเป็นร่าง
“มันคงไม่ใช่ดันเจี้ยนเลเวล 25 หรอกใช่มั้ย?”
ซือเยี่ยจิ๋งถามด้วยความสงสัย แต่น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าเธอเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน
ช่วงระดับของดันเจี้ยนอย่างเป็นทางการคือเลเวล 10 ซึ่งหมายความว่าเลเวล 15 เป็นด่านแรก และเลเวล 25 เป็นด่านที่สอง นอกจากนี้ยังมีดันเจี้ยนพิเศษบางดันเจี้ยนที่ไม่เป็นทางการ เช่น แผนที่ทดสอบของหมู่บ้านเริ่มต้น
“ดันเจี้ยนเลเวล 25? มันยิ่งกว่าเป็นไปไม่ได้อีก พวกเขาไม่มีทางผ่านดันเจี้ยนเลเวล 25 ในโหมดเริ่มต้นโดยมีผู้เล่นแค่ 5 คนได้หรอก”
เซียวเฟิงปฏิเสธอย่างชัดเจน ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มดูถูกผู้เล่นกิลด์วูล์ฟหรือมีอีโก้ที่สูงเกินไป หลังจากที่เขาเป็นผู้นำในด้านของสวมใส่
แต่ด้วยประสบการณ์ของเขา เซียวเฟิงเคยผ่านภารกิจแกะรอยของอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์มาแล้ว เขารู้ดีว่ามันยากแค่ไหนที่จะสร้างดันเจี้ยนที่มีเลเวลต่างกัน แม้ว่าเขตฮัวเซียจะเป็นเขตแรกที่ผ่านได้ในตอนนั้น แต่กระบวนการก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากคลาสลับของเซียวเฟิงซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักบวชชั้นยอด ผลงานของเขาที่มีต่อทีมอาจคิดเป็นครึ่งหนึ่งของผลงานทั้งหมด
ถ้าเซียวเฟิงไม่ได้เปลี่ยนคลาสเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ เขาก็คงไม่อาจผ่านรังซาลาแมนเดอร์ได้ต่อให้มีตัวเขาสิบคนก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องตลกเลย
พลังชีวิตที่เยอะ การโจมตีที่รุนแรง และค่าสถานะเหล่านี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ความยากของดันเจี้ยนเลเวล 25 สำหรับผู้เล่นในปัจจุบันก็เท่ากับความยากในการพิชิตดันเจี้ยนเลเวล 15 ในตอนนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ดังนั้นเซียวเฟิงจึงไม่เชื่อ
“นั่นสินะ”
ซือเยี่ยจิ๋งเห็นด้วยกับคำพูดของเซียวเฟิงเพราะเธอก็อยู่ในทีมพร้อมกับเซียวเฟิงเช่นกัน เธอรู้ถึงความยากของการลงดันเจี้ยนข้ามเลเวลอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ซือเยี่ยจิ๋งก็แอบเหลือบตามองเซียวเฟิง เธอคิดว่าถ้าเซียวเฟิงไม่แข็งแกร่งขนาดนี้ การลงดันเจี้ยนครั้งแรกจะไม่ราบรื่นขนาดนั้น
จะว่าไปไอ้เวรนี่ก็ไร้เทียมทานเกินไปไม่ว่าจะในด้านใดก็ตาม ไม่ว่าจะการอัปเลเวล ของสวมใส่ การฟาร์มมอนสเตอร์ หรือทั้งภายในและภายนอกเกม เบื้องหลังของไอ้เวรนี้คืออะไรกันแน่?
จากนั้นซือเยี่ยจิ๋งก็มองลงไปที่แหวนบนนิ้วของเธอ นั่นคือเจตจำนงของฮันเตอร์ บอกไม่ได้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“หืม?”
ทันใดนั้น เซียวเฟิงก็ส่งเสียงประหลาดใจออกมา และจ้องมองไปที่ลำต้นของต้นไม้ยักษ์
“มีอะไร? นายเจอแผนที่ลับแล้วเหรอ?” ซือเยี่ยจิ๋งโน้มตัวลงมาทันที
“ต้นไม้มันเป็นโพรง มีรูอยู่ในต้นไม้”
เซียวเฟิงชี้ไปที่ต้นไม้ยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาและบอก ลำต้นของต้นไม้มีขนาดประมาณสามคนโอบได้ ดูเหมือนอุโมงค์รถไฟใต้ดินที่เป็นแนวตั้งสูงตระหง่านขึ้นไปในหมู่ก้อนเมฆ
“ไหนรูในต้นไม้? มันไม่เห็นมีเลยนี่?”
ซือเยี่ยจิ๋งรู้สึกสับสน เนื่องจากเธอมองลงไปยังจุดที่เซียวเฟิงกำลังชี้ไป เห็นได้ชัดว่าลำต้นของต้นไม้ไม่มีรูต้นไม้เลย
“ถึงมันจะดูไม่กลวง แต่มันก็กลวงจริง ๆ นะ ถ้าไม่เชื่อก็ลองแตะดูเลย” เซียวเฟิงกล่าว
“นายรู้ได้ยังไง?” ซือเยี่ยจิ๋งสงสัย เธอเอื้อมมือออกไปอย่างไม่ค่อยเชื่อ
ทว่าฉากที่ไม่ธรรมดาก็ปรากฏขึ้นทันที ทันทีที่หญิงสาวเอื้อมมือไปแตะ ต้นไม้ เธอก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาเซียวเฟิง
แน่นอนว่าเซียวเฟิงไม่แปลกใจ เขายืนนิ่งลูบคางรอประมาณครึ่งนาที จากนั้นเขาก็มองไปที่หน้าจอสถานะของปาร์ตี้ ซือเยี่ยจิ๋งไม่ตายและแถบพลังชีวิตของเธอก็ไม่ลดลง หลังจากที่เขาแน่ใจแล้วว่าไม่มีอันตราย เขาเอื้อมมือไปแตะต้นไม้ และเขาก็หายตัวไปทันที
[ติ้ง! คุณได้พบป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกและได้รับค่าชื่อเสียง 50 แต้ม]
วิสัยทัศน์ของเซียวเฟิงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขามาอยู่ในป่าที่มีกิ่งก้านเหี่ยวแห้งมากมาย ไม่มีต้นไม้สูงตระหง่านอีกแล้ว มีแต่ตอไม้ที่เหี่ยวเฉา รวมทั้งต้นไม้ยักษ์ที่ส่งเซียวเฟิงมายังสถานที่แห่งนี้ก็ยังเหลือเพียงลำต้นของต้นไม้ครึ่งเดียวและมีสีเหลือง
แต่เซียวเฟิงไม่มีเวลาดูทิวทัศน์รอบ ๆ ในตอนนี้ เพราะเขาอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ถูกรายล้อมไปด้วยผู้เล่น ซือเยี่ยจิ๋งเข้ามาก่อนหน้าเขา และพวกเขากำลังอยู่ในใจกลางของผู้เล่นกลุ่มนี้ บรรยากาศนั้นตึงเครียดพอตัวทีเดียว
“เกิดอะไรขึ้น?” เซียวเฟิงกระซิบกับซือเยี่ยจิ๋งซึ่งอยู่ข้างหน้าเขา
“เกิดอะไรขึ้น? นี่ไม่ชัดเจนพอหรือไง? ฉันเดาว่านี่คือแผนที่ลับที่นายมองหานั่นแหละ ซึ่งคนอื่นก็ได้ครอบครองสถานที่แห่งนี้ไปแล้ว แล้วทำไมนายเข้ามาช้าจัง เพิ่มบัฟให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย เร็วเข้า ฉันพร้อมที่จะสู้กับพวกเขาแล้ว” ซือเยี่ยจิ๋งพูดโดยไม่หันหน้ามา และจ้องมองผู้เล่นรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
มีผู้เล่นมากมายอยู่รอบ ๆ พวกเขามีมาประมาณ 30 ถึง 40 คน เธอแอบเข้ามาก็จริง แต่ทันทีที่เธอเข้ามา หญิงสาวก็เหยียบกับดักตรวจจับ เผยให้เห็นร่างของเธอและถูกล้อมทันที เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นเหล่านี้ไม่มีความคิดจะคุยกับเธออย่างเป็นมิตรเลย เพราะดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีหน้าที่ปกป้องทางเข้าป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึก
และผู้เล่นเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีชื่อกิลด์ที่แสดงอยู่เป็นกิลด์วูล์ฟ แต่ยังมีคำนำหน้าว่า ‘วูล์ฟ’ ในชื่อตัวละครของพวกเขาด้วย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นสมาชิกหลักของกิลด์วูล์ฟโดยไม่มีแม้แต่สมาชิกรองปะปนเลย
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงที่มีเสน่ห์ดังขึ้นข้างหลังผู้เล่นกิลด์วูล์ฟ จากนั้นผู้เล่นหญิงก็เดินแยกฝูงชนออกมา เธอคือลิตเติ้ลฟ็อกซ์ที่ยังคงมีเสน่ห์และยั่วยวนเช่นเคย
“ท่านหัวหน้า มีคนบุกเข้ามาในป่า”
ผู้เล่นของกิลด์วูล์ฟตอบโดยยังคงจ้องที่เซียวเฟิงและซือเยี่ยจิ๋ง เขาไม่ได้มองที่ลิตเติ้ลฟ็อกซ์ แม้ว่าเธอจะมีเสน่ห์มากก็ตาม
อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องอธิบาย ลิตเติ้ลฟ็อกซ์ก็เห็นเซียวเฟิงและซือเยี่ยจิ๋งแล้ว ตอนแรกเธอก็หงุดหงิด แต่หลังจากนั้นก็โล่งใจเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ใครอื่นเข้ามา จากนั้นก็เริ่มคุยกับเซียวเฟิงและซือเยี่ยจิ๋ง
“พวกเธอทั้งคู่ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าพวกเธอเจอแผนที่นี้ได้ยังไง แต่มันถูกครอบครองโดยกิลด์วูล์ฟของเราแล้ว ดังนั้นฉันหวังว่าพวกเธอทั้งคู่จะเคารพและเกรงใจกิลด์วูล์ฟของเราสักหน่อย”