ตอนที่ 238 ครึ่งคืนของศิษย์
ชายลึกลับผู้นั้นอุ้มซูหวานหว่านขึ้นไปนอนบนเตียง ใช้มือลูบผมของซูหวานหว่านเล่นไปมา ก่อนยกชายผ้าห่มขึ้นแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างซูหวานหว่าน ชายหนุ่มกอดหญิงสาวเอาไว้แล้วหลับตาลงโดยไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
ยามจื่อ จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ชายคนนั้นลืมตาตื่น รีบลุกขึ้นจากเตียงและเดินเข้าไปซ่อนอยู่หลังม่านทันที
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ในที่สุดฤทธิ์ยาที่ซูหวานหว่านโดนก็ได้หายไปหมด หญิงสาวลืมตาขึ้นและมองสำรวจไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง และก็พบว่าทุกอย่างนั้นปกติ นางคิดว่าตัวเองคงฝันไปช่วงแรกอาจจะตกใจอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากนอนไปสักพักทำให้รู้สึกนอนหลับได้สนิท
“เปิดประตู! ข้าสัญญาว่าจะมอบเงินให้หนึ่งแสนตำลึง!” เสียงใส ๆ ของสตรีนางหนึ่งดังอยู่ด้านนอกประตู และเจ้าของเสียงนี้ก็คือเฉียวหน่วนอวี้นั้นเอง!
ซูหวานหว่านไม่ตอบตกลง เงินแค่หนึ่งแสนตำลึงคิดว่านางจะยอมทำอย่างงั้นหรือ แล้วที่ดูถูกตนก่อนหน้านั้นเล่า ซูหวานหว่านจึงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า “หนึ่งแสนตำลึงมันเป็นข้อตกลงเก่า เจ้าอย่าลืมไปสิ!”
เมื่อนางได้ยินเช่นนั้น เฉียวหน่วนอวี้ก็จำสิ่งที่ซูหวานหว่านบอกให้นางคุกเข่าลงขอร้อง ตัวนางเป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉียวจะไปนั่งคุกเข่าขอร้องได้อย่างไรกัน? มันจะไม่เสียศักดิ์ศรีอย่างงั้นหรือ! แต่…ถึงแม้ว่านางไม่อยากจะทำ นางจะสามารถทำอะไรได้อีกในตอนนี้?
เฉียวหน่วนอวี้พลันกัดฟันแน่นแล้วนั่งคุกเข่าลงด้วยใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากของนางเผยอออกมาเล็กน้อย “แม่นางซูผู้เก่งกาจ ได้โปรดข้าช่วยข้าด้วย”
“เสียงดังยังไม่พอ” ซูหวานหว่านยังคงไม่พูดอะไรออกมา เฉียวหน่วนอวี้กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เผยให้เห็นใบหน้าที่ไม่น่ามองของตัวเอง และพูดออกมาช้า ๆ ว่า “แม่นางซู เจ้าได้โปรดยกโทษให้สำหรับความผิดที่ข้าทำโดยไม่ตั้งใจก่อนหน้านี้ด้วย ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรไปทำให้เจ้าโกรธ ถ้าเจ้าสามารถช่วยทำให้ข้ากลับมาเป็นสาวพรหมจรรย์ได้ เมื่อข้าแต่งงานกับองค์ชายสามแล้ว ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน อีกทั้งจะนำเครื่องประดับทองเงินมาให้เจ้าด้วย!”
คำพูดที่ประจบประแจงเหล่านี้เป็นความจริงอย่างงั้นหรือ! คำพูดที่เฉียวหน่วนอวี้นั้นพูดขึ้นมาเบา ๆ ในอากาศ มีหรือที่ซูหวานหว่านจะไม่ได้ยิน! หากนางได้แต่งงานกับองค์ชายสามก็แค่หานักฆ่าฝีมือดีมาฆ่านางเสียมันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว! แล้วซูหวานหว่านก็จะต้องตายไปพร้อมความลับ!
ซูหวานหว่านแสยะยิ้มออกมา นางเดินไปเปิดประตูหลังจากที่คิดถึงทบทวนเรื่องนี้ดีแล้ว เมื่อเปิดออกไปก็พบเฉียวหน่วนอวี้นั่งคุกเข่าตรงหน้าประตูห้อง นั่นทำให้นางก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย และพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ได้ ข้าจะยกโทษให้เจ้าก็แล้วกัน แต่เจ้าจะต้องให้เงินหนึ่งแสนตำลึงกับข้า”
เฉียวหน่วนอวี้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา มันคือใบสัญญาหนี้
ดูจากเฉียวหน่วนอวี้แล้ว สัญญาหนี้ใบนี้มันก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรจากสัญญาทั่วไป แต่เมื่อซูหวานหว่านสัมผัสเนื้อกระดาษและน้ำหมึก ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ นี่มันคือของปลอมชัด ๆ!
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเนื้อกระดาษและหมึกของเจ้าว่าเป็นอย่างไร กระดาษเช่นนี้จะละลายในน้ำได้ ส่วนหมึกนี้มันจะจางและระเหยออกไปเองภายในสามวัน เหตุใดเจ้าถึงเอาสัญญาปลอมแบบนี้มาให้ข้า?” ซูหวานหว่านเอ่ยขึ้นพลางก้มตัวลงบีบคางของเฉียวหน่วนอวี้ทันที “คุณหนูใหญ่ ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าให้ฟังนะ ในตอนนี้เจ้าควรกลับไปเอาเงินมาให้ข้าดี ๆ เสียดีกว่า เพราะว่ามีเพียงคืนนี้เท่านั้นที่ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ พอถึงรุ่งเช้าเมื่อใดแม่นมจะต้องมาตามตัวเจ้าอย่างแน่นอน”
“หยุดพูดได้แล้ว! ข้าจะไปเอาเงินมาให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!” เฉียวหน่วนอวี้พูดก่อนจะลุกขึ้นยืนหันหลังวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
นางคิดว่าซูหวานหว่านเป็นเพียงสาวบ้านนอกที่ไม่สามารถมองเนื้อของกระดาษสัญญาและน้ำหมึกพิมพ์ออกว่ามันเป็นของปลอม! แต่นี่มันอะไรกัน!!
ตอนนี้เฉียวหน่วนอวี้เชื่อมั่นในความสามารถของซูหวานหว่านแล้ว นางเรียกสาวใช้สองคนสนิทมาช่วยนางยกของ ก่อนย้ายเครื่องประดับทองและเงินทั้งหมดที่นางมีอยู่ออกมา นอกจากนี้ยังมีเงินเก็บอยู่สองหีบ ทั้งหมดถูกยกมาให้ซูหวานหว่าน หญิงสาวตรวจสอบและรับเอาไว้ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ตระกูลเฉียวช่างร่ำรวยเสียจริง ภายในหีบนั้นมีไข่มุกชั้นยอดขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ถึงสองเม็ดเชียว!
แน่นอนว่าถ้าเป็นไข่มุกที่มีคุณภาพดีเม็ดงามเพียงนั้น มันก็น่าจะมีไม่เกินพันเม็ดในทะเลจีนใต้ ซึ่งนั่นถือว่าตระกูลเฉียวนี้ร่ำรวยมหาศาลจริง ๆ!
แต่ว่าเมื่อดูของต่าง ๆ แล้วราคารวมกันของยังได้แค่แปดถึงเก้าหมื่นตำลึงเพียงเท่านั้น แต่ซูหวานหว่านก็รับเอาไว้ หลังเฉียวหน่วนอวี้ให้คนใช้ทั้งสองคนออกไป ก็กล่าวขึ้นมาว่า “หลังจากนี้จะทำอะไรต่อไป?”
“หลังจากนี้?” ซูหวานหว่านก็ครุ่นคิดไปอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอามือฟาดไปที่หลังคอของเฉียวหน่วนอวี้จนสลบไป หญิงสาวจับอีกฝ่ายเข้าไปในมิติฟาร์ม โดยใช้อุปกรณ์ที่นางเตรียมการเอาไว้เริ่มลงมือ
ก่อนรุ่งสาง หลังจากอยู่ในมิติฟาร์มมาเป็นเวลาสองวัน ในที่สุดซูหวานหว่านก็ทำเสร็จสิ้น หลังจากนั้นนางก็พาเฉียวหน่วนอวี้ออกมาจากมิติฟาร์ม ปลุกให้นางตื่นขึ้นและพูดขึ้นมาว่า “เอาล่ะ เจ้ารีบกลับไปพักที่เรือนของเจ้าได้แล้ว อย่ามานอนที่เตียงของข้า ข้าต้องการที่จะนอนหลับสักตื่น”
เฉียวหน่วนอวี้รีบลุกขึ้นยืน มองดูสำรวจตัวเองราวกับว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวนางเลย พร้อมกับมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย และพูดด้วยความประหลาดใจ “เสร็จแล้วเหรอ?”
“แน่นอน” ซูหวานหว่านล้มตัวนอนลงบนเตียง มองดูเฉียวหน่วนอวี้ด้วยสายตาอ่อนล้า แล้วพูดออกมาเบา ๆ ว่า “ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ลองดูเองเลย ถ้าล้วงแล้วไม่มีเลือดออก ข้านั้นจะจ่ายเงินชดเชยให้เจ้านั้นหนึ่งล้านตำลึง!”
ซูหวานหว่านพูดออกมาแบบนี้ เฉียวหน่วนอวี้ก็เชื่อมั่นขึ้นมาอยู่ภายในใจแปดสิบถึงเก้าสิบส่วนเมื่อคิดได้ว่าต้องรีบออกไปแล้วนางก็เดินจากไปในทันที แต่ก่อนที่จะจากไปก็หันไปมองเครื่องประดับและสิ่งของนางด้วยสายตายากที่จะตัดใจ
เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มสว่าง ซูหวานหว่านคำนวณเวลาว่าถึงเวลาที่นางจะต้องไปปรุงยาและทำอาหารเช้าให้เฉียวฮูหยินแล้ว หญิงสาวรีบลุกและเดินไปที่ห้องครัวทันที หลังจากที่นางออกจากห้องนอนไปไม่นาน ก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากหลังม่าน เขาเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายราวกับดวงดาวพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “สาวน้อยคนนี้ นับวันยิ่งบ้าบิ่น!”
ซูหวานหว่านจามออกมาอย่างกะทันหัน อดไม่ได้ที่จะถูจมูกของตัวเองพร้อมกับคิดขึ้นมาภายในใจ สงสัยอากาศเริ่มจะหนาวแล้ว คงจะต้องหาเสื้อผ้าหนา ๆ มาสวมใส่เสียแล้วสิ!
ซูหวานหว่านเดินเข้าไปที่ห้องครัวพร้อมกับปิดประตู นางถอดจิตเข้าไปในมิติฟาร์มเพื่อต้มยา แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าแต้มคะแนนของนางนั้นเพิ่มขึ้นหนึ่งหมื่นแต้มคะแนน!
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เมื่อคืนนางก็ไม่ได้เข้ามาที่นี่เพื่อทำการเกษตรเพิ่มแต่อย่างใด เป็นไปได้ไหม… เมื่อวานไม่ใช่ความฝัน ผู้ชายที่นางได้เห็นก่อนที่จะเป็นลมสลบไปคือฉีเฉิงเฟิง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปได้นอกจากนี้แล้ว
ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแน่น ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดจนเกือบลืมใส่ฟืน ยากว่าจะต้มเสร็จก็เลยพาลช้าไปหนึ่งก้านธูป
ขณะที่ซูหวานหว่านกำลังจะนำยาไปให้ฮูหยินเฉียวดื่มก่อนที่จะไปทำอาหารเช้า เมื่อนางเดินมาถึงเรือนของฮูหยินเฉียว ก็พบว่าห้องที่นางนอนเมื่อคืนล้อมรอบไปด้วยกลุ่มฝูงชน!
“คุณหนูใหญ่ทำเครื่องประดับทองและเงินหายไปเยอะมาก! ข้าได้ตรวจสอบที่อื่นหมดแล้ว แต่ว่าข้ายังไม่ได้เข้าไปตรวจสอบที่นี่ แม่นางซูปิดประตูเอาไว้ด้วยเหตุใดกัน แม่นางซูรีบหยิบกุญแจมาเปิดให้เราเข้าไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นพวกเราคงต้องพังประตูเข้าไป!”
“แล้วเมื่อถึงตอนนั้นจะมาว่าข้าไม่มีเมตตากับเจ้าไม่ได้!”
“…”
ประตูถูกลงกลอนเอาไว้ แต่… ว่านางไม่ได้เป็นคนทำ! วันนี้นางไม่ได้ปิดประตูด้วยซ้ำ!
จู่ ๆ ก็มีความรู้สึกแปลก ๆ ผุดขึ้นมาในใจของซูหวานหว่าน เมื่อคนอื่นเห็นซูหวานหว่านเดินเข้ามา พวกเขาก็พูดโจมตีซูหวานหว่านในแง่ที่ไม่ดี
“อย่าพูดถึงแม่นางซูแบบนั้นเลย แม่นางซูจะเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร ถึงแม้ว่าทุกห้องในนี้จะถูกค้นจนทั่วแต่ก็ยังไม่พบ แล้วที่นี่ก็ยังไม่ได้…” เฉียวหน่วนอวี้ที่เดินพูดออกมาพร้อมกับพยุงฮูหยินเฉียวเดินเข้ามา ใบหน้าของนางเผยสีหน้าคับข้องใจ นี่มันแสแสร้งแกล้งทำชัด ๆ
เฉียวหน่วนอวี้เขย่าแขนของฮูหยินเฉียวแล้วพูดออกมาว่า “ท่านแม่ ท่านไม่คิดอย่างนั้นรึ?”
เฉียวฮูหยินพยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ควรที่จะเปิดประตูเพื่อให้คนเข้าไปตรวจสอบดู คนจะได้เชื่อ”
“ที่ท่านแม่พูดมาก็ถูกต้อง” เฉียวหน่วนอวี้คลี่ยิ้ม ปล่อยมือที่พยุงฮูหยินเฉียวออกแล้วเดินเข้าไปหาซูหวานหว่าน พร้อมกับจับแขนของซูหวานหว่านแล้วยิ้มอย่างสดใสออกมาว่า “ข้าก็ไม่เชื่อว่าแม่นางซูจะเป็นคนแบบนั้น”
แต่ว่าหลังจากที่พูดเช่นนี้ออกมา เฉียวหน่วนอวี้ก็กัดฟันของตัวเอง แล้วพูดกระซิบเสียงแผ่วเบาและพูดออกมาว่า “ซูหวานหว่าน เจ้าคงคิดไม่ถึงล่ะสิว่าเหตุใดข้านั้นถึงเอาของมีค่ามาให้กับเจ้า เจ้าคงยังไม่ได้เอามันไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินและคงยังไม่ทันได้ย้ายมันออกไป ข้าจะดูว่าเจ้านั้นจะหาข้อแก้ตัวอะไรได้อีก!”
“…”