ไม่ใช่แบบนั้นรึ ? ซื่อเซียวมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เจ้าเป็นถึงจักรพรรดิแต่กลับต้องการจะยืมลูกปัดดั้งเดิม ?
ลูกปัดดั้งเดิมนั้นเป็นของที่จักรพรรดิทุกคนต้องมีอยู่แล้วไม่ใช่รึ ?
ต้องรู้ก่อนว่าลูกปัดดั้งเดิมส่งผลต่อจักรพรรดิเพียงน้อยนิด คือแค่ให้พวกเขารักษาความเป็นระเบียบของโกลาหลเอาไว้ได้
เพื่อจะรักษาความเสถียรของโกลาหลแล้ว พวกเขาจึงใช้ลูกปัดดั้งเดิมแต่ไม่ได้ใช้มันมากเท่าไหร่นัก
ที่อื่นลูกปัดดั้งเดิมอาจจะมีประโยชน์บ้าง ส่วนใหญ่ใช้ในกองทัพและเมืองและเอาใช้แทนเงิน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ยังเหลืออีกมาก ลูกปัดที่เหลือนั้นจะถูกเก็บเอาไว้ และสุดท้ายก็เพิ่มพูนเป็นจำนวนมหาศาล
ซื่อเซียวไม่รู้ว่าลูกปัดดั้งเดิมของตนมีมากแค่ไหน เพราะมันมากเกินไปจนไม่อาจจะนับได้ เขาไม่ได้คิดจะนับ และบางทีมันอาจจะมี
พันล้าน ?
ล้านล้าน ?
ไม่ซื่อเซียวมีลูกปัดดั้งเดิมมากกว่านั้น
ไม่ใช่แค่ซื่อเซียวเท่านั้น แต่จักรพรรดิคนอื่นๆเองก็มีลูกปัดดั้งเดิมมหาศาลเช่นกัน
แม้ว่าจะใช้ลูกปัดดั้งเดิมจนหมดแต่ตราบใดที่ต้องการ พวกเขาก็สามาถหาลูกปัดดั้งเดิมมาได้นับไม่ถ้วนอยู่ดี
ซื่อเซียวไม่รู้จริงๆว่าทำไมจางหยูที่เป็นจักรพรรดิถึงไม่มีลูกปัดดั้งเดิม
จนตอนนี้เขาก็ยังเชื่อว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิคนอื่นปลอมตัวมา แต่จางหยูเสแสร้งเก่งเกินไปจนเขาไม่อาจจะมองช่องโหว่ของอีกฝ่ายได้
เอิ่ม.. อยู่ๆ ซื่อเซียวก็เปลี่ยนท่าที รึว่าคนในทีมคังเฉียงใช้ลูกปัดดั้งเดิมที่ข้าให้ไปหมดแล้ว ? เจ้าใช้ลูกปัดทั้งหมดเพื่อสร้างทีมคังเฉียงขึ้นมารึ ?
เมื่อคิดถึงแม่ทัพรวมถึงนายพลอีกจำนวนมากซื่อเซียวก็พอเข้าใจได้
จางหยูยังไม่ทันได้ตอบกลับ ซื่อเซียวก็แสดงสีหน้ามั่นใจออกมา เจ้าคงใช้ลูกปัดเหล่านั้นในการสร้างทีมคังเฉียงขึ้นมา ! ไม่แปลกเลยที่ทีมคังเฉียงจะมีแม่ทัพ, รองแม่ทัพและนายพลมากแบบนี้ได้…
ถ้าเขาเอาลูกปัดทั้งหมดออกมาใช้เพื่อสร้างกองกำลัง งั้นเขาก็อาจจะได้ทีมที่แข็งแกร่งเหมือนกับทีมคังเฉียงขึ้นมา
แต่มันแค่ว่ามันต้องใช้เวลานาน มันเป็นการเสียเวลาเปล่า และต้องใช้พลังงานอย่างมาก เขาจึงไม่คิดจะสนใจมัน
ไม่มีใครที่สมควรได้รับการดูแลจากจักรพรรดิ
ข้าไม่เข้าใจ ทีมคังเฉียงมีอะไรพิเศษถึงทำให้เจ้าดูแลพวกเขาดีแบบนี้ ? ซื่อเซียวมองไปที่จางหยูแล้วถามขึ้นมา กลุ่มมดเหล่านั้นคู่ควรกับการดูแลของเจ้ารึ ?
สำหรับจักรพรรดิแล้ว พวกที่ต่ำกว่าจักรพรรดิล้วนแต่เป็นมด
บางทีแม่ทัพหนึ่งรึสองคนที่โดดเด่นอาจจะได้รับการชื่นชมจากพวกเขารึอาจจะให้สมบัติระดับสมบูรณ์กับพวกนั้น แต่นั่นก็แค่ไม่กี่คน มันคือคนแบบจินหงเท่านั้นที่จะพอมีค่าในสายตาของจักรพรรดิบ้าง
พวกเขาไม่ใช่มดในสายตาของข้า จางหยูตอบกลับ
เขาไม่คิดอธิบายอะไรต่อเรื่องค่าของคนเหล่านี้เพราะถึงเขาจะอธิบายไป แต่ซื่อเซียวก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
เขามองไปที่ซื่อเซียวแล้วพูดขึ้น เจ้าบอกมาว่าเจ้าจะให้ข้ายืมรึไม่ ?
ซื่อเซียวกรอกตาใส่แล้วพูดขึ้น หากข้าให้เจ้ายืมลูกปัดก็ทำได้ แต่เจ้าต้องตอบคำถามข้ามาก่อน คำถามอะไร ?
เจ้าเป็นใครกันแน่ ? ซื่อเซียวมองไปที่จางหยูแล้วถามขึ้นมา เย่าหยาง? หว่านเกอรึอู่หมิงกัน ?
เขาตัดสินได้แล้วว่าจางหยูน่าจะเป็นจักรพรรดิมนุษย์ ไม่งั้นแล้วจางหยูคงไม่มีทางบ่มเพาะแม่ทัพมนุษย์ขึ้นมาได้ขนาดนี้
แต่จางหยูจะเป็นใครนั้น ซื่อเซียวก็ไม่อาจจะเดาออกได้เพราะสามคนนี้ล้วนแต่มีบุคลิกต่างกับจางหยูสิ้นเชิง
จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้น คำถามนี้ข้าตอบเจ้าตามจริงได้ ข้าไม่ใช่หนึ่งในเก้าจักรพรรดิเหล่านั้น แต่ข้าเป็นจักรพรรดิคนที่ 10
ไม่มีทาง ซื่อเซียวเถียงขึ้นมาทันที มันมีแค่จักรพรรดิเพียง 9 คนเท่านั้นในทะเลโกลาหล นี่คือกฎของทะเลโกลาหล ไม่อาจจะมีใครฝ่าฝืนกฎนี้ได้ … เจ้าคิดจะโกหกข้ารึไง
เจ้าบอกว่ากฎของทะเลโกลาหล แต่หาก…ข้าไม่ใช่จักรพรรดิของทะเลโกลาหลล่ะ ? จางหยูถามขึ้นมา
นี่คือสิ่งที่ต้องพูด เพราะจางหยูมีเรื่องกับฉิวหวังแล้ว บางทีเขาอาจจะได้ข้อมูลจากปากซื่อเซียวเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาก็ได้
ไม่ใช่ของทะเลโกลาหลรึ ? ซื่อเซียวสับสน เจ้าหมายถึงอะไรกัน ?
หมายความตามที่พูดนั่นแหละ จางหยูพูดขึ้นอย่างใจเย็น
ทะเลโกลาหลคือต้นกำเนิดของทุกสิ่ง เจ้าคิดจะบอกข้าว่านอกจากทะเลโกลาหลแล้วยังมีที่อื่นอยู่อีกรึ ? ซื่อเซียว คิ้วขมวดและฮึดฮัดออกมาทันที อย่าพูดถึงด้านนอกเลย แม้แต่ด้านนอกทะเลโกลาหลก็ถือว่าเป็นส่วหนึ่งของที่นี่ …
จางหยูยิ้มออกมา แต่มันคือความจริง ด้านนอกทะเลโกลาหลนั้นสักแห่งจะมีที่แห่งหนึ่งที่เจ้าเรียกมันว่าทะเลบรรพกาลรึอาจจะมองว่าเป็นทะเลโกลาหลอีกแห่ง จางหยูไม่ได้สนใจซื่อเซียวที่อึ้งอยู่และพูดต่อ ทะเลโกลาหลมีจักรพรรดิได้ 9 คน ส่วนทะเลบรรพกาลนั้นก็มีจักรพรรดิของทะเลบรรพกาลเช่นกัน…เจ้าจะคิดว่าข้าเป็นจักรพรรดิของทะเลบรรพกาลก็ได้รึอาจจะมองว่าเป็นจักรพรรดิของทะเลโกลาหลอีกแห่งก็ได้…
ความจริงของเรื่องนี้ส่งผลต่อซื่อเซียวอย่างมาก มันถึงกับพลิกการรับรู้ของซื่อเซียว
เขาไม่อาจจะเชื่อได้ ด้านนอกทะเลโกลาหลนั้นยังมีทะเลโกลาหลอื่นอยู่อีกรึ ?
ในฐานะจักรพรรดิแล้ว เขารู้จักทะเลโกลาหลนี้เป็นอย่างดี เท่าที่เขาจำได้ ทะเลโกลาหลนั้นคือต้นกำเนิดของทุกอย่าง
ทำไม เจ้าไม่เชื่อรึไง ? จางหยูถามขึ้นมา
ข้าไม่เชื่อ ซื่อเซียวไม่ลังเลที่จะแสดงจุดยืนของตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้ที่ความเชื่อที่เขามีจะพังลงเพราะคำพูดไม่กี่คำของจางหยู นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่เขาเป็นจักรพรรดิ ความเชื่อมั่นของจักรพรรดินั้นเหนือกว่าคนทั่วไป
จางหยูไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย หากซื่อเซียวบอกว่าเชื่องั้นก็คงแปลก
เจ้าไม่เชื่อก็ไม่แปลกหรอก ยังไงซะมันก็ดูน่าเหลือเชื่ออยู่ดี จางหยูยิ้มออกมา แต่…
พูดไปแล้วจางหยูก็เผยท่าทีลึกลับออกมา หากข้ายืนยันได้ว่ามันมีทะเลบรรพกาลอยู่จริงล่ะ ?
มันได้เวลาที่จักรพรรดิในทะเลโกลาหลจะได้เห็นทะเลบรรพกาลแล้ว
ซื่อเซียวมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เจ้าคิดจะหลอกข้ารึ ?
ข้าพาเจ้าไปยังบรรพกาลได้ เจ้ากล้าพอรึไม่ จางหยูทำท่าเหมือนจะหัวเราะออกมา
ทำไมจะไม่กล้า ? ซื่อเซียวไม่เชื่อคำพูดของจางหยูแม้แต่น้อย เขาหรี่ตาลงและพูดขึ้น ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเสกทะเลบรรพกาลขึ้นมาได้ หากเจ้าทำได้ข้าจะนับถือเจ้า
จางหยูมองไปที่ซื่อเซียว ข้าจะให้เจ้าได้เห็นตัวตนของทะเลบรรพกาล
เมื่อพูดจบที่ด้านหน้าของจางหยูก็มีวังวนก่อตัวขึ้นมา วังวนนี้ราวกับหลุมดำที่ไม่อาจจะมองเห็นอีกฝั่งได้ มันดูลึกลับอย่างมาก
มากับข้าสิหากเจ้ากล้าพอ จางหยูเดินตรงเข้าไปในวังวน
ซื่อเซียวสีหน้าเปลี่ยนไปก่อนที่สุดท้ายจะพูดขึ้นมาด้วยท่าทีเย็นชา ฮึ่ม แต่งเรื่องเก่งนัก
ต่อมาเขาก็เดินเข้าไปในวังวนตามจางหยูเข้าไปยังโลกบรรพกาล
เขาอยู่ในโลกบรรพกาลได้แค่วินาทีเดียวก็ตามจางหยูออกไปด้านนอก เข้าไปยังทะเลบรรพกาล
ยินดีต้อนรับสู่ทะเลบรรพกาล จางหยูยิ้มออกมา
ซื่อเซียวมองไปรอบๆแล้วยิ้มออกมา นี่ไม่ใช่ทะเลโกลาหลรึ ? เจ้าคิดจะหลอกข้ารึไง ?
เจ้ามั่นใจรึว่านี่คือทะเลโกลาหล ? จางหยูหัวเราะออกมา เจ้าลองตรวจสอบดูดีๆ หากเจ้าพบอะไรที่เป็นเหมือนกับทะเลโกลาหลงั้นก็ถือว่าเจ้าชนะ
ซื่อเซียวลองตรวจสอบดูทันที ยิ่งตรวจสอบเท่าไหร สีหน้าของเขาก็ยิ่งดูเคร่งเครียดมากเท่านั้น สายตาของเขาสะท้อนความสงสัยออกมา
บรรพกาลโดยรอบนั้นแปลก ไม่ว่ามันจะเป็นที่ไหนก็ต่างจากทะเลโกลาหลที่เขาจำได้ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือทะเลบรรพกาลนี้ไม่ได้มีคลื่นพลัง มันไม่มีกุยหลิง มันทำให้เขารู้สึกได้ถึงความอิสระและสบายใจ ในทางกลับกันแล้วทะเลโกลาหลนั้นราวกับคุก แม้ว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิแต่ก็ยังรู้สึกเหมือนโดนขังเอาไว้อยู่ดี
ซื่อเซียวใจสั่นด้วยความตะลึง เขาอึ้งไป ก่อนจะพึมพำออกมา นะ นี่… ถ้าเขาไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง เขาคงไม่เชื่อ
บ้าไปแล้ว ! ข้าได้เจอกับเรื่องบ้าเข้าแล้ว ! ซื่อเซียวสงสัยว่าตัวเองตาฝาดไป ภาพตรงหน้านี้ได้ทำให้สิ่งที่เขายอมรับมาตลอดถึงกับพังทลายลงไป