คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 145 ฝีมือเล่นเปียโนของอิ๋งลู่เวยมันขยะ

วินาทีถัดมารถมาเซราติก็พุ่งออกไปอีกครั้ง

เร่งความเร็วอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งออกจากเขตเมืองความเร็วถึงค่อยๆ คงที่

ไม่ต้องให้ฟู่อวิ๋นเซินพูดอิ๋งจื่อจินก็รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ดวงตาหงส์เย็นชาลงเล็กน้อย มองกระจกมองหลัง ด้านหลังของรถคันที่พวกเขานั่งอยู่นี้ยังมีรถสีดำตามมาอยู่สิบคัน

จากกระจกมองหลังสามารถมองออกว่ารถพวกนั้นผ่านการดัดแปลง ไม่ใช่รถยนต์ทั่วไป โดยเฉพาะตอนนี้พวกเขาขับเข้ามาในภูเขาแล้ว เส้นทางคดเคี้ยว โค้งเยอะมาก ทั้งยังมีสัญลักษณ์ซ่อมทางปรากฏอยู่ไม่น้อย หากประมาทแม้นิดเดียวก็จะเกิดอุบัติเหตุที่ถึงตายได้

อิ๋งจื่อจินหลับตาลงเล็กน้อย รู้แล้วว่าฟู่อวิ๋นเซินจะทำอะไร

รถด้านหลังพอเห็นรถมาเซราติขับเข้ามาในภูเขาก็ขับตามเข้ามา อีกทั้งยังเร่งความเร็ว

ตอนนี้ขับขึ้นมาตีเสมอรถมาเซราติแล้ว ถึงขนาดที่นำอยู่เล็กน้อย

“บรื้น!”

สายตาของฟู่อวิ๋นเซินเย็นชา เหยียบคันเร่งจนสุด เบียดแซงรถคันข้างๆ ด้วยระยะห่างเพียงหนึ่งนิ้ว แซงขึ้นหน้าอย่างรวดเร็วแล้วตีโค้งวงใหญ่

ชั่วขณะที่เขาขึ้นแซง รถคันนั้นกลับตกขอบถนนไปเพราะไม่ยอมลดความเร็ว

แต่นี่กลับไม่ส่งผลต่อรถคันอื่นแม้แต่น้อย รถพวกนี้ยังคงวิ่งด้วยความเร็วสูง ขนานข้างรถมาเซราติ

นี่ไม่ใช่กำลังแข่งรถ แต่มีคนอยากฆ่าพวกเขา

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองมาตรวัดความเร็ว เขายกมุมปากเร่งความเร็วอีกครั้ง ภายในหนึ่งวินาทีความเร็วได้ทะยานถึงขีดสุด แม้แต่ตัวรถยังเกิดเสียงสั่นเล็กน้อย

ความเร็วที่สูงขนาดนี้ แต่ร่างกายอิ๋งจื่อจินกลับไม่เอียงแม้แต่น้อย เธอใจเย็นมาก พูดเสียงเรียบเฉย

“ทางซ้าย”

“โครม!”

พอรถมาเซราติหักเบี่ยงก็กระแทกรถด้านซ้ายออกไป พอเห็นแบบนี้พวกรถที่เหลือก็เร่งเข้ามาชนรถมาเซราติ เห็นได้ชัดว่าต้องการทำลายรถให้สิ้นซาก

เกิดเสียงตูมตามดังขึ้นในอากาศ ล้อของรถหลายคันแบกรับความเร็วที่มากขนาดนี้ไม่ไหวจึงพากันระเบิด ความเร็วของรถลดฮวบ ถูกทิ้งห่างออกไปไกล ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้า ดวงตาดอกท้อหรี่ลงเล็กน้อย ด้านหน้าเป็นโค้งใหญ่ ถนนแคบมาก รถผ่านได้แค่คันเดียว

“ฟึ่บ”

ฟู่อวิ๋นเซินหักพวงมาลัยรถ เลี้ยวเข้าโค้งนั้นด้วยความเร็วสูงสุด

ลอยคว้างอย่างไร้ขีดจำกัด!

รถที่อยู่ด้านหลังต่างหยุดหมด คนที่อยู่ในรถมองรถมาเซราติหายไปจากสายตาของพวกเขาอย่างไม่กล้าเชื่อสายตา

รถมาเซราติไม่ได้จอดหยุดอยู่ในเขา หลังจากที่ลงจากเขาอีกด้านหนึ่งก็กลับเข้าเมืองอีกครั้ง

นอกจากตัวรถที่มีรอยถลอกนิดหน่อยก็ไม่มีแม้แต่รอยบุบ

ไม่มีใครคาดคิดว่าเมื่อครู่รถคันนี้ได้ผ่านความเร็วเฉียดตายมา

“เด็กน้อย กลับบ้านก่อน” ฟู่อวิ๋นเซินขับรถกลับไปที่บ้านตระกูลเวิน สีหน้าเย็นชา พูดเสียงขรึม

“พี่ชายต้องไปจัดการธุระนิดหน่อย”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

มีคนที่ถูกอัดจนน่วมสิบคนอยู่หน้าคฤหาสน์ตระกูลฟู่ ครั้งนี้ไม่ได้ถูกทิ้งไว้ที่พงหญ้า แต่ถูกทิ้งไว้หน้าประตู คนที่อยู่ในโซนคฤหาสน์ผ่านไปผ่านมาต่างเห็นกันหมด

คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ได้ ถึงแม้จะเทียบกับตระกูลฟู่ไม่ได้ แต่ก็เป็นตระกูลเศรษฐีขนาดกลาง และเล็กของฮู่เฉิง ย่อมเคยทำการค้าเล็กบ้างใหญ่บ้างกับตระกูลฟู่อย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

พอเห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่างก็ตกใจอยู่บ้าง ตระกูลเศรษฐีอย่างตระกูลฟู่ย่อมมีศัตรูมากมายนับไม่ถ้วน แต่อย่างไรเสียตระกูลฟู่ก็เป็นผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่ ในฮู่เฉิงยังจะมีใครกล้าท้าทายตระกูลฟู่ได้

ฟู่หมิงเฉิงสีหน้าเคร่งขรึม ให้คนใช้หามสิบคนนี้เข้ามา เขาย่อมมองออกว่านี่คือลูกน้องที่ตระกูลฟู่แอบฝึกไว้ ฝีมือดีมาก อย่าว่าแต่สิบคนเลย ต่อให้แขนขาหักแค่คนเดียวก็เป็นความเสียหายมหาศาลแล้ว เดิมทีฟู่หมิงเฉิงยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ฟู่อีเฉินที่ตามมารู้สึกตะลึง

“ฉันให้พวกนายไปเล่นงานฟู่อวิ๋นเซินไม่ใช่เหรอ ทำไมมีสภาพแบบนี้ล่ะ”

คนพวกนั้นอยากตอบ แต่ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้

เห็นได้ชัดว่าเส้นเสียงก็เสียหายแล้ว

“พวกโง่!” ฟู่หมิงเฉิงเข้าใจแล้ว เขาโมโหสุดขีดง้างมือตบหน้าฟู่อีเฉิน “ปีนี้แกอายุเท่าไรแล้ว ยี่สิบเจ็ดแล้ว! ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แกดูซิว่าแกทำอะไรลงไป!”

แผลของฟู่อีเฉินยังไม่หายดี ตอนนี้ถูกฟู่หมิงเฉิงตบเข้าให้อีกจึงล้มไปบนพื้น

เล่นเอาคนใช้ในคฤหาสน์ต่างตกใจ

“หมิงเฉิง มีอะไรพูดกันดีๆ ตบลูกทำไมกัน” คุณนายฟู่สงสารจับใจ “อีเฉินเพิ่งถูกปล่อยกลับมา ร่างกายยังอ่อนแออยู่ คุณออกแรงเยอะ นี่ไม่เท่ากับจะเอาชีวิตของลูกเหรอ”

“เพราะคุณตามใจมันไง” ฟู่หมิงเฉิงโมโหควบคุมอารมณ์ไม่ได้ “ฟู่อีเฉิน แกบอกฉันมาตามตรงว่าแกให้พวกเขาไปทำอะไรมา ถ้าแกไม่พูดออกมาให้รู้เรื่องวันนี้ฉันจะเอาแกถึงตาย!”

“ผมก็…ผมก็แค่ให้พวกเขาไปเล่นงานฟู่อวิ๋นเซิน” ฟู่อีเฉินหดคอ

“ใครใช้ให้มันขังผมไว้เจ็ดวันข้าวก็ไม่ให้กินล่ะ ผมเกือบตายแล้ว มันก็อย่าหวังจะได้อยู่ดีเลย”

“ยังจะกล้าแถ!” ฟู่หมิงเฉิงโมโหยิ่งกว่าเดิม ไม่สนใจคุณนายฟู่ที่ห้ามปราม ตบฟู่อีเฉินอีกครั้ง

“พูดมา แกไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกแล้วใช่ไหม”

“อีเฉิน รีบบอกพ่อไปตามตรงสิ” คุณนายฟู่ร้อนใจ

“ยังไงซะเรื่องก็ขนาดนี้แล้ว แกพูดความจริงก็ไม่เป็นไรหรอ”

“พ่อ แม่ ทำไมไม่เชื่อผม” ฟู่อีเฉินโมโหจนร้องไห้

“เป็นฝีมือฟู่อวิ๋นเซินจริงๆ บาดแผลบนใบหน้าผม รวมถึงคนที่อยู่บนพื้นนี่ เป็นเรื่องหลอกลวงเหรอ”

“พาลูกชายตัวดีของคุณออกไป” ฟู่หมิงเฉิงไม่แม้แต่จะมองฟู่อีเฉินอีกต่อไปแล้ว หน้าอกกระเพื่อมแรง

“ช่วงไม่กี่วันนี้ห้ามให้เงินเขาแม้แต่แดงเดียว และก็ห้ามเขาออกจากบ้าน”

ไม่ว่าฟู่อีเฉินจะพูดยังไง ฟู่หมิงเฉิงกับคุณนายฟู่ก็ยังคงไม่เชื่อว่าสองเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฟู่อวิ๋นเซิน

หลังจากที่ขังฟู่อีเฉินไว้ในห้องนอนเสร็จ คุณนายฟู่ก็พูดด้วยความเป็นห่วง “หมิงเฉิง อีเฉินจะมีความผิดปกติทางจิตหรือเปล่า ต่อให้อิจฉาอวิ๋นเซินขนาดไหนก็ไม่ถึงกับต้อง…”

พูดว่าฟู่อวิ๋นเซินซ้อมเขา แถมยังหักแขนขาลูกน้องฝีมือดีของบ้านด้วย

ถ้าฟู่อวิ๋นเซินมีความสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ ยังจะเป็นคุณชายเสเพลอันดับหนึ่งของฮู่เฉิงอีกเหรอ

“ผมว่าเพราะช่วงนี้เขาว่างเกินไป ก็เลยเอาแต่ฝันกลางวันทุกวัน” ฟู่หมิงเฉิงยังไม่หายโมโห “ปล่อยให้เขาสำนึกผิด ต่อไปคุณก็ตามใจเขาน้อยๆ หน่อย”

คุณนายฟู่ก็ไม่กล้ายั่วโมโหเขา

ฟู่หมิงเฉิงสงบสติอารมณ์สักพักแล้วพูดต่อ “วันมะรืนพาเขาไปเช็คสมองที่โรงพยาบาลอันดับหนึ่งหน่อย”

ช่วงไม่กี่วันมานี้ลู่ฟั่งเอาแต่หลบๆ ซ่อนๆ กลัวจะถูกคนของห้องสิบเก้าจับได้แล้วให้เขาไปไลฟ์สดกินขี้จริง ตอนนี้เขาเองก็กลุ้ม ทำไมถึงได้ไปท้าพนันอิ๋งจื่อจินแบบนั้นเพราะโมโหแทนจงจือหว่าน

ลู่ฟั่งกลืนน้ำลาย กะใช้วิธีเดิมอีกครั้ง ปีนกำแพงข้ามไป แต่วันนี้ยังไม่ทันจะได้เริ่มปีนก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง ลู่ฟั่งตัวสั่นหันขวับกลับไปก็เจอขาใหญ่ประจำชิงจื้อพาพวกห้องสิบเก้าเดินมาทางนี้

“ไงเพื่อน จะหนีไปไหน” เจียงหรานแสยะยิ้ม “คงไม่ได้ลืมแล้วนะ”

“พี่หราน ผมกล้าที่ไหนกัน!” ลู่ฟั่งรีบยิ้มให้ “พี่หราน ดูสินี่มันตั้งหกโมงแล้วเลิกเรียนแล้ว พวกเราควรแยกย้ายกันกลับบ้านหาแม่แล้วหรือเปล่า”

“แยกย้ายกลับบ้านหาแม่เหรอ หาแม่แกสิ!” เดิมทีเจียงหรานยังอารมณ์ดีอยู่ แต่เพราะคำพูดนี้ทำให้เขากัดฟันพูด “จับมันไว้ เตรียมของมาหรือยัง”

ลูกน้องตอบทันควัน “พี่หราน เต็มคันรถอิ่มชัวร์”

“ดีมาก” เจียงหรานนั่งบนก้อนหินที่อยู่ด้านข้าง “เอาให้มันกิน”

“พี่หราน พี่หราน เข้าใจผิดกันทั้งนั้น” ลู่ฟั่งลนลานสุดขีด “พี่หราน ผมผิดไปแล้วจริงๆ ผมมีตาหามีแววไม่ ผมไม่กล้าอีกแล้วครับ พวกพี่เป็นคนใจกว้าง ปล่อยผมไปเถอะนะ”

“ได้ ไม่กินก็ได้” เจียงหรานแสยะยิ้มอีกครั้ง “เอามันฝังเข้าไป”

ลู่ฟั่งยังไม่ทันได้ไหวตัวก็ถูกลูกน้องของเจียงหรานถีบเข้ารถอย่างแรง โปะเข้าไปเต็มๆ หน้า

เกือบขิต!

แต่เจียงหรานไม่สั่งเขาก็ไม่กล้าลุกขึ้น ทำได้เพียงอัดอั้นอยู่ในท่านั้น

“เฝ้ามันไว้ ให้มันจัดการเก็บกวาดที่นี่ซะ” เจียงหรานเอามือปิดจมูก “โคตรเหม็นเลย ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมแกถึงมีงานอดิเรกแบบนี้”

ลูกน้องตะโกนตามหลังเจียงหราน “พี่หราน พ่ออิ๋งกับเจ๊อวี่ล่ะ”

เจียงหรานไม่ตอบ

เดิมทีเขาก็จะไปหาสองคนนั้น ทั้งสองคนไปที่ห้องของพวกมอหกแล้ว วันนี้เขาก็เพิ่งรู้ว่าพ่อของพวกเขายังมีน้องชายอีกคนด้วย แบบนี้ควรเรียกว่าอะไรนะ

อาเหรอ

เจียงหรานหน้าบึ้ง เดินไปอย่างไม่สบอารมณ์

เวลานี้มอหกยังไม่เลิกเรียน มีแค่พักระหว่างคาบ พักเสร็จยังต้องทบทวนด้วยตัวเองช่วงเย็นอีก

แต่เวินทิงหลานไม่อยู่ในนั้น เขาไม่มาก่อน และไม่เลิกก่อน แต่ออกตรงเวลา

อิ๋งจื่อจินเห็นน้องชายเดินออกมาก็พยักหน้าเล็กน้อย “ไปเถอะ”

ซิวอวี่กำลังช่วยโหวตให้ซังเย่าจืออยู่ในเวยปั๋ว เดินตามหลังทั้งสองคน

หลังจากที่ออกมาจากคลาสเด็กอัจฉริยะของมอหก ทั้งสามคนก็เดินผ่านห้องดนตรี

ซิวอวี่ละสายตาจากโทรศัพท์เหลือบมองแล้วทำเสียงจึ๊ “พ่ออิ๋ง ยัยอาขี้ตอแหลของเธอกำลังสอนเปียโนเด็กมอสี่อยู่แน่ะ ดูท่าทางจะอยากหาแฟนคลับสมองเพี้ยนเพิ่ม”

“เธอว่าฝีมือเล่นเปียโนของยัยนั่นเป็นไง คิดจะเอาอย่างนางฟ้าวีร่า โฮลท์ซอย่างน้อยก็ต้องมีความสามารถบ้างหรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็ไม่ได้มอง พูดด้วยเสียงเรียบเฉย “ขยะ”

บทเพลงเปียโนบรรเลงจบลงก่อนคำพูดนี้จะออกมาพอดี ห้องดนตรีเงียบสนิท นักเรียนทั้งหมดที่นั่งอยู่ในนั้นต่างได้ยินคำนี้ พากันเงยหน้าด้วยความตะลึง

“ขยะเหรอ” นักเรียนชายที่อยู่ด้านล่างยืนขึ้น แสยะยิ้ม “เธอคงไม่ได้คิดว่าตัวเองสอบได้ที่หนึ่งของชั้นมอห้าก็จะเข้าใจเปียโนแล้วหรอกนะ”

“อาจารย์อิ๋งได้รับคำชมจากนักเปียโนมาไม่น้อย เธอพูดว่าขยะเหรอ งั้นเธอลองขึ้นมาเล่นดูสิ ถ้าไม่เป็นก็อย่ามายืนตรงนี้”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset