“…”
ชั่วขณะนั้นเสียงทุกอย่างเงียบลงทันที
ดูเหมือนไม่แตกต่างจากบัตรเชิญทั่วไป ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นอักษรหวัดเขียนส่งเดช
แต่ขอบทองที่มีลวดลายนั้นกลับยิ่งทำให้บัตรสีดำใบนี้ดูพิเศษ
สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง
เธอรู้จักลวดลายนี้
บนไพ่นักมายากลไพ่ใบที่สองของไพ่ทาโรต์สำรับใหญ่ซึ่งมีเลขลำดับที่หนึ่งก็มีลวดลายนี้
และก็เป็นลวดลายที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันใช้บ่อย
อีกทั้งลายมือน่าเกลียดแบบนั้นก็มีแค่คนบ้าเล่นแร่แปรธาตุคนนั้นที่เขียนออกมาได้
หลังจากที่ฟู่อวิ๋นเซินวางบัตรใบนี้ลงบนโต๊ะ อย่าว่าแต่เวินทิงหลาน นักเรียนคนอื่นๆ ของคลาสอัจฉริยะชั้นมอหกก็แอบอึ้ง
บัตรเชิญของมหาวิทยาลัยนอร์ตันเหรอ
แถมยังเป็นของคณะระดับเอสเอส (SS) ด้วย
ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้สถานการณ์ภายในมหาวิทยาลัยนอร์ตัน แต่ก็รู้ว่าอักษรเอสเอส (SS) นี้หมายถึงระดับสูงสุด
“บัตรเชิญของคณะระดับเอสเอส (SS) เลยเหรอ” นักเรียนชายคนนั้นอึ้งก่อน แทบจะหัวเราะออกมา “มหาวิทยาลัยนอร์ตันมีคณะระดับเอสเอส (SS) เหรอ อย่าพูดมั่วน่า”
เฮ่อสวินกลับเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร สีหน้าก็ตะลึงเช่นกัน
เขาไม่ได้รับบัตรเชิญ อย่างไรเสียคณะที่เขาจะไปคือคณะระดับดี (D) เรียกได้ว่าเป็นแค่คณะรั้งท้าย
แต่เขาเคยเห็นบัตรเชิญของคณะระดับเอ A
ไม่เรียบง่ายแบบนี้ และก็ยิ่งไม่มีทางเขียนแค่นี้ แต่กระดาษที่ใช้ดูเหมือนจะเป็นแบบเดียวกัน
กระดาษแบบนี้ เขาเคยเห็นแค่ในห้องทำงานของอาจารย์ที่ปรึกษา
ได้ยินว่ามีค่ามาก ไม่ติดไฟ น้ำซึมผ่านไม่ได้
เขายังเคยได้ยินอาจารย์พูดอีกว่า บนบัตรเชิญทุกใบที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันแจกออกไปยังมีระบบพิกัดขนาดเล็ก ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการสูญหาย
สายตาของเฮ่อสวินเคลื่อนลง มองตรงกลางของบัตรเชิญสีดำขอบทอง และก็เห็นตรงนั้นมีจุดนูนขนาดเล็กโผล่ขึ้นมา
ดวงตาของเขาเบิกโพลง กล้ามเนื้อใบหน้าสั่นเล็กน้อย เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตา
นักเรียนชายกับนักเรียนคลาสนานาชาติอีกสองคนเห็นสีหน้าแบบนี้ของเขาก็อดตะลึงไม่ได้
หรือนี่จะเป็นบัตรเชิญของคณะระดับเอสเอส (SS) มหาวิทยาลัยนอร์ตันจริง
เป็นไปไม่ได้
ใครได้บัตรเชิญของมหาวิทยาลัยนอร์ตันกลับไม่ไปเอง เอามาให้คนอื่นงั้นเหรอ
อีกทั้งมีใครไม่รู้บ้างว่าแม้แต่ที่หนึ่งของประเทศ มหาวิทยาลัยนอร์ตันก็อาจไม่ถูกใจก็ได้ แล้วจะให้บัตรเชิญกับคุณชายเสเพลอันดับหนึ่งของฮู่เฉิงได้อย่างไร
นักเรียนชายอ้าปากพูด “อาจารย์เฮ่อ งั้น…”
“ได้เวลาแล้ว” มุมปากของเฮ่อสวินกระตุก ข่มความสงสัยในก้นบึ้งหัวใจ “พวกเราไปกันเถอะ”
น่าจะเป็นของเลียนแบบ
เขาอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตันสี่ปีไม่เคยได้ยินว่าคณะระดับเอสเอส (SS) มีบัตรเชิญ
พอเห็นเฮ่อสวินไม่ให้คำตอบ นักเรียนชายกลับรู้สึกโล่งอก พูดถากถางอีกครั้ง “ถ้านี่เป็นบัตรเชิญของคณะระดับเอสเอส (SS) มหาวิทยาลัยนอร์ตันจริง เก่งนักพวกเราก็เจอกันที่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินถึงเหลือบตาขึ้น ขมวดคิ้ว
ดวงตาของเฮ่อสวินเบิกโพลงอีกครั้ง
ภาษารูปปากเป็นวิชาบังคับของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน เขาเข้าใจที่เด็กสาวพูด
‘งั้นก็เจอกันที่สนามสอบสัมภาษณ์มหาวิทยาลัยนอร์ตัน’
เฮ่อสวินเบือนสายตาหนีทันที ไม่มองอีก
หลังจากที่รถรับส่งโดยเฉพาะมาถึง ทั้งสี่คนก็ขึ้นรถ
บนโต๊ะเนื้อย่างยังคงเงียบสนิท ไม่มีใครพูด
หัวหน้าห้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ลูบบัตรสีดำใบนั้นด้วยความระมัดระวัง “คะ คุณชายเจ็ด นี่เป็นบัตรเชิญของมหาวิทยาลัยนอร์ตันจริงเหรอครับ”
ลายมือแบบนี้มันหวัดเกินไปหรือเปล่า
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าขึ้น พูดเสียงเนือย “นายคิดว่าไงล่ะ”
“ผมว่ามันเป็นของจริง” หัวหน้าห้องพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เชื่อมั่นเต็มที่ “ต่อให้ตาผมบอดมันก็เป็นของจริง”
กรรมการห้องส่ายหน้า กระซิบพูดกับกรรมการห้องฝ่ายพลศึกษา “เขาเมาอีกแล้ว”
“นี่ไง!” หัวหน้าห้องออกแรงตบบ่าของเวินทิงหลาน เรอเบียร์หนึ่งที “ทิงหลานของห้องเรายังจะต้องเอาสิทธิ์สอบสัมภาษณ์อะไรกัน ได้บัตรเชิญมาอยู่ในมือ เอาให้พวกเขาดิ้นพราดกันไปเลย”
“พอถึงตอนนั้นพวกเขาสัมภาษณ์เสร็จก็จบเห่ ทำได้เพียงมองทิงหลานของพวกเราเรียนในมหาวิทยาลัยนอร์ตัน”
“…”
กรรมการห้องฝ่ายพลศึกษาถอนหายใจ “เมาแล้วจริงๆ”
เวินทิงหลานนิ่งเงียบ
เขาไม่ได้สนใจว่าบัตรเชิญใบนี้จะเป็นของจริงหรือเปล่า
ถึงแม้เขาจะสนใจมหาวิทยาลัยนอร์ตันมาก แต่นี่ก็ไม่ใช่ทางเลือกเดียวของเขา
ช่วงหลายปีมานี้มหาวิทยาลัยตี้ตูก็ติดอันดับมหาวิทยาลัยระดับโลกเหมือนกัน ไต่อันดับขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นไปอยู่สิบอันดับแรกแล้ว
อีกทั้งมหาวิทยาลัยนอร์ตันยังอยู่ไกลถึงยุโรป ถ้าเขาไปก็จะไม่มีคนดูแลเวินเฟิงเหมียน
“ขอบคุณ” เวินทิงหลานดันบัตรเชิญใบนั้นกลับไป “ผมรับไว้ไม่ได้”
“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินไม่รับ เขาเลิกคิ้ว “เอามาให้นาย ทำไมจะรับไว้ไม่ได้”
“มีค่ามากเกินไป” เวินทิงหลานกอดชามข้าวตัวเอง “พ่อกับพี่เคยพูดว่า ห้ามรับของมีค่าที่คนอื่นให้”
“ไม่ได้มีค่าอะไร” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “ก็แค่กระดาษใบเดียว”
ท่าทางของเขาเอื่อยเฉื่อย ราวกับเสียดาย “เพื่อนาย ฉันปฏิเสธการค้าครั้งใหญ่เลยนะ”
คำทำนายของเทพพยากรณ์สำคัญมาก แต่ก็ย่อมสู้คนข้างกายไม่ได้
พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของอิ๋งจื่อจินก็ชะงัก ดวงตาวูบไหวเล็กน้อย
กระทู้ที่เธอโพสต์เมื่อไม่กี่วันก่อนเรียกได้ว่าคนเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ในเว็บบอร์ดเอ็นโอเคเห็นหมด
แรกเริ่มสุดที่เธอได้ยินชื่อเว็บบอร์ดเอ็นโอเคก็มาจากฟู่อวิ๋นเซิน
เขามีแอ๊กเคานท์ เป็นเรื่องปกติมาก
เพราะเรื่องหยกเย็นคราวก่อนทำให้เขาเองก็รู้ว่าไอดีโค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์เป็นของเธอ
แต่ไอดีนี้เธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง
ดวงตาของอิ๋งจื่อจินหลุบลง
แต่เธอนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าในมือของฟู่อวิ๋นเซินจะมีบัตรเชิญของคณะระดับเอสเอส (SS)
แต่นอกจากเพื่อเอาบัตรเชิญแล้ว เธอก็ต้องไปที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันจริงๆ
ก็ไม่ถือว่าโพสต์กระทู้โดยสูญเปล่า
เวินทิงหลานยังคงกอดชามข้าวตัวเอง ไม่พูดอะไร
“เอาแบบนี้” ฟู่อวิ๋นเซินเคาะโต๊ะ ริมฝีปากยิ้ม “ฉันจะเก็บรักษาแทนนายก่อน นายสอบได้ที่หนึ่งของประเทศเมื่อไรก็มาเอาไป”
พอได้ยินแบบนี้เวินทิงหลานก็มองเขาอยู่สักพัก
เขาลังเลเล็กน้อย พูดเสียงเบา “คุณหวังอะไรจากพี่สาวผมใช่ไหม”
ฟู่อวิ๋นเซิน “?”
เด็กหนุ่มสีหน้าเรียบเฉย “อย่าแม้แต่จะคิด เป็นไปไม่ได้ ผมจะขวางคุณ”
ฟู่อวิ๋นเซิน “…”
เขายังไม่ได้หวังอะไรเลยจริงๆ นะ
เรื่องเดียวที่คิดอาจเพราะรู้สึกว่า ผมของเด็กน้อยนุ่มสลวยดี แก้มก็นุ่มน่าหยิก
บางครั้งเหมือนลูกแมว
ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว “อืม ถ้านายจะคิดแบบนั้นก็ได้เหมือนกัน”
เวินทิงหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย เอื้อมมือมาถึงเขา “เบาเสียงหน่อย ถ้าพี่ผมได้ยินเข้า เธออายขึ้นมาจะทำยังไง”
“เบามากแล้ว แต่ว่า…” ฟู่อวิ๋นเซินพูดอย่างนึกสนุก “เรื่องอายนี่มันอะไร เล่าให้ฟังหน่อยสิ”
อิ๋งจื่อจินหยิบเนื้อเอ็นขึ้นมาหนึ่งไม้ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยอย่างใจเย็น “ไม่ต้องเบา ได้ยินหมด พูดดังๆ ได้”
“…”
…
ณ เมืองฟลอเรนซ์ในยุโรป
บริเวณส่วนสำคัญที่สุดของคฤหาสน์ลอเรนท์
ภายในห้องที่หรูหราขั้นสุด แม้แต่พื้นก็ยังทำจากทอง
สีเดียวที่ไม่ใช่ก็คือเตียงที่ปูด้วยขนห่าน
บนเตียงมีเด็กหนุ่มนั่งพิงอยู่ ใบหน้าหล่อเหลา เครื่องหน้าคมชัด ราวกับรูปปั้นโรมันโบราณ
ผมของเขาก็สว่างเจิดจ้าดุจทองคำ ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม ลุ่มลึกดุจมหาสมุทร ระยิบระยับคล้ายดวงดาว
นิ้วของเด็กหนุ่มเคลื่อนไปมาบนแท็ปเล็ต ยิ่งดูสีหน้าก็ยิ่งแย่
นี่คือซีซาร์ ลอเรนท์
ในประวัติศาสตร์หลายร้อยปีของตระกูลลอเรนท์ คนที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือผู้กุมอำนาจที่มีเกียรติที่สุด
ด้วยเหตุนี้ตอนนั้นที่เขาถูกลอบสังหารตาย ทั้งตระกูลลอเรนท์จึงถอนตัวจากฟลอเรนซ์ตามเขา ตายตามไปด้วย
มีเพียงผู้อาวุโสไม่กี่คนที่รู้ว่าต่อไปเขาจะฟื้นขึ้นมา
แต่อายุขัยของพวกเขาเป็นแบบคนทั่วไป ดังนั้นความลับนี้จึงส่งต่อกันมาหลายยุคสมัย
เล่าต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
จ็อบ ลอเรนท์ก็คือหนึ่งในข้ารับใช้ตอนนี้ของซีซาร์
และก็เป็นเขาที่ครั้งก่อนส่งหยกเย็นไปที่บ้านตระกูลจง
ส่วนคนอื่นๆ ในตระกูลลอเรนท์ต่างไม่รู้ว่าผู้กุมอำนาจเป็นคนที่ผ่านมาหลายศตวรรษแล้ว และก็ยิ่งไม่มีทางรู้ว่าแท้จริงแล้วผู้กุมอำนาจยังอายุมากยิ่งกว่าคนที่แก่สุดในตระกูลเสียด้วยซ้ำ
ร่างกายที่ผ่านการเล่นแร่แปรธาตุ รูปโฉมก็จะเป็นอมตะเช่นกัน
นี่ก็คือจุดแข็งของวิชาเล่นแร่แปรธาตุ
ด้วยเหตุนี้ในบางด้านวงการเล่นแร่แปรธาตุจะเก่งกว่าวงการแพทย์แผนโบราณ
และก็เพราะความพิเศษของตัวตนซีซาร์ ลอเรนท์ พื้นที่สำคัญของคฤหาสน์ที่เขาอยู่จึงไม่อนุญาตให้สมาชิกคนอื่นของตระกูลเข้ามาย่างกราย
จ็อบเคาะประตู เมื่อได้รับอนุญาตเขาถึงเดินเข้ามา
เขาโน้มตัวด้วยความเคารพ เป็นธรรมเนียมโบราณของยุคกลาง
“นายท่าน ได้เวลาจำศีลแล้วครับ”
ซีซาร์วางแท็ปเล็ตลง มองผิวที่ซีดเซียวของตัวเอง ทำเสียงจึ๊ “ไร้สาระจริงๆ”
ด้วยบารมีของบอสใหญ่ของเขา ทำให้เขาฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่ทุกเดือนจะต้องหลับลึกไปสิบห้าวัน
มิฉะนั้นหัวใจของเขาจะแหลกสลาย หมดลมหายใจไปอีกครั้ง
นับตั้งแต่เย็นวันที่ 31 พฤษภาคมที่บอสใหญ่ของเขาปรากฏตัว เขาก็ส่งข้อความส่วนตัวไปหาเธอหลายครั้ง แต่ก็เหมือนจมสู่ก้นบึ้งมหาสมุทร ไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ
ซีซาร์รู้ดีว่าเทพพยากรณ์อยากซ่อนตัว ต่อให้เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็หาไม่เจออยู่ดี
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเธอน่าจะอยู่ที่ประเทศจีน แต่ถ้าเขาไปหาเธอ เธออาจหายตัวไปอีกครั้ง
เขาจึงทำได้เพียงรอเธอมาหาเอง
จำต้องเสียเปรียบไอ้งั่งนอร์ตันที่ได้เจอบอสใหญ่ก่อนเขา
…
หลังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสิ้นสุดลงอิ๋งจื่อจินก็จองตั๋วเครื่องบินวันที่เก้าให้ตัวเอง
ถึงแม้เวินเฟิงเหมียนจะให้เธอหาใครไปเป็นเพื่อนด้วย แต่เธอขี้เกียจยุ่งยาก
ไปยุโรปครั้งนี้เธอจะถือโอกาสเอาเตาที่เมื่อก่อนใช้ปรุงยากลับมาด้วย
หม้อแรงดันไฟฟ้าที่ถูกดัดแปลงทำเสียเวลามาก
สรรพคุณยาเสื่อมหายไปบ้างไม่พอ ยังทนสมุนไพรที่มีพิษรุนแรงไม่ได้อีก
อิ๋งจื่อจินสะพายกระเป๋าเป้ ไม่ได้เอาอะไรไปมาก กำลังจะเดินออก
ทันใดนั้นก็มีข้อความเข้ามือถือในเวลานี้