หลังจากที่เขาเข้าไป ประตูก็ปิดลงอีกครั้ง
แต่ในเวลาไม่ถึงสามนาที ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
นักเรียนชายหน้าซีดเดินออกมา เหงื่อแตกเต็มตัว คล้ายกับไปเจอเรื่องที่น่ากลัวอย่างรุนแรง
นี่ไม่อยู่ในความคาดหมายของเฮ่อสวิน
ถึงแม้การอยากเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันจะเป็นเรื่องยากมาก แต่ก็ไม่ถึงกับสัมภาษณ์ครั้งแรกจะกลัวขนาดนี้
เฮ่อสวินขมวดคิ้ว ไม่ได้เอ่ยปากดุ แต่หันมองนักเรียนคลาสนานาชาติสองคนที่อยู่ข้างๆ “ตาพวกเธอแล้ว”
ทั้งสองคนพยักหน้าแล้วเดินเรียงเข้าไป
พวกเขาเข้าไปค่อนข้างนาน แต่พอออกมาสีหน้าก็ไม่สู้ดีเท่าไร
“อาจารย์เฮ่อ ขอโทษครับ” หนึ่งในสองคนรู้สึกผิด “ผมน่าจะไม่ผ่าน ทางมหา’ลัยทดสอบภาษาละตินผม แต่ผมไม่เคยเรียน”
นักเรียนทั้งสามคนเป็นแบบนี้หมด ทำให้หัวใจของเฮ่อสวินจมดิ่งสู่ก้นเหว
การทดสอบวัดผลของเขาก็คือต้องส่งนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันสำเร็จสองคน และยังต้องเป็นคณะระดับเอ (A)
แต่ตอนนี้ไม่สำเร็จแม้แต่คนเดียว
นี่ก็แสดงว่าเขาไม่ผ่านการวัดผลแล้ว
แสงแดดร้อนแรง ทว่าหัวใจของเฮ่อสวินกลับเย็นลงทีละนิด
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจเหลือเกิน
เขาอุตส่าห์มั่นใจว่าจะผ่านการวัดผล เพราะตอนที่เขายังไม่รู้ว่าเวินทิงหลานเป็นน้องสาวของอิ๋งจื่อจิน เขาคิดว่าเวินทิงหลานจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันได้แน่นอน
หลังจากที่สิทธิ์สอบสัมภาษณ์ถูกส่งมา เขาตั้งใจตามทางชิงจื้อพาพวกเวินทิงหลานไปทดสอบไอคิว
นักเรียนสองคนคลาสนานาชาติไอคิวธรรมดา มีแค่เวินทิงหลานที่ไอคิวสูงถึง 228!
ถึงแม้จะไม่ได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ก็เป็นตัวเลขที่น่ากลัวมากแล้ว
หากไม่มีเรื่องถามตอบอย่างเปิดเผยนั่น เฮ่อสวินไม่มีทางยกเลิกสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ของเวินทิงหลานแน่นอน
เขาเก่งกว่าคนรุ่นเดียวกันมาตลอด รับไม่ได้จริงๆ ที่อิ๋งจื่อจินสร้างความอับอายให้เขา เขาก็เลยยึดสิทธิ์สอบสัมภาษณ์คืนมา
ถึงแม้กว่าผลสอบสัมภาษณ์จะออกก็อีกสองสามวัน แต่เฮ่อสวินรู้ว่าหมดหวังอย่างสิ้นเชิงแล้ว
สีหน้าของเขาแย่มาก เม้มริมฝีปากแน่น ส่ายหน้า “ไม่เป็นไร รอผลออกก่อน”
…
ในเวลาเดียวกัน
ณ ที่แห่งหนึ่งบนโลก
ภายในห้อง
เด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ พื้นหลังของหน้าจอเป็นสีดำ บนนั้นมีตัวเลขและตัวอักษรเรียงกันเป็นแถวยาว รวมกันเป็นโค้ดจำนวนมาก
นิ้วของเขาเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว เร็วจนถึงขั้นที่มองไม่ทันว่าเขากดปุ่มไหน
อักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ที่อยู่บนหน้าจอก็เปลี่ยนไปอยู่ตลอด ชวนให้ตาลาย
“เป็นไงบ้าง” ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้นชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว “ค้นเจอไหม”
แฮกเกอร์เด็กหนุ่มส่ายหน้า รู้สึกเหนือความคาดหมายเช่นกัน “ไม่เจอครับ ผมเจาะไฟร์วอลล์ของพวกเขาไม่ได้”
ชายวัยกลางคนตะลึง “ขนาดนายยังไม่ไหวเลยเหรอ”
พวกเขารู้ว่าเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยนอร์ตันนำโลกภายนอกไปไกลมาก เขาถึงได้เชิญแฮกเกอร์จากทางนั้นมา
ฝีมือของแฮกเกอร์เด็กหนุ่มไม่ได้ด้อยไปกว่าบอสใหญ่ของสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนาม แต่นี่ยังเจาะไม่เข้าแม้แต่ไฟร์วอลล์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันเลยเหรอ
เมื่อวันก่อนแฮกเข้าโทรศัพท์มือถือของรองอธิการบดีล้มเหลว ทำให้จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าเทพพยากรณ์ไปที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันหรือเปล่า
หากเจาะเข้าไฟร์วอลล์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันไม่ได้ก็แสดงว่าพวกเขาไม่มีทางรู้ตัวตนของเทพพยากรณ์ได้!
ชายวัยกลางคนกำหมัดทุบโต๊ะ พูดด้วยความแค้น “ให้ตายเหอะ”
ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
สมัยศตวรรษที่สิบหกถึงสิบเจ็ดไม่มีเรื่องอินเตอร์เน็ตให้เอ่ยถึง ไม่มีเทคโนโลยีขั้นสูงอะไรทั้งนั้น จะหาใครสักคนก็ยากมาก
เพราะแบบนี้ถึงไม่มีร่องรอยกับข้อมูลของเทพพยากรณ์มาตลอด
ถึงขั้นที่พวกเขาเดากันว่า การที่เทพพยากรณ์หายตัวไปสองร้อยปีอาจเป็นเพราะทำนายได้ว่าต่อไปเทคโนโลยีจะพัฒนาถึงขั้นนี้ จึงกลัวตัวตนจะเปิดเผย
ในที่สุดครั้งนี้เทพพยากรณ์ก็เป็นฝ่ายแสดงตัวก่อน เป็นโอกาสที่หาได้ยาก
แต่โอกาสอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว พวกเขากลับทำได้แค่มองมันหลุดลอยไป
“น่าแปลก” แฮกเกอร์เด็กหนุ่มส่ายหน้า “ต่อให้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันจะล้ำขนาดไหนก็ไม่น่าจะขวางผมได้ มีคนช่วยพวกเขาเสริมความแข็งแกร่งของไฟร์วอลล์”
“ใคร” ชายวัยกลางคนอดตกใจไม่ได้ “เป็นคนของพวกนายเหรอ”
“เป็นไปได้” เด็กหนุ่มแฮกเกอร์ลุกขึ้น พูดขอโทษ “ขอโทษด้วยครับที่ทำงานไม่สำเร็จ อีกเดี๋ยวผมจะโอนค่าตอบแทนคืนทางตระกูลของคุณ”
…
ผลสอบสัมภาษณ์ออกเร็วกว่าที่เฮ่อสวินคิดไว้
วันที่สามก็ประกาศในเว็บภายในของมหาวิทยาลัยแล้ว
นักเรียนสามคนที่เขาพามาไม่เพียงแต่จะไม่ผ่าน อันดับยังรั้งท้ายมากอีกด้วย
โดยเฉพาะนักเรียนชายคนที่มาแทนเวินทิงหลาน นับจากข้างท้ายได้เลยทีเดียว
นักเรียนสามคนสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่านก็ต้องไปจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัน
ไม่เพียงเท่านี้ มหาวิทยาลัยนอร์ตันยังได้เชิญนักสะกดจิตมา เพื่อลบล้างความทรงจำของพวกเขาในช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน
เฮ่อสวินส่งนักเรียนสามคนออกไป เขาอดทนไว้ สุดท้ายก็ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์เองก็ทราบผลแล้ว รู้สึกเสียดาย “เฮ่อ ดูท่านักเรียนสามคนนี้ที่นายเลือกจะไม่สอดคล้องกับมาตรฐานในการรับนักศึกษาของพวกเรา”
“อาจารย์ครับ ผมยังรู้จักนักเรียนอีกคน พรสวรรค์ของเขาโดดเด่นเกินใคร ไอคิวสูงถึง 228” เฮ่อสวินพูดเสียงเบา “ขอสิทธิ์สอบสัมภาษณ์เพิ่มจากทางมหาวิทยาลัยอีกหนึ่งสิทธิ์ได้ไหมครับ ผมจะพาเด็กคนนี้มา”
พอได้ยินแบบนี้อาจารย์ก็สงสัย “งั้นทำไมนายไม่เลือกเขามาตั้งแต่แรกล่ะ สิทธิ์สอบสัมภาษณ์มีค่ามากขนาดนี้ แค่เลือกคนนายยังไม่เป็นเลยเหรอ”
ราวกับพูดแทงใจดำ เฮ่อสวินหน้าเสีย “เพราะ เพราะ…”
“เฮ่อ นายก็เคยเป็นนักศึกษาที่อาจารย์เห็นแวว แต่นิสัยของนายไม่เหมาะเป็นอาจารย์เลยจริงๆ” อาจารย์ถอนหายใจ “เอาแบบนี้ งั้นจะให้โอกาสนายอีกครั้ง ไปเรียกนักเรียนคนนี้มา”
อาจารย์ที่ปรึกษาเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้เขา เพื่อให้โทรออก
เฮ่อสวินไม่ได้พักอยู่ในมหาวิทยาลัย ดังนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาจึงติดต่อโลกภายนอกไม่ได้
เฮ่อสวินย่อมไม่มีทางจำเบอร์โทรศัพท์ของเวินทิงหลาน เขาโทรหาชิงจื้อแล้วค่อยให้ผู้อำนวยการโอนสายไปหาเวินทิงหลาน
“เวินทิงหลาน โอกาสมาถึงนายแล้ว” สีหน้าของเขาเย็นชา “นายรีบนั่งเครื่องบินมาที่เมืองนอร์ตันเดี๋ยวนี้ ฉันจะพานายเข้ามาสอบสัมภาษณ์”
น้ำเสียงยังคงอวดดี
แต่เรื่องที่ทำให้เฮ่อสวินนึกไม่ถึงคือ เวินทิงหลานปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
“ไม่ไป”
เฮ่อสวินขมวดคิ้ว น้ำเสียงเย็นชา “โอกาสนี้หาได้ยากมาก ฉันอุตส่าห์ขอทางมหา’ลัยมาให้นาย นายจะทิ้งมันจริงเหรอ”
“นายต้องคิดให้ดีนะ พลาดโอกาสนี้นายก็ไม่มีทางเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันได้แล้ว หรือนายคิดว่าพี่สาวนายจะหาสิทธิ์สอบสัมภาษณ์มาให้นายได้จริงเหรอ หรือนายคิดว่าบัตรเชิญวันนั้นเป็นของจริง”
“ไปไกลๆ”
น้ำเสียงแข็งกระด้างของเด็กหนุ่มดังลอดมาตามสาย หลังจากพูดออกมาสั้นๆ สายก็ถูกตัดไป
ได้ยินเสียง ‘ตู๊ดๆๆ’ มีสายตาสงสัยมาจากอาจารย์ที่ปรึกษาที่อยู่ข้างๆ เฮ่อสวินยืนตัวแข็ง รู้สึกเสียหน้าแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
“เฮ่อ นายไปเตรียมตัวสอบวัดผลอีกอันเถอะ” อาจารย์ส่ายหน้า เอามือไพล่หลังเดินออกไป
…
วันที่ 18 มิถุนายน เป็นวันสอบวัดผลของนักศึกษาคณะระดับดี (D)
เมื่อหลายวันก่อนคณะระดับเอ (A) ถึงระดับซี (C) ได้สอบเสร็จไปแล้ว
นักศึกษาของคณะระดับเอ (A) กับระดับบี (B) มีความสามารถเป็นรองแค่คณะระดับเอส (S) เพียงแต่สาเหตุเป็นเพราะสาขาที่เรียน ทำให้ถูกจัดอยู่ในคณะระดับนั้น โดยรวมจึงไม่มีใครไม่ผ่าน
ระดับซี (C) คัดคนทิ้งไปถึงสองในสาม
ระดับดี (D) ของวันนี้คาดว่าพวกศาสตราจารย์เก็บไว้สิบคนก็ดีมากแล้ว
คณะระดับดี (D) มีนักศึกษาทั้งหมดห้าร้อยคน
เลขที่เฮ่อสวินจับได้คือลำดับที่ห้าสิบสาม ถือว่าค่อนไปทางแรกๆ
มองเพื่อนนักศึกษาคิวก่อนหน้าเข้าๆ ออกๆ หัวใจของเขาก็หวาดหวั่นอยู่ตลอด
ในที่สุดก็ถึงตาเขา เฮ่อสวินรู้สึกเครียดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ภายในห้องสอบวัดผลมีแค่โต๊ะยาวหนึ่งตัว ฝั่งตรงข้ามมีศาสตราจารย์นั่งอยู่สี่คน
พอเฮ่อสวินนั่งลงประตูหลังก็เปิดออก มีเจ้าหน้าที่ยกเก้าอี้โซฟามาเพิ่มอีกหนึ่งตัว วางไว้ตรงกลางระหว่างศาสตราจารย์ทั้งสี่
“นักศึกษาเฮ่อ พอประธานมหาวิทยาลัยได้ยินชื่อของคุณก็ตั้งใจมาโดยเฉพาะเลยนะ” สีหน้าของศาสตราจารย์ยังคงใจดี “คุณรอสักสองนาที เดี๋ยวประธานมหาวิทยาลัยก็มาแล้ว”
เฮ่อสวินตะลึง
ประธานมหาวิทยาลัยมาเพราะเขาเหรอ
เขาทำเรื่องอะไรที่รู้ไปถึงหูของประธานมหาวิทยาลัยงั้นเหรอ
“วางใจได้นักศึกษาเฮ่อ” ศาสตราจารย์อีกคนพูด “ประธานมหาวิทยาลัยน่าจะคิดว่าความสามารถของคุณไม่เลว ก็เลยอยากสัมภาษณ์คุณด้วยตัวเอง”
เฮ่อสวินถึงได้โล่งอก
คิดๆ ดูก็คงใช่
ประธานมหาวิทยาลัยนอร์ตันเป็นบุคคลที่มีสถานะเทียบเท่าอธิการบดี ไม่มีทางสนใจว่านักศึกษาจะไปทำอะไรบ้าง
สองนาทีนี้เฮ่อสวินรอด้วยความร้อนใจ แต่เขาก็ได้แค่รอ
ในที่สุดประตูหลังก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
ศาสตราจารย์ทั้งสี่คนรีบลุกขึ้นไปต้อนรับ
เฮ่อสวินเป็นแค่นักศึกษายิ่งต้องยืนขึ้น แต่ไม่มีสิทธิ์เดินเข้าไปต้อนรับ ได้แค่เงยหน้ามอง
พอมองไปสมองของเขาก็หยุดทำงานทันที เหลือเพียงความว่างเปล่า
ข้างหูเหมือนมีผึ้งจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนมาบินหึ่งๆ ทำให้หัวของเขาแทบระเบิด ความอวดดีที่มีมาตลอดพังทลายลงทั้งหมด
เฮ่อสวินมองเด็กสาวที่เข้ามาโดยมีพวกศาสตราจารย์รุมล้อมด้วยความตะลึง เธอนั่งตรงกลาง
พอเห็นใบหน้าที่งดงามจนถึงขั้นพลังทำลายล้างสูง เขาไม่สามารถพูดกล่อมตัวเองได้อีกต่อไปว่ามองผิด
“ในที่สุดก็มาแล้ว” ศาสตราจารย์ที่เดินนำไปเป็นคนแรกพูดอย่างนอบน้อม “ทุกอย่างรอท่านเริ่มครับ”
“ไม่จำเป็นค่ะ” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงพนัก สายตาค่อยๆ เบนไปหาเฮ่อสวินที่มีสีหน้าเหลือเชื่อ “พวกคุณถาม ฉันขอฟังค่ะ”