“ครับ” พอได้ยินแบบนี้ เหล่าศาสตราจารย์ก็พยักหน้า
มองหน้ากัน พอจะเข้าใจแล้ว
อันที่จริงบรรดาศาสตราจารย์ก็รู้ว่า การที่ประธานมหาวิทยาลัยมาดูการสอบวัดผลนักศึกษาระดับ ดี ถือเป็นการให้เกียรติมากแล้ว ย่อมไม่มีทางลดตัวมาตั้งคำถามด้วยตัวเอง
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตะลึงก็คือ ประธานมหาวิทยาลัยคนนี้เด็กมาก
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามหาวิทยาลัยมีประธานมหาวิทยาลัยด้วย
อย่างไรเสียมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็ไม่เหมือนมหาวิทยาลัยอื่น ลึกลับ แต่กลับเบียดขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งของโลกได้ ไม่มีใครรู้แหล่งเงินทุนที่อยู่เบื้องหลังมหาวิทยาลัยนอร์ตัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีนายทุนแสดงตัวออกมาสักคน
ดังนั้นจึงไม่เหมือนการร่วมมือของมหาวิทายาลัยอื่นหรือมหาวิทยาลัยเอกชนอื่นๆ ที่มีบอร์ดบริหารมหาวิทยาลัย สามารถตัดสินใจเรื่องใหญ่ต่างๆ ในมหาวิทยาลัยได้
เรื่องใหญ่ทั้งหมดในมหาวิทยาลัยนอร์ตันจะตัดสินใจโดยอธิการบดีคนเดียว
ตอนนี้อยู่ๆ ก็มีประธานมหาวิทยาลัยโผล่มา แถมยังเป็นเด็กสาว จะเป็นหลานสาวของอธิการบดีหรือเปล่า
แต่อันที่จริงพวกศาสตราจารย์ก็ไม่เคยเจออธิการบดีมาก่อน ไม่รู้ว่าเคยมีการเปลี่ยนคนหรือไม่ และก็ไม่รู้ว่าอธิการบดีอายุเท่าไรแล้ว
“นักศึกษาเฮ่อ ให้เวลาเตรียมตัวหนึ่งนาทีครับ” ศาสตราจารย์คนหนึ่งมองนาฬิกาแล้วพูด
“พวกเราจะผลัดกันตั้งคำถามคุณ”
เฮ่อสวินยังคงอึ้งไม่ได้สติกลับมา
เขามองอิ๋งจื่อจิน เส้นประสาทที่เดิมตึงเครียดมาตลอดได้ขาดผึง
ราวกับมีสายฟ้าผ่ากลางหัวของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ระเบิดเป็นผุยผง ทำให้สติแตกกระเจิง ควบคุมตัวเองไม่ได้ทันที
ครั้งนี้ไม่ใช่การถามตอบแบบเปิดเผยของชิงจื้อ ไม่ใช่สอบกลางภาคอะไรทั้งนั้น และก็ไม่ได้อยู่ในห้องเรียน
เด็กสาวนั่งอยู่ด้านบน เห็นได้ชัดว่าสายตาไม่ได้มองลงมา แต่กลับทำให้เฮ่อสวินรู้สึกกดดัน และต่ำต้อยแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความอวดดีและทะนงตนที่เขาภาคภูมิใจมาตลอดได้ถูกพังทลายลงในเวลานี้
ถูกโจมตีจนสิ้นซาก ไม่เหลือแม้แต่น้อย
อิ๋งจื่อจินเป็นประธานมหาวิทยาลัยนอร์ตันงั้นเหรอ
แต่เธอเป็นแค่ลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋ง คนธรรมดาที่มาจากบ้านนอกไม่ใช่เหรอ
คนแบบนี้จะเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยนอร์ตันได้อย่างไร!
เฮ่อสวินรู้สึกหนาวไปทั้งตัว เลือดในกายพลุ่งพล่าน ไม่ว่าอย่างไรก็เชื่อไม่ลง
“นักศึกษาเฮ่อ?” ศาสตราจารย์ที่ถามสังเกตเห็นเขาดูแปลกไป “นักศึกษาเฮ่อ ไม่ต้องเครียด ผมให้อีกหนึ่งนาทีนะครับ”
เฮ่อสวินพยักหน้าเหมือนหุ่นยนต์ ไม่รู้ว่าเสียงของตัวเองออกมาได้อย่างไร “ครับศาสตราจารย์”
แต่เวลาหนึ่งนาทีนี้ยิ่งทำให้เขาเหมือนนั่งอยู่บนพรมหนาม
โดยเฉพาะคนที่เขาดูถูกมาตลอด ตอนนี้กลายเป็นเขาต้องให้เกียรติ
เฮ่อสวินรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
“นักศึกษาเฮ่อ คำถามที่ผมจะถามเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุ” ครบหนึ่งนาทีแล้ว ศาสตราจารย์พูดขึ้น
“ปีสี่พวกคุณมีวิชาเลือกที่ชื่อว่าแหล่งกำเนิดการเล่นแร่แปรธาตุ”
“เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า การเล่นแร่แปรธาตุเป็นรากเหง้า และแนวความคิดปรัชญาเคมีอย่างหนึ่งในยุคกลาง ในประวัติศาสตร์มีนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงจำนวนไม่น้อยเคยศึกษาวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ผลักดันให้เกิดการพัฒนาด้านเคมี แต่วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันกลับปฏิเสธการมีอยู่ของมัน”
“คำถามแรก คุณช่วยอธิบายวิชาเล่นแร่แปรธาตุตามความเข้าใจของคุณ คำถามที่สอง ในสายตาของคุณวิชาเล่นแร่แปรธาตุมีอยู่จริงหรือไม่”
เฮ่อสวินเตรียมข้อมูลมามากมายเพื่อการสอบวัดผลครั้งนี้
แต่เขานึกไม่ถึงว่าพอขึ้นมาคำถามแรกจะเป็นคำถามที่เกี่ยวกับวิชาเล่นแร่แปรธาตุ
เป็นวิชาตั้งแต่ปีสี่ อีกทั้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับสาขาที่เรียน ใครจะไปตั้งใจฟัง
“ผม…วิชาเล่นแร่แปรธาตุ อืม มัน…” เฮ่อสวินพยายามนึกหาคำตอบ “จุดมุ่งหมายของมันคือ เปลี่ยนโลหะไม่มีค่าให้เป็นโลหะมีค่า แล้วก็ยังมี…”
พอฟังถึงตรงนี้เหล่าศาสตราจารย์ก็ส่ายหน้า
ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีทางบังคับนักศึกษาของคณะระดับ ดี ให้เข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่คำตอบแบบนี้ก็ไม่เหมือนหัวกะทิที่จบจากมหาวิทยาลัยนอร์ตันเลยจริงๆ
“พูดไม่ปะติดปะต่อ ไม่มีตรรกะเลยสักนิด ท่าทางไม่จริงจัง” ในที่สุดสายตาของอิ๋งจื่อจินก็มองมาที่เฮ่อสวินอีกครั้ง “ถ้าตอบส่งเดชแบบนี้ละก็ ไม่ต้องสอบแล้ว”
เธอยกมือชี้ไปที่ประตู
ไม่ดีใจไม่โมโห คำพูดไม่เจือไปด้วยอารมณ์ เรียบเฉยมาก
“เชิญออกไป”
พอคำพูดนี้ออกมา อย่าว่าแต่เฮ่อสวิน แม้แต่ศาสตราจารย์ทั้งสี่ก็ตะลึง
สติสุดท้ายในสมองของเฮ่อสวินขาดผึง เขาเงยหน้าทันที
“ทำไมผมต้องไปด้วย ผมไม่รู้ แล้วคุณรู้งั้นเหรอ”
“ฉันไม่ต้องรู้” อิ๋งจื่อจินเท้าศีรษะ สีหน้าเรื่อยเปื่อย “ถ้าคุณมีความสามารถจริง คุณมาอยู่ตำแหน่งนี้ คุณจะไม่ไปไหนทั้งนั้นก็ได้”
ไม่มีพลังโจมตีใดที่จะทรงอานุภาพได้เท่าคำพูดที่ตัวเองเคยพูดได้ย้อนกลับมาเล่นงาน
เฮ่อสวินหน้าซีด สีหน้าจนตรอก
เขาเดินออกไปอย่างสติเลื่อนลอย แม้แต่ฝีเท้าก็เบา เดินโซเซจนเกือบล้ม
“พวกคุณต่อเลยค่ะ” อิ๋งจื่อจินลุกขึ้นแล้วออกไปทางประตูด้านหลัง
ศาสตราจารย์ทั้งสี่มองหน้ากันอยู่สักพัก จากนั้นก็เรียกคนต่อไป
…
รองอธิการบดีรออยู่ด้านนอก
เขาเองก็ไม่กลัว อย่างไรเสียก็ไม่มีนักศึกษารู้จักเขา
พอเห็นอิ๋งจื่อจินออกมาเขาก็รีบเข้าไปหา “ทำไมคุณถึงต้องมาดูสอบวัดผลของคณะระดับ ดี ให้ได้ล่ะครับ ผมบอกแล้วว่าไม่มีอะไรน่าดูหรอก”
“ก็ไม่มีอะไร” อิ๋งจื่อจินหันไปยิ้ม “ช่วยแก้แค้นแทนคนอื่น”
มายุ่งกับเธอ เธอทนได้
แต่รังแกน้องชายของเธอ ยอมไม่ได้
รองอธิการบดีตะลึง “ใครกล้าไปยุ่งกับคนของคุณครับ”
เรื่องราวซับซ้อนเกินไป อิ๋งจื่อจินไม่ได้อธิบาย พูดเพียงว่า “ฉันจะอยู่ที่นี่อีกสองวันช่วยหาเตาปรุงยาของฉันออกมาด้วย ฉันจะทำยาให้คุณ”
ถึงแม้วิชาเล่นแร่แปรธาตุของยุโรปกับแพทย์แผนโบราณของจีนจะมีอยู่จริงเหมือนกัน แต่แตกต่างกันมาก อะไรที่ใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุช่วยไม่ได้ แพทย์แผนโบราณกลับช่วยได้
ผ่านมาสองร้อยกว่าปี อิ๋งจื่อจินไม่แน่ใจว่าวงการเล่นแร่แปรธาตุกับวงการแพทย์แผนโบราณในปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
แต่เมื่อก่อนนี้วงการเล่นแร่แปรธาตุกับวงการแพทย์แผนโบราณมักจะส่งคนไปแลกเปลี่ยนวิชากันอยู่เสมอ
“อ้อ ได้เลยครับ!” รองอธิการบดีตบต้นขา “ผมจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้”
วิ่งออกไปด้วยความตื่นเต้น แต่ทันใดนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “จะว่าไป ในเมื่อคุณกลับมาแล้วไม่อย่างนั้นก็อยู่ที่นี่เลยสิครับ”
“ในมหาวิทยาลัยยังมีสาขาดาราศาสตร์ของคณะระดับ เอสเอส ไม่งั้นผมจะหาตำแหน่งคณบดีให้คุณ คุณไปลองสอนนักศึกษาดูเป็นไงครับ”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็ดึงปีกหมวกลง “อ่อ อันที่จริงคุณยังไม่รู้นะว่าฉันตายไปแล้ว”
“…”
…
เนื่องจากมีห้าร้อยคน การสอบวัดผลของคณะระดับ ดี จึงจัดต่อเนื่องสามวัน
และก็เหมือนที่บรรดาศาสตราจารย์คาดการณ์ไว้ สุดท้ายคนที่สอบผ่านมีเพียงเก้าคน ส่วนที่เหลือไม่ผ่านทั้งหมด ต้องถูกเพิกถอนใบจบการศึกษา
ถึงแม้เหล่านักศึกษาจะเศร้า แต่ก็ต้องยอมรับ
ใครใช้ให้พวกเขาไม่ตั้งใจฟังบางวิชา สอบพวกเขาเรื่องวิชาเล่นแร่แปรธาตุกับดาราศาสตร์ แบบนั้นก็ตอบไม่ได้จริงๆ
ตอนที่ย้ายมาอยู่หอพักชั่วคราวของมหาวิทยาลัย พวกนักศึกษาแอบคุยกัน
“แต่เรื่องเฮ่อสวินมันอะไรกัน ชื่อของเขาถูกแขวนไว้บนเว็บมหาวิทยาลัยที่เปิดเผยต่อคนภายนอกด้วย”
“แบบนี้ไม่เท่ากับบอกคนอื่นว่า เขาถูกมหาวิทยาลัยไล่ออกแล้วเหรอ น่าสงสารเป็นบ้าเลย”
เฮ่อสวินก็รับไม่ได้เหมือนกัน
เขาย่อมรู้ว่าใครสั่งให้ทางมหาวิทยาลัยทำแบบนี้
แต่เขาจะไปพบอิ๋งจื่อจินกลับพบไม่ได้
“คุณเฮ่อ อย่าว่าแต่คุณไม่ใช่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยแล้วเลย ต่อให้คุณเป็น ประธานมหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่คนที่คุณอยากพบก็ได้พบง่ายๆ นะ” ศาสตราจารย์ที่อยู่ตรงหน้าประตูขวางไว้ ยิ้มอย่างสุภาพ “ไม่ทราบว่าคุณมีสิทธิ์อะไรถึงได้จะบังอาจขอพบประธานมหาวิทยาลัย”
“เธอไม่ยุติธรรม!” นอกจากความอับอายแล้ว ที่มากกว่าคือเฮ่อสวินรู้สึกโมโห “สอบไม่ผ่านเหมือนกันหมด ทำไมทำกับผมไม่เหมือนคนอื่น!”
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการประกาศให้โลกรู้ว่าเขาไม่ใช่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้ว
“ประธานมหาวิทยาลัยบอกว่า นี่ก็ต้องถามคุณเฮ่อแล้วว่าเมื่อก่อนเคยทำอะไรไว้” ศาสตราจารย์พูดอ้อมค้อม “ทำกรรมเช่นไรก็ได้ผลเช่นนั้น คุณเฮ่อเป็นคนจีน น่าจะเข้าใจหลักการนี้ใช่หรือไม่ครับ”
สีหน้าของเฮ่อสวินชะงัก
นึกถึงเรื่องต่างๆ ที่เขาเคยทำตอนอยู่ชิงจื้อ เลือดบนใบหน้าก็ค่อยๆ หายไปทีละนิด
ตอนแรกเริ่มเขาไม่ชอบนักเรียนอย่างอิ๋งจื่อจิน เป็นเพราะเธอเรียนแย่
ต่อมาเป็นเพราะเธอเย่อหยิ่งเกินไป ทั้งยังรวมหัวกับพวกขาใหญ่ประจำโรงเรียนรังแกนักเรียนคนอื่น
เขาถึงได้ปฏิบัติแตกต่าง
“อ้อ จริงสิคุณเฮ่อ ประธานมหาวิทยาลัยฝากคำพูดมาบอกด้วยครับ” ศาสตราจารย์ดันแว่นตาแล้วยิ้ม
“เธอบอกว่า ความสามารถของเธอมีมากกว่าที่คุณคิด”
“แล้วก็มีของอย่างหนึ่งที่ต้องให้คุณดู”
ขณะพูดศาสตราจารย์ก็เอาสำเนาเอกสารฉบับหนึ่งออกมาวางตรงหน้าเฮ่อสวิน ทั้งยังพูดเตือน
“ดูเสร็จแล้วคืนผมด้วยนะครับ”
แผ่นหลังของเฮ่อสวินหดเกร็ง ผ่านไปสักพักเขาถึงหยิบเอกสารฉบับนี้
นี่เป็นหนังสือตอบรับเข้าเรียนต่อ
ไม่เหมือนกับบัตรเชิญ หนังสือตอบรับเข้าเรียนต่อเป็นเอกสารที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันออกให้อย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกันก็จะบันทึกลงทะเบียนนักศึกษาอีกด้วย
บัตรเชิญเป็นแค่การเชิญนักเรียนที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันเห็นแววให้มาทดสอบ หลังผ่านแล้วถึงจะได้รับหนังสือตอบรับเข้ามหาวิทยาลัย นี่เป็นสิ่งที่ได้ยากกว่าบัตรเชิญ
เฮ่อสวินก้มหน้าอย่างอึ้งๆ เห็นคำว่าหนังสือตอบรับเข้าเรียนต่อ
คณะระดับ เอสเอส มหาวิทยาลัยนอร์ตัน
สาขาเครื่องกล เวินทิงหลาน