ตอนที่ 240 การโป๊เปลือยได้เริ่มต้นขึ้นที่เมืองหลวงแล้ว
ต้องการปลิดชีวิตนาง?
ซูหวานหว่านขมวดคิ้วพยายามหาทางหนีทีไล่ แต่ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาปกป้องซูหวานหว่านและกล่าวว่า “นี่เป็นพระสนมอันเป็นที่โปรดปรานขององค์ชายรอง! เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำร้ายนาง!”
ดวงตาของซูหวานหว่านก็เบิกกว้างขึ้นโดยพลัน นางกลายเป็นนางสนมขององค์ชายรองตั้งแต่เมื่อใด?
องค์ชายรองมีเสน่ห์เพียงใดถึงสามารถทำให้นางไปเป็นสนมของเขาได้อย่างไรกัน?
ไม่ใช่เพียงซูหวานหว่านคนเดียวที่รู้สึกงุนงง แต่เย่หลิงเฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก และกวาดสายตาไปมองชายคนนั้นทันที แต่ก็จำไม่ได้ว่าคนผู้นั้นเป็นใครจึงกล่าวออกมาว่า “แม่นางคนนี้ไม่ได้งดงามมากขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดจนเกินไป นางมีคุณสมบัติใดที่เหมาะสมเป็นพระสนมขององค์ชายรองกัน แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง พวกเจ้ารีบชักดาบออกมาแล้วจัดการนางซะ!”
“หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่คำพูดของข้าไม่น่าเชื่อ?”
ทันใดนั้นน้ำเสียงเย็นชาของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น ฝู้คนต่างหันไปมองทางต้นเสียงทว่าชายที่พูดสูงประมาณแปดฉื่อได้ เขาแต่งกายด้วยผ้าทอสีส้มทองปักลวดลายสวยงาม สวมหมวกสีเขียวเข้ม รอบเอวประดับด้วยมุกหายาก กำลังเดินมาทางซูหวานหว่านอย่างเชื่องช้า
ฝูงชนต่างพากันหลีกทางให้พวกเขาโดยทันที เมื่อซูหวานหว่านหันไปมองก็พบว่าฉีเต๋อหลงยืนอยู่ข้างหลังนางแล้ว!
ฉีหลงเต๋อยกมือลูบคางของตนเองเบา ๆ พลางเหลือบมองเย่หลิงเฉิน จากนั้นกุมมือของซูหวานหว่านเอาไว้แน่น พูดออกมาอย่างจริงจัง “ทำไม? เจ้าสนใจหญิงสาวของวังหลวงอย่างงั้นรึ?”
“ว่าอย่างไรนะ? นี่…เป็นจริงอย่างงั้นรึ?” เย่หลิงเฉินตกใจและพูดออกมาอย่างขลาดกลัวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าไม่รู้เรื่องนี้! องค์ชายรองท่านจะมาตำหนิข้าไม่ได้ ท่านดูนางสนมของท่านสิ นางเดินไปตามท้องถนนแบบนี้ อีกทั้งยังไม่ได้เกล้าผมขึ้น การแต่งตัวของนางก็แสนจะธรรมดา ข้าจึงคิดว่านางเป็นผู้หญิงชาวบ้านทั่วไป! เลย…”
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ซูหวานหว่านแววตาแววตาของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นริษยาทันที จากนั้นก็เริ่มพูดคุยกัน สตรีที่ไปแอบซ่อนตัวอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะออกมาดู “ข้าก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดนางถึงเป็นนางสนมขององค์ชายรอง! การแต่งกายของนางก็ไม่ต่างไปจากคนใช้ของตระกูลข้าเลย!”
“ใช่แล้ว! อีกทั้งนางยังไม่เกล้าผมให้เรียบร้อย ดูไม่เหมือนคนที่ออกเรือนแล้วด้วยซ้ำ นางนั้นช่างเหมือนผู้หญิงที่หอนางโลม! องค์ชายรองมาเห็นเข้าคงอยากที่จะปกป้องนาง! ข้ารู้สึกละอายใจแทนนางเสียจริง!”
“…”
เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ ฉีเต๋อหลงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งมันบรรลุตามเป้าหมายที่เขาได้วางเอาไว้! ด้วยวิธีการนี้ซูหวานหว่านไม่มีทางที่จะปฏิเสธความสัมพันธ์ของนางกับเขา และนางคงไม่สามารถปฏิเสธเรื่องเป็นนางสนมของเขาอีกเช่นกัน
รอยยิ้มของฉีเต๋อหลงพลันกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็ยกมือขึ้นแล้วลูบผมของซูหวานหว่านอย่างแผ่วเบา “มันเป็นความผิดของข้าเองที่ทำให้เจ้าต้องตกใจ”
“?”
ซูหวานหว่านทั้งตกใจและประหลาดใจ นึกสงสัยในการกระทำของฉีเต๋อหลง เมื่อเห็นสายตาของทุกคนที่กำลังมองมา นางก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับองค์ชายรองอย่างงั้นเหรอ องค์ชายรองอย่าพูดเหลวไหลไปทั่ว ข้าเนี่ยนะจะเป็นนางสนมของท่าน?”
หลังจากได้ยินคำพูดของซูหวานหว่านทุกคนก็พากันส่ายหน้า และมองนางด้วยสายตาเหยียดหยาม “ไร้ยางอาย! เหตุใดยังไม่พอใจอีก ได้เป็นถึงนางสนมขององค์ชายรองก็ถือว่าเป็นบุญหัวของนางมากแล้ว”
“ใช่! อีกทั้งยังพูดจาไม่ให้เกียรติองค์ชายรองอีก หากข้าเป็นองค์ชายรองข้าจะปลดนางออกจากตำแหน่ง! แล้วก็นำตัวของนางไปขายทิ้งเสีย!”
“…”
เมื่อได้ฟังคำพูดของทุกคน ฉีเต๋อหลงก็กล่าวออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “แม่นางซู ตัวข้านี้มาที่นี่ก็เพื่อจะมาช่วยพูดแทนเจ้า ไม่เช่นนั้นท่านเย่เสี่ยวโหวจะไม่ปล่อยตัวเจ้าไป ข้าหวังว่าเจ้าจะยกโทษให้กับข้าด้วย”
ช่วยพูดแทน? มาอ้างถึงความบริสุทธิ์ใจให้ใครฟัง! เขาคิดหรือว่านางนั้นจะไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขามีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงเอาไว้อยู่ ซูหวานหว่านกลอกตาไปมาและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “องค์ชายรอง โปรดให้เกียรติตัวเองด้วย! ข้ามาจากตระกูลซูและยังเป็นสาวพรหมจารี ไม่ใช่นางสนมของใครทั้งนั้น ท่านอย่ามาพูดจาไร้สาระอะไรที่นี่เลย มันจะทำให้ข้าหาสามีไม่ได้”
ทันทีที่พูดออกมาแบบนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าความจริงมันจะเป็นเช่นนี้! เย่หลิงเฉินเองก็ตกใจเมื่อได้ยินแบบนี้ และเขาก็อยากที่จะฆ่าซูหวานหว่านเสีย แต่ดูจากรูปการณ์แล้วฉีเต๋อหลงและซูหวานหว่านดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างต่อกัน ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายคงจะโกรธมากที่ซูหวานหว่านพูดแบบนี้ออกมา!
ซูหวานหว่านเดินเข้ามาที่ร้านบะหมี่ท่ามกลางความสนใจของทุกคนที่จ้องมอง นางสั่งบะหมี่หยางชุนมาหนึ่งถ้วย ในที่สุดกลุ่มฝูงชนก็แยกย้ายกันไป ทว่าซูหวานหว่านไม่รู้เลยว่าตนได้กลายเป็นคนดังในเมืองหลวงในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น!
มีข่าวลือแพร่กระจายออกไปว่าซูหวานหว่านหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ แต่เย่เสี่ยวโหวและองค์ชายรองต่างชอบพอนาง! ทว่าพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกนางปฏิเสธ!
ไม่นานข่าวลือเรื่องนี้ก็มาถึงหูของเฉียวหน่วนอวี้ ทันทีที่นางได้ยินข่าวลือนี้ นางก็โยนถ้วยน้ำชาที่เพิ่งหยิบขึ้นมาจิบขว้างลงไปที่พื้น พร้อมกับกำหมัดแน่น “ซูหวานหว่าน! เจ้ากล้าให้ท่าองค์ชายรองอย่างงั้นรึ? มันจะมากเกินไปแล้วที่มาทำให้ข้าคลุ้มคลั่งได้ถึงเพียงนี้!”
เฉียวหน่วนอวี้จ้องมองไปที่ขนมบนโต๊ะอย่างอย่างเย็นชา แววตาของนางดูเคียดแค้น นางเหยียดแขนออกแล้วปัดชามขนมทิ้งทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและกระทืบขนมด้วยฝ่าเท้าของตนเองอย่างรุนแรง ราวกับว่าขนมที่อยู่ภายใต้เท้าของนางคือซูหวานหว่านที่อยากจะเหยียบให้แหลกคาเท้า!
ทันใดนั้นเฉียวหน่วนอวี้ก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และหยุดการกระทำของตัวเองลงแล้วพูดว่า “ซูหวานหว่านในเมื่อเจ้าชอบให้ท่าผู้ชายมากนัก ฮึ่ม… พรุ่งนี้ข้าจะทำให้เจ้าโด่งดังไปทั่วเมืองเอง!”
หลังจากนั้นเฉียวหน่วนอวี้ก็สั่งให้คนไปสืบหาว่าซูหวานหว่านพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมใด และรอเวลาให้ ‘ของกำนัลชิ้นใหญ่’ กับซูหวานหว่าน
ในตอนกลางคืนฝูงนกพากันบินกลับเข้ารัง ดวงจันทร์ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและบนถนนของเมืองหลวงยังคงคึกคักไปด้วยผู้คนอยู่
ซูหวานหว่านก็ค่อย ๆ ปีนออกไปนอกหน้าต่างและขึ้นไปนั่งมองดูดวงดาวบนหลังคา ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงภายในห้องของนาง “แล้วนางล่ะ? หายไปไหนแล้ว!”
“ไม่รู้! พวกเราได้รับเงินค่าจ้างมาแล้วจะต้องจัดการนางให้ได้ตามคำสั่ง!”
“…”
มีคนคิดอยากที่จะทำร้ายนางอีกอย่างงั้นเหรอ ซูหวานหว่านได้พักอยู่ในห้องชั้นบนสุด นางเลยแง้มเปิดกระเบื้องหลังคาออก พลันเห็นว่ามีชายร่างกายเปลือยเปล่าสามคนกำลังมองหาใครสักคนอยู่
ซูหวานหว่านครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และหยิบเข็มเงินออกมา จุ่มมันลงไปในยาสลบ ขว้างเข็มไปที่ทั้งสามทำให้พวกเขาตัวแข็งค้างไปในทันที หญิงสาวกระโดดมาจากทางนอกหน้าต่าง หยิบหมึก พู่กัน กระดาษ และหินหมึกออกมา แล้วเขียนคำสองสามคำบนหลังของชายทั้งสามคน ชายทั้งสามจ้องพากันจ้องมองไปซูหวานหว่าน ทันใดนั้นชายคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกว่า “เจ้า เจ้ากำลังจะเขียนอะไร!”
“เจ้าลองเดาดูสิ?” ซูหวานหว่านเอ่ยเยาะเย้ยออกมา วางพู่กันจีนลง จับทั้งสามคนแล้วโยนลงไปในทะเลสาบหลังโรงเตี๊ยม ขณะที่พวกเขาตกลงไปในน้ำพวกเขาก็รู้สึกเจ็บปวดและหนาวเหน็บมาก!
ทั้งสามคนตัวสั่นเทาด้วยความหนาว และรีบปีนป่ายขึ้นไปบนฝั่งทันที แต่ว่าร่างกายของพวกเขาไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น ทว่าตอนนี้มันเป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว ยังพอจะซ่อนตัวได้จึงกอดตัวเองแล้ววิ่งไปทันที
หึ นี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่มีคนโป๊เปลือยในเมืองหลวงนี้เลยก็ว่าได้!
ผู้คนมากมายที่เดินไปตามท้องถนนต่างก็พากันตกตะลึง เมื่อมองดูสิ่งที่เขียนเอาไว้ที่ด้านหลังของคนเหล่านั้นจึงได้พบกับข้อความ ‘เฉียวหน่วนอวี้ ข้ารักเจ้า!’
เฉียวหน่วนอวี้ยังไม่ได้ออกเรือนกับองค์ชายสามเลย! ทั้งสามคนทำแบบนี้เท่ากับกำลังลบหลู่ราชวงศ์! ทว่าทั้งสามคนนั้นไม่รู้เลย พวกเขาคิดว่าตัวหนังสือที่อยู่บนหลังของพวกเขาโดนน้ำคงจางหายไปแล้ว แต่ซูหวานหว่านใช้หมึกพันปีซึ่งจะมันจะไม่จางหายไปเมื่อสัมผัสกับน้ำ!
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ทั้งสามคนก็ถูกจับโดยพลลาดตระเวนและเหล่าทหารรักษาการณ์
ผู้คนบนท้องถนนต่างก็พูดกันว่านี่มันน่าขายหน้ามากที่ชายสามคนนั้นโป๊เปลือยในที่สาธารณะ
ซูหวานหว่านเดินไปที่ร้านอาหารเพื่อหาอาหารกินโดยสวมหมวกไม้ไผ่ปกปิดใบหน้าเอาไว้ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันเมื่อได้ยินสิ่งที่คนอื่นพูดถึงเรื่องนี้ นางเพียงตั้งตารอที่จะได้เห็นใบหน้าที่โกรธแค้นของเฉียวหน่วนอวี้ในตอนนี้
เมื่อคิดถึงแบบนี้ ก็รู้สึกว่าอาหารในปากยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก
“สาวน้อย หากไม่รังเกียจข้าอยากจะขอนั่งด้วยจะได้หรือไม่?” ซูหวานหว่านเงยหน้าขึ้น ก็เห็นชายคนหนึ่งสวมหน้ากากครึ่งตัวนั่งอยู่ตรงข้ามกับนาง ด้วยดวงตาที่เหมือนดวงดาวคู่นั้นทำให้ซูหวานหว่านจำได้ทันทีว่าเป็นใคร!
“ฉีเฉิงเฟิง เจ้าคิดจะทำอะไร?”