ก่อนจะเกิดสงครามที่ซึ่งรู้ดีว่าเป็นเจตนาที่แท้จริงของลูกผสมก่อนที่เหอเฟิงจะเป็นผู้ดูแลค่ายเขี้ยวหมาป่า ก่อนหน้านี้กองทัพเขี้ยวหมาป่าได้จัดการซอมบี้ในเมืองอันลูไป 200,000 ตัวแล้ว ทำให้ตอนนี้จำนวนซอมบี้ที่หลงเหลืออยู่ในเมืองอันลูเหลืออยู่ที่ประมาณ 300,000 ตัว
หลังจากการประชุมอย่างเป็นเอกฉันท์ของทุกแผนกจึงมีการตัดสินใจให้ชินหยวนนำทหาร 500 นายไปคอยประจำตามจุดลับๆระหว่างค่ายเขี้ยวหมาป่ากับตัวเมืองอันลูเอาไว้เพื่อคอยรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นได้
เมื่อถูกล้อมการโจมตีพวกเขาจึงต้องวางกำลังไว้รอบนอกเพื่อให้มีกำลังสนับสนุนจากวงนอกในคราวที่ถึงจุดวิกฤต
พวกเขาไม่มีชูฮันร่วมด้วยในสงครามครั้งนี้ไม่มีความช่วยเหลือใดๆ ไม่มีทรัพยากร มันอันตรายขนาดไหนน่ะเหรอ?
ไม่กล้าหวังถึงชัยชนะแค่หวังว่าจะไม่ถูกบดขยี้ก็เพียงพอแล้ว!
————
ค่ายเจี๋ยนอี๋และค่ายเขี้ยวหมาป่าอยู่ห่างกันเพียงแค่หนึ่งภูเขากั้นกลางเอาไว้ค่ายเจี๋ยนอี๋ซึ่งพัฒนามาจนเป็นค่ายระดับกลางโดยมีกองกำลังทหาร 5,000 นาย ตอนนี้ผู้นำค่ายอย่างหลูอี๋ซึ่งในขณะเดียวกันก็เป็นคนของค่ายเขี้ยวหมาป่าอย่างลับๆกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมภายในค่ายของตัวเอง
ด้านซ้ายของหลูอี๋คือกูเหลียงเฉินที่ปิดบังตัวตนเอาไว้ด้านขวาคือคนจากซางจิง…พลโทซุนอี๋เจีย การปรากฏตัวของกูเหลียงเฉินได้สร้างความตกใจกับซุนอี๋เจียที่ไม่ได้เตรียมตัวมาไม่น้อย ท่าทางหยิ่งผยองและความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับเหย่จือโปทำให้กูเหลียงเฉินได้นั่งถัดจากหลูอี๋
นอกเหนือจากทั้งสามคนแล้วทั้งห้องประชุมก็ยังเต็มไปด้วยเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายเจี๋ยนอี๋ ทุกคนกำลังพูดคุยถึงเรื่องสงครามที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ ทว่ากลับไม่มีใครที่เสนอความช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย
หลูอี๋แอบส่งสายตากับกูเหลียงเฉินโดยไม่ให้ใครเห็นมันมีความกังวลในแววตาของทั้งคู่หากก็รีบลบมันไปอย่างรวดเร็ว ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังตกอยู่ในวิกฤต ซึ่งทั้งคู่เองก็ได้เข้าร่วมในการปรึกษาเพื่อรับมือกับสงครามของค่ายเขี้ยวหมาป่าเหมือนกันน ทว่าในตอนนี้ต่อหน้าทุกคนมันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะออกคำสั่งส่งกองกำลังทหารจากค่ายเจี๋ยนอี๋ไปช่วยค่ายเขี้ยวหมาป่า
เพราะเมื่อสองวันที่แล้วพวกเขาได้รับคำสั่งจากซางจิงโดยมีเพียงแค่ประโยคสั้นๆ…
ทิ้งค่ายเขี้ยวหมาป่า
ความรู้สึกไร้พลังเกิดขึ้นในใจของหลูอี๋จนรู้สึกท้อแท้ซางจิงกำลังกดดันเขา แม้หลูอี๋จะสร้างค่ายเจี๋ยนอี๋ขึ้นมาด้วยน้ำมือตัวเองและการตัดสินใจทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเขา เขาสามารถเมินเฉยต่ออำนาจเหนือฟ้าของซางจิงและส่งทหารทั้ง 5,000 นายของตัวเองไปยังค่ายเขี้ยวหมาป่าเดี๋ยวนี้เลยก็ได้!
ทว่าเวลามันกระชั้นชิดเกินไปการจะเมินเฉยต่อซางจิง มันยังมีปัจจัยพื้นฐานหลายอย่างที่ต้องจัดการ ไหนจะการเห็นด้วยจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในค่าย แล้วหลักๆก็คือซุนอี๋เจีย ค่ายเจี๋ยนอี๋ดูเหมือนจะเป็นของหลูอี๋ก็จริง แต่แม้แต่กองทัพทหารของตัวเองก็ยังไม่สามารถสั่งการให้ออกไปได้ แล้วหลูอี๋จะต่อกรกับซางจิงได้ยังไง?
ค่ายเขี้ยวหมาป่ามีทหารรวมกันทั้งหมด2,000 คน ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามมีซอมบี้หลายแสนตัว แค่กลุ่มซอมบี้หลายร้อยตัวก็มากพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนตื่นกลัวกันหมด!
ในที่สุดท่ามกลางเสียงวุ่นวายในห้องประชุม ซุนอี๋เจียที่ทนไม่ไหวก็พูดขึ้น ความหมายของซางจิงก็ชัดเจนอยู่แล้ว เราไม่มีความจำเป็นจะต้องมาปรึกษาอะไรกันที่นี้เลย พูดจบซุนอี๋เจียก็ยกถ้วยชาขึ้นจิบเบาๆไม่คิดปิดบังความดีใจของตัวเอง จุดจบมันก็ชัดเจน อนาคตของเมืองอันลูจะไม่มีค่ายเขี้ยวหมาป่าอยู่
หลังจากสงครามครั้งนี้ค่ายเขี้ยวหมาป่าจะถูกทำลายย่อยยับ และกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็จะหายสาปสูญไปอย่างสมบูรณ์แบบ!
หลูอี๋และกูเหลียงเฉินสูดลมหายใจลึกพร้อมกันทั้งคู่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงบทสนทนาลับที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าล่าสุดกับวิวัฒนาการระยะ 6 ทั้งสี่คนอย่าง ซูเฟิง หลี่บี๋เฟิง หยางเทียน และราชานักล่า
ผู้กล้าที่แท้จริงจะไม่หลบหนีราชานักล่าเป็นปราการด่านสุดท้าย ทีมนักฆ่าขนนกของซูเฟิงและหลี่บี๋เฟิงเป็นแถวหน้าในการต่อสู้ ส่วนหยางเทียนมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการเคลื่อนไหวที่ไม่มีรู้จักภายในค่ายเขี้ยวหมาป่าและเมืองอันลู
สำหรับราชานักล่าก็ถูกเหอเฟิงจัดการวางตำแหน่งให้เรียบร้อย นั่นก็คือรับผิดชอบค่ายเขี้ยวหมาป่าเป็นหลัก!
หลูอี๋ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าถูกทำลาย ราชานักล่าจะสร้างจลาจลขึ้นในค่ายเจี๋ยนอี๋และลอบสังหารซุจอี๋เจียและเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายทั้งหมด!
จากนั้น—–
ค่ายเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดจะย้ายมาที่ค่ายเจี๋ยนอี๋!
ทุกคนรู้ดีว่าค่ายเขี้ยวหมาป่าจะไม่หายไปไหนแต่เมื่อลูกผสมทำสำเร็จแล้วผลลัพธ์ที่ตามมาไม่อาจจะจินตนาการได้
มันเป็นขั้นตอนในการเล่นหมากรุกและนี้คือแผนการสุดท้ายของค่ายเขี้ยวหมาป่า และมันจะเปิดเผยทุกอย่าง
ในเวลาเดียวกันจุดจบอันยิ่งใหญ่ของกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็จะถูกประกาศออกไปทั่ว อย่างนั้นค่ายเขี้ยวหมาป่าก็จะหายไปเลยเหรอ? เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของค่ายเจี๋ยนอี๋พูดขึ้นพร้อมส่ายหัว มันมีความสงสารในแววตาของเขา ฉันยังจำได้ว่าชูฮันพร้อมกับทหาร 300 คน ที่ปรากฏตัวที่ประตูเมืองของเราพร้อมกับรัศมีอำนาจ ภาพนั้นยังอยู่ในหัวอยู่เลย
ใช่แล้ว! นายทหารคนหนึ่งตะโกนขัดขึ้นมา ตอนนี้ที่มีการประลอง พวกเขาแข็งแกร่งมากจริงๆ!
น่าเสียดายที่ชูฮันตายแล้ว! ทันทีที่ประโยคพูดขึ้นมา ทั้งห้องประชุมก็ตกอยู่ในความเงียบกริบ
ซุนอี๋เจียยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจหลูอี๋และกูเหลียงเฉินได้แต่เก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้พร้อมกับความกังวล
ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังเผชิญกับการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่แต่ไม่มีใครได้ข่าวจากชูฮันเลย?
เขาอยู่ที่ไหนกัน?! —————
ที่ทางทิศใต้ของค่ายหนานตู้ห่างออกมาไม่ถึงสิบกิโลเมตรณ แม่น้ำสายหนึ่งที่เดิมเคยมีวิวภูเขาสวยงาม ตอนนี้เต็มไปด้วยสีดำ คลุ้งด้วยกลิ่นเหม็นเน่าในอากาศ เศษเนื้อเหม็นเน่ากระจัดกระตายเต็มพื้นไปหมด ร่างซอมบี้จำนวนมากที่ชุ่มเลือดจะชิ้นส่วนหลุดขาด ภาพที่เกิดขึ้นมันน่าสยดสยองและนองเลือดจนน่าหวาดหวั่นแก่ผู้พบเห็น
ถัดไปที่ก้อนหินใหญ่ข้างแม่น้ำชูฮันนั่งผิงก้อนหิน โดยแขนข้างหนึ่งจับขวานซิ่วโหลซึ่งกำลังเปล่งลำแสงสีดำจ้าสะท้อนแสงอาทิตย์อยู่
ตรงข้ามชูฮันคือเกาช้าวฮุ่ยที่ท่าทางกระฉับกระเฉงกำลังถลกหนังกระต่ายป่าอย่างชำนาญแล่เนื้อ โรยเหลือ พริกไทยเพื่อปรุงรสก่อนจะนำไปย่างไฟ
ภาพที่เกิดขึ้นทำให้หวังไคหวาดกลัวอย่างมากจนมันจินตนาถึงตัวเอง!
และที่ทำให้หวังไคยิ่งกลัวเข้าอีกก็คือความเข้ากันได้แบบประหลาดๆของชูฮันและเกาช้าวฮุ่ย
เกาช้าวฮุ่ยที่มาจากตระกูลลึกลับ!
ตระกูลเกา!
อยากจะบ้าตาย!
การเผชิญหน้ากับคนที่น่ากลัวแบบนี้แต่ชูฮันยังมีสีหน้าไม่สนใจอะไร แถมยังดูเหมือนจะนอนรอให้เกาช้าวฮุ่ยย่างเนื้อให้กินอีก?
นี้มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?