”เร็วเข้า!”ชายหนุ่มที่ทุกคนไม่รู้จักซึ่งกระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ตามคำสั่งของคนที่อยู่ในห้องโดยสาร เขายืนโบกมือไปมาด้วยท่าทางตื่นเต้นเกินเหตุ
ซางจิ่วตี้ขมวดคิ้วทันทีขณะมองตัวอักษรที่เขียนว่าค่ายจินหยางบนลำตัวเฮลิคอปเตอร์เธอไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังประสบอยู่ในตอนนี้ ยิ่งเหล่าทหารด้านหลังยิ่งสับสนหนักเข้าไปอีก? พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ชายหนุ่มที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในขณะนี้หันหน้ามาสบตากับซางจิ่วตี้ด้วยท่าทางกระตือรือร้นและตื่นตัวอย่างสุดขีด ก่อนจะพูดออกมาหนึ่งคำซึ่งไม่มีใครเข้าใจเลยว่ามันคืออะไร
”เยี่ยม!”
ทุกคนต่างอุทานในใจด้วยความงุนงงครั้งแล้วครั้งเล่าเหล่าทหารหน่วยรักความปลอดภัยของค่ายเขี้ยวหมาป่ารวมถึงหยางเทียนได้แต่นิ่งค้างกันหมด
นี้มันอะไร?นักโทษแหกคุกเหรอ?
ซางจิ่วตี้ยิ่งสับสนกว่าใครนี้มันเรื่องบ้าอะไร? แล้วทำไมทุกคนต้องเรียกเธอมา? คนตรงหน้านี้มาจากค่ายจินหยางเหรอ
ในตอนนั้นเองซงเสี่ยวที่พึ่งตามมาถึงและได้ยินเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นก็แสดงตัวขึ้นมา
กลุ่มคนในเฮลิคอปเตอร์ลงมาเคลื่อนย้ายของลงจากเฮลิคอปเตอร์มือระวิงในขณะที่กลุ่มทหารของค่ายเขี้ยวหมาป่ายืนมึนงงทำอะไรไม่ถูก หยางเทียนและซางจิ่วตี้เองก็กำลังกรีดร้องอยู่ในใจด้วยความสับสน
ซงเสี่ยวหยุดนิ่งก่อนจะมองข้าวของมหาศาลตรงหน้านิ่งแม้ว่าตอนนี้มันจะสายเกินไปที่จะถามไถ่ที่มาที่ไป แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีและยังหงุดหงิดมากด้วย “เหมิงชีเหว่ย? นายจะเอาของมาทำไมมากมาย? ลืมไปรึไงว่าว่าเราต้องเสียเวลาย้อนเอาของมาลงที่ค่ายก่อน แทนที่จะได้ตรงไปที่สนามรบเลย!” อะไรน่ะ?
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของซงเสี่ยวทุกคนก็ตกใจกันหมด ทุกคนต่างหันขวับกันหมด สายตาจับจ้องไปที่ซงเสี่ยวเป็นตาเดียวกันหมด
เหมิงชีเหว่ย?ย้อนกลับมา? ตรงไปที่สนามรบ?
ซงเสี่ยวเด็กนี้…
ซางจิ่วตี้หันไปมองเด็กหนุ่มตรงหน้าจากนั้นก็มองไปยังเหมิงชีเหว่ย หัวหน้าหน่วยข่าวกรองลับแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่า
ซึ่งมาจากค่ายจินหยางพร้อมกับเสบียงมากมาย!
สถานการณ์ของค่ายเขี้ยวหมาป่าในตอนนี้เรียดว่าเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยประสบมา
เหมิงชีเหว่ยเหลือบมองซงเสี่ยวด้วยความข้องใจและสงสัยหากไม่นานเขาก็ต้องตาโตเมื่อนึกขึ้นได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของซงเสี่ยว! ในจังหวะบรรยากาศแปลกๆจู่ๆท่ามกลางความเงียบ
”ไปไป ไป เร็ว! รีบขึ้นเครื่องไป!” จู่ๆเหมิงชีเหว่ยก็ตอบสนองต่อคำพูดของซงเสี่ยว เขารีบหมุนตัวหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องตัว ท่าทางตื่นตระหนกเต็มที่ หน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มไปหมด ก่อนจะหันกลับไปมองซงเสี่ยวอีกรอบ “ตำแหน่งอยู่ตรงไหน?!”
ซางจิ่วตี้และหยางเทียนที่ยืนเงียบนิ่งมาตลอดก็ตื่นตัวขึ้นมาเมื่อประมวลผลคำพูดของซงเสี่ยวออกทั้งสองรีบกระโดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตามไปทันที!
”ยังไม่สามารถสรุปสถานการณ์ของทางเราได้แน่ชัดแต่ทีมลาดตระเวนยังไม่กลับมาเลย ดังนั้นสถานการณ์คงไม่ค่อยสู้ดีนัก!” ซงเสี่ยวตอบทันที การพูดของเขาไม่เหมือนเด็กหนุ่มทั่วไป ทุกอย่างมันกระชับ สั้น ได้ใจความ แถมยังเพิ่มการคาดเดาส่วนตัวเข้าไปอีก “เราควรบินตรงไปทางทิศเหนือที่ภูเขาลูกใหญ่ห่างจากที่นี้ไป 20 กิโลเมตร กองทัพเขี้ยวหมาป่าพึ่งจะหายไปจากตรงจุดนั้น!”
แล้วทำไมต้องมาขนถ่ายเสบียงที่นี้ก่อน?
มันเสียเวลาทำไมต้องบินย้อนมาถ่ายของลงกก่อนแทนที่จะมุ่งหน้าไปช่วยกองทัพเขี้ยวหมาป่าเลย?
”ใช้สมองได้ฉลาดดีนี่ขอตัวก่อน” เหมิงชีเหว่ยไม่มีเวลาจะทักทายหรืออธิบายอะไรทั้งนั้น เขาปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก หมุนตัวและกระโดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปทันที
สถานการณ์เร่งด่วนมากมันไม่มีเวลามาให้ล่าช้าแล้ว!
เพราะทุกคนช่วยกันเร่งมือขนของกันอย่างเต็มพลังมันจึงสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว ทันทีที่ห้องโดยสารว่าง คนอื่นๆก็โดดกระโดดขึ้นไปจับจองที่นั่งทันที ตามมาด้วยใบพัดอันทรงพลังที่หมุนวนตีในอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อยๆทะยานตัวขึ้นฟ้าและบินออกไปท่ามกลางสายตาของทหารรักความปลอดภัยของค่ายเขี้ยวหมาป่าที่ได้แต่ยืนมองจนลับสายตา เพราะความรีบเร่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขายังไม่มีแม้แต่เวลาได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการทำให้หยางเทียน ซางจิ่วตี้และทหารของค่ายเขี้ยวหมาป่าบางส่วนที่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาด้วยได้แต่นั่งนิ่งอย่างทำตัวไม่ถูกไปพักใหญ่
”อะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หยางเทียนที่พึ่งจะได้สติกลับมาก็พูดติดอ่าง ปากสั่น ความรู้สึกมากมายหลั่งไหลทะลักเข้ามาจนท่วมท้น
คนอื่นๆในทีมรักษาความปลอดภัยก็ยังไม่แน่ชัดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพวกเขาได้แต่มองสลับไปมาระหว่างซงเสี่ยวและซางจิ่วตี้
”นายคือหัวหน้าหน่วยข่าวกรองลับแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่า?”ซางจิ่วตี้จ้องซงเสี่ยวพร้อมกับถามออกมา
”ใช่ขอโทษที่ไม่มีเวลาได้ทันแนะนำตัว” ซงเสี่ยวเองที่ได้สติก็รีบเอ่ยขอโทษ เขาก้มหัวลงเล็กน้อย “ฉันค่อนข้างกังวลใจ ต้องขอโทษที่ตัดสินใจอะไรเร่งด่วน” ”ไม่เป็นไรเก่งนี่” ซางจิ่วตี้ยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น จ้องตาซงเสี่ยวด้วยความชื่นชม
การพาเฮลิคอปเตอร์บุกไปยังสนามรบไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่กำลังจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ แต่ยังเป็นการลำเลียงส่งของจำเป็นให้แก่ค่ายเขี้ยวหมาป่า ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับทั้งสองสถานการณ์ในเวลาเดียวกัน!
ซงเสี่ยวเองก็เป็นสมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าเขาได้พบกับชูฮันที่ค่ายหนานตู้ และถูกหลูปิงเซ่อพากลับมา ในเมื่อพวกเขาเป็นหนึ่งในกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็น่าจะคุ้นเคยกันดี และเธอก็ได้ยินว่าตอนนี้หน่วยข่าวกรองลับของเรานั้นควบคุมข้อมูลและข่าวกรองไว้ในมือมากที่สุดกว่าแผนกไหนๆก็ตามในจีน
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นดังกล่าาว ทว่าในขณะนี้ข้อมูลภายในของค่ายเขี้ยวหมาป่ากลับมีน้อยเกินไป เพราาะสมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับกระจายตัวไปอยู่ตามค่ายต่างๆการทำงานที่ลึกลับซับซ้อนและเต็มไปด้วยการเข้ารหัสลับในทุกขั้นตอนทำให้ยากที่จะมีใครเข้าถึงได้
ซางจิ่วตี้รู้สึกสบายใจเมื่อได้รู้ว่าตำแหน่งที่จำเป็นที่สุดของหน่วยข่าวกรองลับซึ่งต้องผ่านการเข้ารหัสลับเพื่อการป้องกันหลายชั้น ตำแหน่งที่เต็มไปด้วยอำนาจและต้องใช้ความจงรักภักดีนั้นอยู่ในมือของซงเสี่ยว
อีกหนึ่งการจัดการวางแผนโดยชูฮันที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า!
ตอนนี้ในที่สุดซางจิ่วตี้ก็เข้าใจถึงความจำเป็นที่ชูฮันต้องก่อตั้งหน่วยข่าวกรองลับขึ้แล้วนมา และในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมชูฮันถึงมักทำให้คนอื่นรู้สึกด้อยกว่าและเดินตามไม่ทันอยู่เสมอ เพราะเขาคาดการณ์ทุกอย่างได้ไปหนึ่งก้าวก่อนเสมอจากข้อมูลในมือที่มี
ตั้งแต่แรกเริ่มหน่วยข่าวกรองลับถูกก่อตั้งโดยชูฮันคนเดียว ไม่มีใครในค่ายเขี้ยวหมาป่าเข้าร่วมด้วย สมาชิกทุกคนของหน่วยข่าวกรองลับถูกชูฮันคัดเลือกโดยตัวเอง ทั้งการจัดระดับงาน จัดระบบภายใน การพัฒนาขอบเขตงาน ทุกอย่างถูกวางไว้โดยชูฮันทั้งหมด
ไม่มีความช่วยเหลือไม่มีการสนับสนุน ไม่มีทรัพยากร ไม่มีอะไรเลย แต่มันกลับก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนเกินกว่าจะจินตนาการได้ถึง ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
”สุดยอดไปเลย!”หยางเทียนที่ในที่สุดก็ได้สติ จู่ๆก็ตะโกนขึ้นมา “เหมิงชีเหว่ย! สุดยอดไปเลย ดูจำนวนของที่ได้มาสิ เขาเอามันมาได้ยังไง?”
ซางจิ่วตี้ขมวดคิ้วทันทีขณะมองตัวอักษรที่เขียนว่าค่ายจินหยางบนลำตัวเฮลิคอปเตอร์เธอไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังประสบอยู่ในตอนนี้ ยิ่งเหล่าทหารด้านหลังยิ่งสับสนหนักเข้าไปอีก? พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ชายหนุ่มที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในขณะนี้หันหน้ามาสบตากับซางจิ่วตี้ด้วยท่าทางกระตือรือร้นและตื่นตัวอย่างสุดขีด ก่อนจะพูดออกมาหนึ่งคำซึ่งไม่มีใครเข้าใจเลยว่ามันคืออะไร
”เยี่ยม!”
ทุกคนต่างอุทานในใจด้วยความงุนงงครั้งแล้วครั้งเล่าเหล่าทหารหน่วยรักความปลอดภัยของค่ายเขี้ยวหมาป่ารวมถึงหยางเทียนได้แต่นิ่งค้างกันหมด
นี้มันอะไร?นักโทษแหกคุกเหรอ?
ซางจิ่วตี้ยิ่งสับสนกว่าใครนี้มันเรื่องบ้าอะไร? แล้วทำไมทุกคนต้องเรียกเธอมา? คนตรงหน้านี้มาจากค่ายจินหยางเหรอ
ในตอนนั้นเองซงเสี่ยวที่พึ่งตามมาถึงและได้ยินเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นก็แสดงตัวขึ้นมา
กลุ่มคนในเฮลิคอปเตอร์ลงมาเคลื่อนย้ายของลงจากเฮลิคอปเตอร์มือระวิงในขณะที่กลุ่มทหารของค่ายเขี้ยวหมาป่ายืนมึนงงทำอะไรไม่ถูก หยางเทียนและซางจิ่วตี้เองก็กำลังกรีดร้องอยู่ในใจด้วยความสับสน
ซงเสี่ยวหยุดนิ่งก่อนจะมองข้าวของมหาศาลตรงหน้านิ่งแม้ว่าตอนนี้มันจะสายเกินไปที่จะถามไถ่ที่มาที่ไป แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีและยังหงุดหงิดมากด้วย “เหมิงชีเหว่ย? นายจะเอาของมาทำไมมากมาย? ลืมไปรึไงว่าว่าเราต้องเสียเวลาย้อนเอาของมาลงที่ค่ายก่อน แทนที่จะได้ตรงไปที่สนามรบเลย!” อะไรน่ะ?
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของซงเสี่ยวทุกคนก็ตกใจกันหมด ทุกคนต่างหันขวับกันหมด สายตาจับจ้องไปที่ซงเสี่ยวเป็นตาเดียวกันหมด
เหมิงชีเหว่ย?ย้อนกลับมา? ตรงไปที่สนามรบ?
ซงเสี่ยวเด็กนี้…
ซางจิ่วตี้หันไปมองเด็กหนุ่มตรงหน้าจากนั้นก็มองไปยังเหมิงชีเหว่ย หัวหน้าหน่วยข่าวกรองลับแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่า
ซึ่งมาจากค่ายจินหยางพร้อมกับเสบียงมากมาย!
สถานการณ์ของค่ายเขี้ยวหมาป่าในตอนนี้เรียดว่าเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยประสบมา
เหมิงชีเหว่ยเหลือบมองซงเสี่ยวด้วยความข้องใจและสงสัยหากไม่นานเขาก็ต้องตาโตเมื่อนึกขึ้นได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของซงเสี่ยว! ในจังหวะบรรยากาศแปลกๆจู่ๆท่ามกลางความเงียบ
”ไปไป ไป เร็ว! รีบขึ้นเครื่องไป!” จู่ๆเหมิงชีเหว่ยก็ตอบสนองต่อคำพูดของซงเสี่ยว เขารีบหมุนตัวหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องตัว ท่าทางตื่นตระหนกเต็มที่ หน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มไปหมด ก่อนจะหันกลับไปมองซงเสี่ยวอีกรอบ “ตำแหน่งอยู่ตรงไหน?!”
ซางจิ่วตี้และหยางเทียนที่ยืนเงียบนิ่งมาตลอดก็ตื่นตัวขึ้นมาเมื่อประมวลผลคำพูดของซงเสี่ยวออกทั้งสองรีบกระโดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตามไปทันที!
”ยังไม่สามารถสรุปสถานการณ์ของทางเราได้แน่ชัดแต่ทีมลาดตระเวนยังไม่กลับมาเลย ดังนั้นสถานการณ์คงไม่ค่อยสู้ดีนัก!” ซงเสี่ยวตอบทันที การพูดของเขาไม่เหมือนเด็กหนุ่มทั่วไป ทุกอย่างมันกระชับ สั้น ได้ใจความ แถมยังเพิ่มการคาดเดาส่วนตัวเข้าไปอีก “เราควรบินตรงไปทางทิศเหนือที่ภูเขาลูกใหญ่ห่างจากที่นี้ไป 20 กิโลเมตร กองทัพเขี้ยวหมาป่าพึ่งจะหายไปจากตรงจุดนั้น!”
แล้วทำไมต้องมาขนถ่ายเสบียงที่นี้ก่อน?
มันเสียเวลาทำไมต้องบินย้อนมาถ่ายของลงกก่อนแทนที่จะมุ่งหน้าไปช่วยกองทัพเขี้ยวหมาป่าเลย?
”ใช้สมองได้ฉลาดดีนี่ขอตัวก่อน” เหมิงชีเหว่ยไม่มีเวลาจะทักทายหรืออธิบายอะไรทั้งนั้น เขาปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก หมุนตัวและกระโดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปทันที
สถานการณ์เร่งด่วนมากมันไม่มีเวลามาให้ล่าช้าแล้ว!
เพราะทุกคนช่วยกันเร่งมือขนของกันอย่างเต็มพลังมันจึงสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว ทันทีที่ห้องโดยสารว่าง คนอื่นๆก็โดดกระโดดขึ้นไปจับจองที่นั่งทันที ตามมาด้วยใบพัดอันทรงพลังที่หมุนวนตีในอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อยๆทะยานตัวขึ้นฟ้าและบินออกไปท่ามกลางสายตาของทหารรักความปลอดภัยของค่ายเขี้ยวหมาป่าที่ได้แต่ยืนมองจนลับสายตา เพราะความรีบเร่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขายังไม่มีแม้แต่เวลาได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการทำให้หยางเทียน ซางจิ่วตี้และทหารของค่ายเขี้ยวหมาป่าบางส่วนที่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาด้วยได้แต่นั่งนิ่งอย่างทำตัวไม่ถูกไปพักใหญ่
”อะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หยางเทียนที่พึ่งจะได้สติกลับมาก็พูดติดอ่าง ปากสั่น ความรู้สึกมากมายหลั่งไหลทะลักเข้ามาจนท่วมท้น
คนอื่นๆในทีมรักษาความปลอดภัยก็ยังไม่แน่ชัดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพวกเขาได้แต่มองสลับไปมาระหว่างซงเสี่ยวและซางจิ่วตี้
”นายคือหัวหน้าหน่วยข่าวกรองลับแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่า?”ซางจิ่วตี้จ้องซงเสี่ยวพร้อมกับถามออกมา
”ใช่ขอโทษที่ไม่มีเวลาได้ทันแนะนำตัว” ซงเสี่ยวเองที่ได้สติก็รีบเอ่ยขอโทษ เขาก้มหัวลงเล็กน้อย “ฉันค่อนข้างกังวลใจ ต้องขอโทษที่ตัดสินใจอะไรเร่งด่วน” ”ไม่เป็นไรเก่งนี่” ซางจิ่วตี้ยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น จ้องตาซงเสี่ยวด้วยความชื่นชม
การพาเฮลิคอปเตอร์บุกไปยังสนามรบไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่กำลังจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ แต่ยังเป็นการลำเลียงส่งของจำเป็นให้แก่ค่ายเขี้ยวหมาป่า ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับทั้งสองสถานการณ์ในเวลาเดียวกัน!
ซงเสี่ยวเองก็เป็นสมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าเขาได้พบกับชูฮันที่ค่ายหนานตู้ และถูกหลูปิงเซ่อพากลับมา ในเมื่อพวกเขาเป็นหนึ่งในกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็น่าจะคุ้นเคยกันดี และเธอก็ได้ยินว่าตอนนี้หน่วยข่าวกรองลับของเรานั้นควบคุมข้อมูลและข่าวกรองไว้ในมือมากที่สุดกว่าแผนกไหนๆก็ตามในจีน
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นดังกล่าาว ทว่าในขณะนี้ข้อมูลภายในของค่ายเขี้ยวหมาป่ากลับมีน้อยเกินไป เพราาะสมาชิกของหน่วยข่าวกรองลับกระจายตัวไปอยู่ตามค่ายต่างๆการทำงานที่ลึกลับซับซ้อนและเต็มไปด้วยการเข้ารหัสลับในทุกขั้นตอนทำให้ยากที่จะมีใครเข้าถึงได้
ซางจิ่วตี้รู้สึกสบายใจเมื่อได้รู้ว่าตำแหน่งที่จำเป็นที่สุดของหน่วยข่าวกรองลับซึ่งต้องผ่านการเข้ารหัสลับเพื่อการป้องกันหลายชั้น ตำแหน่งที่เต็มไปด้วยอำนาจและต้องใช้ความจงรักภักดีนั้นอยู่ในมือของซงเสี่ยว
อีกหนึ่งการจัดการวางแผนโดยชูฮันที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า!
ตอนนี้ในที่สุดซางจิ่วตี้ก็เข้าใจถึงความจำเป็นที่ชูฮันต้องก่อตั้งหน่วยข่าวกรองลับขึ้แล้วนมา และในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมชูฮันถึงมักทำให้คนอื่นรู้สึกด้อยกว่าและเดินตามไม่ทันอยู่เสมอ เพราะเขาคาดการณ์ทุกอย่างได้ไปหนึ่งก้าวก่อนเสมอจากข้อมูลในมือที่มี
ตั้งแต่แรกเริ่มหน่วยข่าวกรองลับถูกก่อตั้งโดยชูฮันคนเดียว ไม่มีใครในค่ายเขี้ยวหมาป่าเข้าร่วมด้วย สมาชิกทุกคนของหน่วยข่าวกรองลับถูกชูฮันคัดเลือกโดยตัวเอง ทั้งการจัดระดับงาน จัดระบบภายใน การพัฒนาขอบเขตงาน ทุกอย่างถูกวางไว้โดยชูฮันทั้งหมด
ไม่มีความช่วยเหลือไม่มีการสนับสนุน ไม่มีทรัพยากร ไม่มีอะไรเลย แต่มันกลับก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนเกินกว่าจะจินตนาการได้ถึง ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
”สุดยอดไปเลย!”หยางเทียนที่ในที่สุดก็ได้สติ จู่ๆก็ตะโกนขึ้นมา “เหมิงชีเหว่ย! สุดยอดไปเลย ดูจำนวนของที่ได้มาสิ เขาเอามันมาได้ยังไง?”