เมื่อเห็นว่าหวังเฉินกำลังจะเดินผ่านหน้าเจียงเทียนชิงเข้ามาในเต้นท์หลิวยู่ติงที่รีบตามมาติดๆก็เหงื่อแตกพลั่กเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีเพื่อไม่ให้หวังเฉินเกิดสงสัยขึ้นมา หลิวยู่ติงที่กำลังลนลานตัดสินใจเข้ามาขวางหน้าหวังเฉินเอาไว้
”ผมพูดไปแล้วนะ?”หลิวยู่ติงยืนเท้าเอวมือแตะที่กริชตรงบั้นเอว สีหน้าขมึง “ผมพูดไปชัดเจนแล้วว่าตอนนี้ท่านพลเอกกำลังพักผ่อนอยู่ ทำไมคุณต้องรีบร้อนเข้าไปในเต้นท์ของท่านพลเอกขนาดนี้ มีอะไรเร่งด่วนขนาดนั้นงั้นเหรอ?”
หลิวยู่ติงเน้นคำว่าพลเอกอย่างชัดๆเป็นการแนะนำหวังเฉินทางอ้อมว่านี้คือที่ตั้งค่ายรบของกองทัพทหารของชูฮัน มันอาจเกิดการนองเลือดขึ้นได้ทุกเมื่อโดยไม่มีใครสืบหาความจริงได้ แถมหลิวยู่ติงยังปล่อยจิตสังหารรุนแรงออกกมาอีกเพื่อกดดันให้หวังเฉินรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะทำอะไรก็ได้ มือข้างขวาของหลิวยู่ติงกำรอบกริชตรงเอว
ถ้าไม่ฟัง…อาจจะโดนอุ้มไปฆ่าหมกป่าเมื่อไหร่ก็ได้!
หวังเฉินเหลือบมองหลิวยู่ติงที่กำกริชตรงเอวไว้แน่นราวกับพร้อมจะชักใส่เขาได้ทุกเมื่อทันใดนั้นหวังเฉินก็รู้สึกความเย็นวาบที่พุ่งเข้ามาในใจ…กองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่มีความเกรงกลัวเลย แม้แต่พลตรีหลิวยู่ติงยังกล้าจะชักอาวุธใส่เขา พวกนี้มันเป็นเครื่องจักรสังหารรึยังไง?
แม้กระทั่งผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงยังไม่กล้าทำตัวต่อกรแบบนี้กับเขาเลย!
แต่ไม่นานหวังเฉินก็ตระหนักได้ถึงปัญหาอย่างหนึ่ง การที่หลิวยู่ติงดูกระวนกระวายขนาดกล้าเอาตัวมาขวางเขาไว้แบบนี้ ไม่ใช่ว่ามันมีปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นอยู่ในเต้นท์รึเปล่า?
ไม่แน่ชูฮันอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่เลยก็เป็นได้! ความเป็นไปได้นี้แวบเข้ามาในหัวหวังเฉินตราบใดที่ข่าวการหายตัวของชูฮันจากค่ายได้รับการยืนยัน ชูฮันก็จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งของอาชญกรรมที่เกิดขึ้นในค่ายจินหยางทันที!
หวังเฉินแสยะยิ้มออกมาและแทนที่จะดึงดันเข้าไปในเต้นท์จู่ๆหวังเฉินกลับเปลี่ยนเป็นเดินวนรอบหลิวยู่ติงแทน “พลตรีหลิวยู่ติง วิ่งมาขวางหน้าผมแบบนี้มันไม่ดีเลยนะครับ พลเอกชูฮันเป็นพลเอกก็จริง อ่า…แต่ตอนที่ผมอยู่ซางจิง ผมยังสามารถเดินเข้าห้องผู้บัญชาการมู๋ได้ทุกเมื่อที่ผมต้องการ แต่เอาเถอะที่นี้ไม่ใช่ซางจิง ผมไม่อยากจะสร้างปัญหา ถ้าอย่างนั้นรบกวนพลตรีหลิวยู่ติงไปแจ้งพลเอกชูฮันล่วงหน้าให้หน่อยว่าผมต้องการพบ”
คำพูดของหวังเฉินฟังดูสุภาพและแสดงออกถึงความเคารพหากที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย ประโยคที่ว่า ‘สามารถเดินเข้าห้องผู้บัญชาการมู๋ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ’ นั้นแสดงให้เห็นถึงอำนาจที่หวังเฉินมีภายในซางจิง ราวกับว่าหวังเฉินต้องการประกาศว่าเขาไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใครทั้งนั้น
แม้แต่กับผู้บัญชาการมู๋ก็ยังไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทแล้วทำไมกับชูฮันเขาต้องทำ?
การพูดจาเช่นนี้ต่อหน้ากองทัพเขี้ยวหมาป่ามันคือการแสดงถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของหวังเฉินชัดเจน ความหมายของหวังเฉินก็คือ…เขาต้องการจะพบหน้าชูฮันเดี๋ยวนี้!
เมื่อได้เห็นทัศนคติที่แสดงออกมาของหวังเฉินทันใดนั้นเองหลิวยู่ติงก็ตระหนักได้ทันทีว่า ถ้าแม้แต่ผู้บัญชาการมู๋ หวังเฉินยังกล้าทำแบบนั้นจริง แสดงว่ามีคนอำนาจใหญ่โตคอยหนุนหลังหวังเฉินอยู่ และอีกไม่นานหวังเฉินจะต้องบุกเข้าไปในเต้นท์แน่ๆ
ในขณะที่หวังเฉินยืนยันเจตนาตัวเองชัดเจนส่วนหลิวยู่ติงก็ใส่เกียร์พร้อมปะทะเต็มที่ เจียงเทียนชิงที่อยู่ข้างๆและพึ่งได้สติกลับมาจากคำพูดของเหอเฟิง
เจียงเทียนชิงมองผู้ชายร่างใหญ่สองคนที่ยืนเผชิญหน้ากันตรงหน้าไปมาต่างฝ่ายต่างยืนข่มกัดฟันใส่กันไปมาราวกับพร้อมจะพุ่งเข้าใส่กันได้ทุกเมื่อ
ทันใดนั้นเจียงเทียนชิงก็รีบเปลี่ยนท่าทีของตัวเองทันทีเขารีบประสานมือยกขึ้นมาอยู่ตรงหน้าอก ย่อเข่าลงเล็กน้อย ทำท่าเคอะเขินราวกับเด็กหญิงที่กำลังเขินอายยามได้เจอผู้ชายหล่อเหลา “ว้าววว! คุณคือท่านหวังเฉินใช่มั้ย? หล่อเหลือเกิน!”
”ฟู่~”
”เ*ยยย!”
”*ส!”
เจ้าหน้าที่ที่ประจำการไม่กี่คนในพื้นที่ไม่จากจุดเกิดเหตุพวกเขาได้เห็นเจียงเทียงชิงที่เหมือนถูกผีเข้าสิงก็ตกใจสะดุ้งกันหมด หลิวยู่ติงที่อยู่ข้างๆเองก็ตะลึงคางพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน แม้แต่ก่อนนี้กำลังคิดจะทำอะไรอยู่ยังลืมไปหมด
หวังเฉินตกใจมองเจียงเทียนชิงด้วยสีหน้าหวาดๆ หัวใจเต้นรัวกว่าหมื่นครั้งต่อนาที
แม่มึงสิ!นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีก?
เจียงเทียนชิงเห็นทุกคนในชีวิตของเขากำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป แววตาของเจียงเทียนชิงก็หม่นลงอย่างท้อแท้…ชื่อเสียงของเขาป่นปี้หมดแล้ว
และในตอนที่ทุกคนคิดว่าการถ่วงเวลาของเจียงเทียนชิงอาจจะยื้อหวังเฉินไว้ได้สักพักหนึ่งจู่ๆสีหน้าและสายตาของหวังเฉินก็เปลี่ยนไป และภายในพริบตาหวังเฉินก็เร่งความเร็วขึ้นกระทันหันมุ่งหน้าไปยังเต้นท์ของชูฮันที่ตั้งอยู่อย่างรวดเร็วและเหนือความคาดหมายของทุกคน
”พรึบ!”
ความเร็วของหวังเฉินนั้นค่อนข้างรวดเร็วอย่างมากแน่นอนว่าทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะต่ำที่ยืนประจำการอยู่ห่างไปไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้ทัน แม้แต่กลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะสูงที่อยู่รอบๆหวังเฉินตั้งแต่แรกยังขยับตัวตามไม่ทันเลย หวังเฉินมาถึงหน้าทางเข้าเต้นท์มือข้างหนึ่งเอื้อมออกมาเพื่อเลิกผ้าใบขึ้นเปิด และในจังหวะที่มือของหวังเฉินกำลังจะแตะนั่นเอง——
”จับตัวเขาไว้!”หลิวยู่ติงออกคำสั่งเสียงดังสนั่นและรีบพุ่งตัวตามมาทันที จิตสังหารรุนแรงระเบิดโพล่งออกมาด้วยอารมณ์เดือดดาล
เจียงเทียนชิงเองก็ไม่คิดว่าผลลัพธ์จะกลายเป็นแบบนี้หากแค่พริบตาเดียวเจียงเทียนชิงก็รีบเคลื่อนตัวไปด้านหน้าทันที เขาเป็นกัปตันทีมลาดตระเวนของหัวหน้าชูฮัน มีความสามารถพิเศษด้านความรวดเร็ว แต่เขากลับปล่อยให้หวังเฉินหลุดมือไปได้และตัวเองกลายเป็นต้องตามหลังแบบนี้…
เหอเฟิงที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในของอีกเต้นท์หนึ่งก็กำลังตึงเครียดในใจร้อนรนอย่างมาก
มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้นี้ต้องไม่ใช่จุดจบของเขี้ยวหมาป่า!
ตอนนี้ชูฮันไม่ได้อยู่ที่ค่ายถ้าหวังเฉินค้นพบความลับนี้ละก็ ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นไปได้สองทาง
อย่างแรกข่าวที่ชูฮันไม่อยู่จะค่ายจะกระจายไปทั่วทั้งจีน และชูฮันจะถูกทุกค่ายในจีนตามล่าตัวในโทษฐานเป็นคนก่ออาชญกรรมที่ค่ายจินหยาง กองทัพเขี้ยวหมาป่าจะไม่ได้ต้องเผชิญหน้าแค่กองทัพซอมบี้และลูกผสม แต่จะต้องเผชิญหน้ากับทุกค่ายในจีน
อย่างที่สองเพื่อที่จะปิดข่าว พวกเขาจะต้องหาทางไม่ให้หวังเฉินออกไปจากค่ายหรือฆ่าปิดปากซะ แต่เมื่อทำลงไปแล้ว ผลลัพธ์ที่จะตามมาก็จะไม่ต่างอะไรจากทางเลือกแรก เมื่อเรื่องราวนี้เปิดเผยที่ซางจิงและมีคนตามสืบหาตัวหวังเฉินขึ้นมา ทุกคนก็จะรู้อยู่ดีว่าเขี้ยวหมาป่าเป็นคนฆ่าหวังเฉิน
ดังนั้นไม่ว่าจะทางเลือกไหนตราบใดที่หวังเฉินเปิดผ้าใบเต้นท์และได้เห็นว่าชูฮันไม่ได้อยู่ข้างในจริงๆ ผลลัพธ์ก็คือ…จุดจบของเขี้ยวหมาป่า!
ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวที่สายเกินไปกว่าทุกคนจะเคลื่อนไหวได้ทันหวังเฉินก็ได้เปิดผ้าใบเต้นท์ขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางความหวาดกลัวในใจของทุกคน และภาพภายในเต้นท์ก็เปิดเผยสู่สายตาของหวังเฉิน!
ในตอนนั้นเองอากาศจู่ๆก็อัดแน่น เวลาเหมือนกับหยุดนิ่ง แม้แต่เสียงนกเสียงกายามเช้าตรู่ก็เงียบหาย ทุกอย่างเงียบสนิท…
หวังเฉินที่คิดว่าทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเยี่ยมและเสร็จสมบูรณ์เพราะเขาสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าชูฮันไม่ได้อยู่ที่นี้เรื่องราวทุกอย่างที่สงสัยไว้ก็เข้าเค้าทั้งหมด
หากในจังหวะที่หวังเฉินเดินเข้ามาในเต้นท์และกวาดสายตามองให้ทั่วทั้งเต้นท์ทันใดนั้นจู่ๆร่างของหวังเฉินก็แข็งทื่อ ยืนนิ่งไม่ขยับราวกับกำลังช็อค
เมื่อกี้เขาเห็นอะไร?!
มันเป็นไปได้ยังไง?
เจียงเทียนชิงและหลิวยู่ติงที่ตามมาถึงก่อนตัดสินใจจะจับตัวหวังเฉินมามัดแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับหวังเฉินต่อในจังหวะที่ทั้งคู่เปิดผ้าใบเต้นท์ขึ้นเพื่อไปจับหวังเฉินออกมา พวกเขาก็ได้ภาพข้างในเช่นเดียวกัน
ทั้งคู่ยืนตัวแข็งค้างราวกับถูกแช่แข็งกริชในมือหลิวยู่ติงหลุดตกลงพื้นทันที
เจียงเทียนชิงเผลอถอยหลังหนีด้วยความกลัวในใจก่อนจะร้องเสียงหลง “อ๊ากกกก! ตาผม!”
เหอเฟิงที่ซ่อนตัวอยู่ในเต้นท์ด้านหลังตกใจกับเสียงร้องของเจียงเทียนชิงเขาแทบจะกลั้นใจตาย สมองโล่งไปหมด ในใจแสนร้อนรนอยากจะวิ่งเขาไปดูซะเดี๋ยวนี้…เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น?!
”ผมพูดไปแล้วนะ?”หลิวยู่ติงยืนเท้าเอวมือแตะที่กริชตรงบั้นเอว สีหน้าขมึง “ผมพูดไปชัดเจนแล้วว่าตอนนี้ท่านพลเอกกำลังพักผ่อนอยู่ ทำไมคุณต้องรีบร้อนเข้าไปในเต้นท์ของท่านพลเอกขนาดนี้ มีอะไรเร่งด่วนขนาดนั้นงั้นเหรอ?”
หลิวยู่ติงเน้นคำว่าพลเอกอย่างชัดๆเป็นการแนะนำหวังเฉินทางอ้อมว่านี้คือที่ตั้งค่ายรบของกองทัพทหารของชูฮัน มันอาจเกิดการนองเลือดขึ้นได้ทุกเมื่อโดยไม่มีใครสืบหาความจริงได้ แถมหลิวยู่ติงยังปล่อยจิตสังหารรุนแรงออกกมาอีกเพื่อกดดันให้หวังเฉินรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะทำอะไรก็ได้ มือข้างขวาของหลิวยู่ติงกำรอบกริชตรงเอว
ถ้าไม่ฟัง…อาจจะโดนอุ้มไปฆ่าหมกป่าเมื่อไหร่ก็ได้!
หวังเฉินเหลือบมองหลิวยู่ติงที่กำกริชตรงเอวไว้แน่นราวกับพร้อมจะชักใส่เขาได้ทุกเมื่อทันใดนั้นหวังเฉินก็รู้สึกความเย็นวาบที่พุ่งเข้ามาในใจ…กองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่มีความเกรงกลัวเลย แม้แต่พลตรีหลิวยู่ติงยังกล้าจะชักอาวุธใส่เขา พวกนี้มันเป็นเครื่องจักรสังหารรึยังไง?
แม้กระทั่งผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงยังไม่กล้าทำตัวต่อกรแบบนี้กับเขาเลย!
แต่ไม่นานหวังเฉินก็ตระหนักได้ถึงปัญหาอย่างหนึ่ง การที่หลิวยู่ติงดูกระวนกระวายขนาดกล้าเอาตัวมาขวางเขาไว้แบบนี้ ไม่ใช่ว่ามันมีปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นอยู่ในเต้นท์รึเปล่า?
ไม่แน่ชูฮันอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่เลยก็เป็นได้! ความเป็นไปได้นี้แวบเข้ามาในหัวหวังเฉินตราบใดที่ข่าวการหายตัวของชูฮันจากค่ายได้รับการยืนยัน ชูฮันก็จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งของอาชญกรรมที่เกิดขึ้นในค่ายจินหยางทันที!
หวังเฉินแสยะยิ้มออกมาและแทนที่จะดึงดันเข้าไปในเต้นท์จู่ๆหวังเฉินกลับเปลี่ยนเป็นเดินวนรอบหลิวยู่ติงแทน “พลตรีหลิวยู่ติง วิ่งมาขวางหน้าผมแบบนี้มันไม่ดีเลยนะครับ พลเอกชูฮันเป็นพลเอกก็จริง อ่า…แต่ตอนที่ผมอยู่ซางจิง ผมยังสามารถเดินเข้าห้องผู้บัญชาการมู๋ได้ทุกเมื่อที่ผมต้องการ แต่เอาเถอะที่นี้ไม่ใช่ซางจิง ผมไม่อยากจะสร้างปัญหา ถ้าอย่างนั้นรบกวนพลตรีหลิวยู่ติงไปแจ้งพลเอกชูฮันล่วงหน้าให้หน่อยว่าผมต้องการพบ”
คำพูดของหวังเฉินฟังดูสุภาพและแสดงออกถึงความเคารพหากที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย ประโยคที่ว่า ‘สามารถเดินเข้าห้องผู้บัญชาการมู๋ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ’ นั้นแสดงให้เห็นถึงอำนาจที่หวังเฉินมีภายในซางจิง ราวกับว่าหวังเฉินต้องการประกาศว่าเขาไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใครทั้งนั้น
แม้แต่กับผู้บัญชาการมู๋ก็ยังไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทแล้วทำไมกับชูฮันเขาต้องทำ?
การพูดจาเช่นนี้ต่อหน้ากองทัพเขี้ยวหมาป่ามันคือการแสดงถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของหวังเฉินชัดเจน ความหมายของหวังเฉินก็คือ…เขาต้องการจะพบหน้าชูฮันเดี๋ยวนี้!
เมื่อได้เห็นทัศนคติที่แสดงออกมาของหวังเฉินทันใดนั้นเองหลิวยู่ติงก็ตระหนักได้ทันทีว่า ถ้าแม้แต่ผู้บัญชาการมู๋ หวังเฉินยังกล้าทำแบบนั้นจริง แสดงว่ามีคนอำนาจใหญ่โตคอยหนุนหลังหวังเฉินอยู่ และอีกไม่นานหวังเฉินจะต้องบุกเข้าไปในเต้นท์แน่ๆ
ในขณะที่หวังเฉินยืนยันเจตนาตัวเองชัดเจนส่วนหลิวยู่ติงก็ใส่เกียร์พร้อมปะทะเต็มที่ เจียงเทียนชิงที่อยู่ข้างๆและพึ่งได้สติกลับมาจากคำพูดของเหอเฟิง
เจียงเทียนชิงมองผู้ชายร่างใหญ่สองคนที่ยืนเผชิญหน้ากันตรงหน้าไปมาต่างฝ่ายต่างยืนข่มกัดฟันใส่กันไปมาราวกับพร้อมจะพุ่งเข้าใส่กันได้ทุกเมื่อ
ทันใดนั้นเจียงเทียนชิงก็รีบเปลี่ยนท่าทีของตัวเองทันทีเขารีบประสานมือยกขึ้นมาอยู่ตรงหน้าอก ย่อเข่าลงเล็กน้อย ทำท่าเคอะเขินราวกับเด็กหญิงที่กำลังเขินอายยามได้เจอผู้ชายหล่อเหลา “ว้าววว! คุณคือท่านหวังเฉินใช่มั้ย? หล่อเหลือเกิน!”
”ฟู่~”
”เ*ยยย!”
”*ส!”
เจ้าหน้าที่ที่ประจำการไม่กี่คนในพื้นที่ไม่จากจุดเกิดเหตุพวกเขาได้เห็นเจียงเทียงชิงที่เหมือนถูกผีเข้าสิงก็ตกใจสะดุ้งกันหมด หลิวยู่ติงที่อยู่ข้างๆเองก็ตะลึงคางพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน แม้แต่ก่อนนี้กำลังคิดจะทำอะไรอยู่ยังลืมไปหมด
หวังเฉินตกใจมองเจียงเทียนชิงด้วยสีหน้าหวาดๆ หัวใจเต้นรัวกว่าหมื่นครั้งต่อนาที
แม่มึงสิ!นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีก?
เจียงเทียนชิงเห็นทุกคนในชีวิตของเขากำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป แววตาของเจียงเทียนชิงก็หม่นลงอย่างท้อแท้…ชื่อเสียงของเขาป่นปี้หมดแล้ว
และในตอนที่ทุกคนคิดว่าการถ่วงเวลาของเจียงเทียนชิงอาจจะยื้อหวังเฉินไว้ได้สักพักหนึ่งจู่ๆสีหน้าและสายตาของหวังเฉินก็เปลี่ยนไป และภายในพริบตาหวังเฉินก็เร่งความเร็วขึ้นกระทันหันมุ่งหน้าไปยังเต้นท์ของชูฮันที่ตั้งอยู่อย่างรวดเร็วและเหนือความคาดหมายของทุกคน
”พรึบ!”
ความเร็วของหวังเฉินนั้นค่อนข้างรวดเร็วอย่างมากแน่นอนว่าทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะต่ำที่ยืนประจำการอยู่ห่างไปไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้ทัน แม้แต่กลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะสูงที่อยู่รอบๆหวังเฉินตั้งแต่แรกยังขยับตัวตามไม่ทันเลย หวังเฉินมาถึงหน้าทางเข้าเต้นท์มือข้างหนึ่งเอื้อมออกมาเพื่อเลิกผ้าใบขึ้นเปิด และในจังหวะที่มือของหวังเฉินกำลังจะแตะนั่นเอง——
”จับตัวเขาไว้!”หลิวยู่ติงออกคำสั่งเสียงดังสนั่นและรีบพุ่งตัวตามมาทันที จิตสังหารรุนแรงระเบิดโพล่งออกมาด้วยอารมณ์เดือดดาล
เจียงเทียนชิงเองก็ไม่คิดว่าผลลัพธ์จะกลายเป็นแบบนี้หากแค่พริบตาเดียวเจียงเทียนชิงก็รีบเคลื่อนตัวไปด้านหน้าทันที เขาเป็นกัปตันทีมลาดตระเวนของหัวหน้าชูฮัน มีความสามารถพิเศษด้านความรวดเร็ว แต่เขากลับปล่อยให้หวังเฉินหลุดมือไปได้และตัวเองกลายเป็นต้องตามหลังแบบนี้…
เหอเฟิงที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในของอีกเต้นท์หนึ่งก็กำลังตึงเครียดในใจร้อนรนอย่างมาก
มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้นี้ต้องไม่ใช่จุดจบของเขี้ยวหมาป่า!
ตอนนี้ชูฮันไม่ได้อยู่ที่ค่ายถ้าหวังเฉินค้นพบความลับนี้ละก็ ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นไปได้สองทาง
อย่างแรกข่าวที่ชูฮันไม่อยู่จะค่ายจะกระจายไปทั่วทั้งจีน และชูฮันจะถูกทุกค่ายในจีนตามล่าตัวในโทษฐานเป็นคนก่ออาชญกรรมที่ค่ายจินหยาง กองทัพเขี้ยวหมาป่าจะไม่ได้ต้องเผชิญหน้าแค่กองทัพซอมบี้และลูกผสม แต่จะต้องเผชิญหน้ากับทุกค่ายในจีน
อย่างที่สองเพื่อที่จะปิดข่าว พวกเขาจะต้องหาทางไม่ให้หวังเฉินออกไปจากค่ายหรือฆ่าปิดปากซะ แต่เมื่อทำลงไปแล้ว ผลลัพธ์ที่จะตามมาก็จะไม่ต่างอะไรจากทางเลือกแรก เมื่อเรื่องราวนี้เปิดเผยที่ซางจิงและมีคนตามสืบหาตัวหวังเฉินขึ้นมา ทุกคนก็จะรู้อยู่ดีว่าเขี้ยวหมาป่าเป็นคนฆ่าหวังเฉิน
ดังนั้นไม่ว่าจะทางเลือกไหนตราบใดที่หวังเฉินเปิดผ้าใบเต้นท์และได้เห็นว่าชูฮันไม่ได้อยู่ข้างในจริงๆ ผลลัพธ์ก็คือ…จุดจบของเขี้ยวหมาป่า!
ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวที่สายเกินไปกว่าทุกคนจะเคลื่อนไหวได้ทันหวังเฉินก็ได้เปิดผ้าใบเต้นท์ขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางความหวาดกลัวในใจของทุกคน และภาพภายในเต้นท์ก็เปิดเผยสู่สายตาของหวังเฉิน!
ในตอนนั้นเองอากาศจู่ๆก็อัดแน่น เวลาเหมือนกับหยุดนิ่ง แม้แต่เสียงนกเสียงกายามเช้าตรู่ก็เงียบหาย ทุกอย่างเงียบสนิท…
หวังเฉินที่คิดว่าทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเยี่ยมและเสร็จสมบูรณ์เพราะเขาสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าชูฮันไม่ได้อยู่ที่นี้เรื่องราวทุกอย่างที่สงสัยไว้ก็เข้าเค้าทั้งหมด
หากในจังหวะที่หวังเฉินเดินเข้ามาในเต้นท์และกวาดสายตามองให้ทั่วทั้งเต้นท์ทันใดนั้นจู่ๆร่างของหวังเฉินก็แข็งทื่อ ยืนนิ่งไม่ขยับราวกับกำลังช็อค
เมื่อกี้เขาเห็นอะไร?!
มันเป็นไปได้ยังไง?
เจียงเทียนชิงและหลิวยู่ติงที่ตามมาถึงก่อนตัดสินใจจะจับตัวหวังเฉินมามัดแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับหวังเฉินต่อในจังหวะที่ทั้งคู่เปิดผ้าใบเต้นท์ขึ้นเพื่อไปจับหวังเฉินออกมา พวกเขาก็ได้ภาพข้างในเช่นเดียวกัน
ทั้งคู่ยืนตัวแข็งค้างราวกับถูกแช่แข็งกริชในมือหลิวยู่ติงหลุดตกลงพื้นทันที
เจียงเทียนชิงเผลอถอยหลังหนีด้วยความกลัวในใจก่อนจะร้องเสียงหลง “อ๊ากกกก! ตาผม!”
เหอเฟิงที่ซ่อนตัวอยู่ในเต้นท์ด้านหลังตกใจกับเสียงร้องของเจียงเทียนชิงเขาแทบจะกลั้นใจตาย สมองโล่งไปหมด ในใจแสนร้อนรนอยากจะวิ่งเขาไปดูซะเดี๋ยวนี้…เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น?!