แสงระเบิดไซโอนิคแวบวาบในอวกาศ ทหารจักรกลกรูกันออกมิติที่สองเข้าสนามรบ
กลุ่มแสงห้าสีถูกกลืนด้วยทะเลจักรกล แสงจากความสามารถต่างๆส่องสว่างระหว่างช่องโหว่เล็กๆของกองทัพจักรกลเป็นครั้งคราว
มีสี่สายท่ามกลางทั้งห้า ไร้ช่างกล ช่างกลที่ปราศจากคลังอ่อนแอมาก จึงไม่มีช่างกลคนใดได้รับเลือกให้ปเ็นตัวแทน
ไซโอนิคไพรม์นำอาวุธอัครฑูตนับสิบสู้ ด้วยโบนัสพลังจักรกลจากหานเซี่ยว อาวุธอัครฑูตจึงมอบแรงกดดันให้พวกเขาอย่างมาก
เทพจักรกลยืนเหนือสนามรบ เหวี่ยงคมดาบลงทัณฑ์สวรรค์มัน ไล่ตามทั้งห้า อาวุธใหญ่มาก แต่ก็เร็วเหมือนสายฟ้า ปลดปล่อยคลื่นดาบพลังงานไซโอนิครุนแรงพร้อมกับเก็ตตะ ฮาโดเค็น ผานกอนโดนหนักเป็นพิเศษ หานเซี่ยวชอบรังแกนักสู้แบบเขาสุด เนื่องจากคู่ต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่แมนิสัน ผู้รู้จักเขาดี หานเซี่ยวจึงต้องรักษาภาพลักษณ์ของเขา ดังนั้น เขาจึงสงวนท่าทีและไม่ก่อกวนพวกเขาด้วยข้อความลับ
ทั้งห้าสู้กันสักพัก แม้จะสู้กับทั้งห้า หานเซี่ยวก็ไม่แสดงท่าทีเสียเปรียบเลย ในความเป็นจริง ไม่เพียงเขาจะไม่เสียเปรียบ เขายังเหนือกว่า
ผานกอน บีเกอร์และคนอื่นห่างไกลจากจุดสูงสุด แต่พวกเขาไม่ได้ขยะ แม้จะเสียเปรียบ พวกเขาก็ยังทนได้ด้วยการร่วมมือกัน
แต่ทว่า ทั้งห้ารู้สึกหงุดหงิดมาก นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาได้สู้กับช่างกลประเภทนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
ในความรู้พวกเขา กลยุทธ์ที่ดีสุดในการต่อกรช่างกลคือการเข้าประชิด ตอนพวกเขาเห็นแบล็คสตาร์มาด้วยร่างจริง พวกเขาจึงแปลกใจและรู้สึกว่าแบล็คสตาร์ประมาท ตอนนี้พวกเขาถึงรู้ว่าพวกเขาผิดไป รูปแบบการต่อสู้ของแบล็คสตาร์ตรงข้ามกับความรู้ที่พวกเขามี มันกลบจุดอ่อนไปโดยสิ้นเชิง เขานั้นเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน!
กลยุทธ์พุ่งเข้าหาเขาเปล่าประโยชน์ แต่ถ้าพวกเขาเอาแต่สู้กับกองทัพเขา คลังของเขาก็คงใหญ่เกินไป ทหารยังกรูกันออกจากกล่องกองทัพมิติที่สองทุกวินาที มีแค่พระเจ้าถึงรู้ว่ามันจะหมดลงตอนไหน
มันดูเหมือนว่ากลยุทธ์เดียวที่พวกเขาสามารถใช้ได้คือถ่วงเวลาให้อีกฝ่ายพลังงานหมด แต่ทว่า พลังทำลายล้างของอาวุธอัครฑูต กองทัพจักรกลและเทพจักรกลก็สูงเกินไป ไม่มีช่องว่างให้พวกเขาทำอะไรผิดพลาดเลย แถม พลังงานของพวกเขายังผลาญลงอย่างรวดเร็ว
ถ้าเป็นแบบนี้ ทั้งห้าไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะบาดเจ็บสาหัสจนขยับตัวไม่ได้ก่อนหรือพลังงานของแบล็คสตาร์จะหมดลงก่อน
ชายคนนี้มีจุดอ่อนบ้างไหม? บีเกอร์บ่น มันน่าตกใจที่ได้เห็นคนแบบเขาในยุคนี้! ท่านหญิงราคะตกใจ
ถ้าอาวุธของฉันยังอยู่ละก็ ผานกอนกัดฟัน กระดูกนับสิบของเขาแตกร้าวด้วยคลื่นดาบอีกครั้ง
พอเถอะ ในฐานะนักสู้ นายกลับแพ้ช่างกลในระยะประชิด ยังอับอายขายขี้หน้าไม่พอหรือไง? บางคนถาม
เอาล่ะ หยุดได้แล้วและคิดว่าจะสู้กับเขายังไง ถ้าเราแพ้แม้จะรุมห้า ภาพลักษณ์ของเราคงย่ำแย่ บีเกอร์พูด
ทั้งห้าหลบและป้องกันการโจมตีของกองทัพจักรกลขณะพยายามหาข้อบกพร่องของหานเซี่ยว แต่ทว่า พวกเขาก็ไม่สามารถหาโอกาสพลิกกระดานได้เลย พวกเขากลับตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยโบนัสของ[ใจไร้ความกลัว]และ[เทคนิคต่อสู้ในตำนาน] การโจมตีของกองทัพจึงทรงพลังมาก ท่ามกลางทั้งห้า มีแค่ผานกอนถึงมีภูมิต้านทานความเสียหายจริง คนอื่นไม่สามารถทนการระดมยิงได้มาก
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ใช้พลังจิตกับบีเกอร์ได้สร้างโล่ใหม่เรื่อยๆ บางคนคงบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว
สำคัญสุด พวกเขายังตกใจที่ตระหนักว่าหานเซี่ยวยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเมื่อทำการต่อสู้
บีเกอร์หลบการโจมตีของอาวุธอัครฑูตโดยใช้คาถาลวงตาก่อนพูดอย่างเด็ดขาด การต่อสู้กำลังเป็นไปตามจังหวะของเขา สิ่งต่างๆจะแย่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อ ลองอีกครั้ง พวกเราห้าคนจะโจมตีร่างกายหลักเขาด้วยกัน ฉันไม่เชื่อว่าร่างกายเขาไร้ขีดจำกัด ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
นายจะทำไง?ร่างของเขาซ่อนอยู่ในเทพจักรกล
ลืมเรื่องคาถาต้องห้ามมิติที่ฉันใช้ได้หรือไง?ฉันสามารถดึงเป้าหมายออกเทพจักรกลได้ระยะเวลาหนึ่ง พวกเขาบรรลุข้อตกลง บีเกอร์ไม่เสียเวลาและเริ่มร่ายคาถา
อักขระบนคอของเขาสว่างไสว คลื่นพลังงานมิติขับไล่แผ่จากตัวเขาและทหารจักรกลรอบๆก็โดนผลักออกไป
หลังจากนั้น เขาก็ยกมือ และใช้กลุ่มคาถาเคลื่อนย้าย เคลื่อนย้ายอีกสี่ไปด้านข้างเขา
การร่ายคาถาของเขาไม่หยุด เขาสร้างวงเวทย์ใหม่ ระลอกคลื่นพลันปรากฏในอวกาศไม่ไกล หานเซี่ยว ผู้ควรจะอยู่ในเทพจักรกลกลับปรากฏตัวขึ้นยังตำแหน่งที่บีเกอร์เลือกไว้
หานเซี่ยวแทบไม่รู้สึกตัวและตำแหน่งของเขาก็โดนสับเปลี่ยน เขาพลันเห็นการโจมตีของทั้งห้าที่ระเบิดใส่เขาทันทีที่เขาปรากฏตัว
โอ้โห คอมโบสุดน่ารัก
หานเซี่ยวยังมีเวลาแกล้งพวกเขา เขาเปิดประตูใหม่ของมิติที่สองข้างเขา เขาดึงมันและลากลูกบอลอวกาศแอมเบอร์ออกมา ซึ่งเรียงซ้อนกันเป็นกำแพงโปร่งใส่ตรงหน้าเขา
วินาทีถัดมา คลื่นการโจมตีระยะไกลจากทั้งห้าก็กระแทกกับกำแพงอำพัน เหมือนกับน้ำที่ซัดบนใบไม้ การโจมตีกระจายไปทุกทิศทาง ทำให้หานเซี่ยวที่อยู่ด้านหลังกำแพงไม่ได้รับอันตรายใดๆ
นั่นคืออะไร?
รูม่านตาของทั้งห้าหดลง
ตอนนี้ เสียงหัวเราะของหานเซี่ยวดังขึ้นในช่องสาธารณะ
คาถาสลับตำแหน่งค่อนข้างน่าสนใจ ฉันเองก็มีอะไรคล้ายๆกัน อยากเห็นไหม?
ทันทีที่เขาพูด หานเซี่ยวก็หายไป กลับไปเทพจักรกลโดยใช้ไฮเปอร์ไดรฟ์มิติ ก่อนทั้งสี่จะได้ตอบสนอง เขาก็พลับใช้สลับมิติและเปลี่ยนตำแหน่งของเขากับเป้าหมาย
หวือ! วิสัยทัศน์ของผานกอนไหววูบ เขาตกตะลึงเมื่อรู้ว่าเขาได้มาปรากฏภายในเทพจักรกล ก่อนเขาจะได้ตอบสนอง อะไหล่ของเทพจักรกลรอบเขาก็พลันแยกส่วนเป็นกองทัพจักรกล พวกมันล้อมเขา ยิงใส่เขาทันที
ขณะที่เด็กหัวแข็งกำลังโดนทุบตี หานเซี่ยวก็ปรากฏข้างทั้งสี่
หลังเห็นสีหน้าตกใจของพวกเขา เขาก็ยิ้มและเปิดใช้งานคุกมิติ
วินาทีถัดมา การเคลื่อนไหวของทั้งสี่ก็หยุดนิ่งเหมือนติดในแอ่งโคลน พวกเขาทั้งหมดอยู่ภายในคุกมิติ และมีแค่หานเซี่ยวถึงเคลื่อนไหวได้อิสระ
จากนั้น เขาก็เร่งความสามารถศาสดาแห่งจักรกลจนถึงขีดสุด ทหารจักรกลนับไม่ถ้วนของเขามอบค่าสถานะให้เขามากมาย แขนขวาของเขาโค้งงอเหมือนคันศร วงจรพลังงานส่องสว่างบนชุดจักรกลเขาและพลังงานไซโอนิคก็ขยายตัวเหมือนระลอก
เก็ตตะ ฮาโดเค็น ค้อนถล่มดาว!’ หานเซี่ยวปล่อยหมัดขวาตรงออกไป หมัดปกคลุมด้วยพลังงานไซโอนิคสว่าง มันกระทบใส่แก้มของบีเกอร์ ภายใต้ผลสโลว์โมชั่นของคุกมิติ การสั่นกระเพื่อมบนหน้าของบีเกอร์สามารถมองเห็นได้ชัด
บูม!
คลื่นกระแทกสีน้ำเงินปะทุ และบีเกอร์ก็กลิ้งออกไป
หานเซี่ยวไม่หยุดแค่นั้น ชุดจักรกลของเขาเร่งความสามารถจนถึงขีดสุดขณะที่เขาบดขยี้อีกสามต่อเหมือนภาพติดต่อ
คชา!
หลังโดนตบกระเด็น พวกเขาก็เป็นอิสระจากคุกมิติ พวกเขารีบถอยห่าง ร่างกายทุกส่วนของพวกเขาส่งเสียงประท้วง
ผานกอนยังไม่โดนจับ เขาหนีวงล้อมของกองทัพจักรกลมาได้ แต่ทว่า เมื่อเจอกับการโจมตีมากมายภายในเวลาอันสั้น เขาจึงปกคลุมไปด้วยเลือดและบาดแผล หานเซี่ยวยืนนิ่ง ไม่ไล่ตาม แต่ทั้งห้าที่ยืนห่างออกไปกลับมองเขาด้วยใบหน้าดำมืด
อะเฮือก!
บีเกอร์กระอักเลือด จับแก้มที่เลือดไหล เขาตกใจมาก ไม่เพียงกลยุทธ์จะไม่ได้ผล แต่พวกเขายังโดนหานเซี่ยวกระทืบแทน หานเซี่ยวสามารถทำให้พวกเขาบาดเจ็บได้ทีละคน ท่ามกลางพวกเขา ผานกอนยังบาดเจ็บสาหัสสุด
นี่ทำให้ทั้งห้าตื่นตระหนก พวกเขาไม่รู้ความสามารถพิเศษอื่นที่หานเซี่ยวมี และก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีก พวกเขากลัวว่าจะตกหลุมพรางเขาอีกครั้ง เมื่อเห็นหานเซี่ยวกำลังสำรวจพวกเขา ทั้งห้าก็ไม่กล้าละสายตา ความดูถูกในหัวใจพวกเขาสลายหายไปหมด
แต่ทว่า ครั้งนี้ หานเซี่ยวกลับหยุดขยับ เขากวาดตามองทีละคน ยิ้มและพูด พอกันแค่นี้ดีไหม?ฉันเชื่อว่าพวกนายคงเข้าใจความสามารถฉันแล้ว ถ้าเราสู้กันต่อ มันอาจไม่ดี ฉันตกลงกับข้อเสนอของท่านหญิงราคะ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง เราจะถือว่ามันเสมอ ไม่ต้องทุ่มสุดตัวอะไร
เมื่อได้ยิน ทั้งห้าก็ตกตะลึง และหลังเห็นว่าหานเซี่ยวไม่ได้พูดเล่น พวกเขาจึงผ่อนคลาย
พวกเขาสบตากัน เห็นความขมขื่นและความละอายใจบนหน้าของกันและกัน
พวกเขารู้ดีว่าแบล็คสตาร์ทำแบบนี้เพื่อไม่ให้พวกเขาเสียหน้ามากเกินไป แต่นี่กลับทำให้พวกเขาเจ็บปวดใจ
เสมออะไร?มันเห็นได้ชัดว่าพวกเราแพ้!
เราไม่ได้รู้สึกเหมือนโดนปลอบใจเลย!
คนแข็งแกร่งอย่างนายยังถือว่าพิเศษมากแม้กระทั่งในยุคสำรวจ เราประเมินนายต่ำไป
บีเกอร์ถอนหายใจและเผยสีหน้าซับซ้อน
หลังประสบด้วยตัวเอง ความสามารถของแบล็คสตาร์เกินกว่าที่พวกเขาคิดและโน้มน้าวพวกเขาได้สนิทใจ แม้จะไร้คอมโบอลังการ พวกเขาก็สามารถเห็นได้ว่าพลังของแบล็คสตาร์เหนือกว่าพวกเขาแค่ไหนจากกองทัพจักรกลของเขา
หลังได้เห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาจึงหดหู่ใจ พวกเขาไม่สามารถรักษาความภาคภูมิใจไว้ได้อีก
คนรุ่นใหม่เหนือกว่าคนรุ่นเก่า คำพูดนี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาคงตกกระป๋องไปแล้วจริงๆ
หานเซี่ยวมองพวกเขา พูดด้วยรอยิย้ม ฉันอาจออกแรงไปมากกว่าที่ตั้งใจ หวังว่าจะไม่ถือสานะ
อะแฮ่ม แค่เรื่องเล็กน้อย เราไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว บีเกอร์อับอายเล็กน้อย เขายังจำได้ว่าเขาพูดอะไรทำนองนี้กับแบล็คสตาร์เมื่อไม่นานมานี้
เราจะคุยเรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ต่อได้หรือยัง? หานเซี่ยวยักไหล่ ได้ ได้สิ มากลับเข้าเรื่องกันเถอะ
ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชม
แม้พวกเขาจะไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลงท่าทีนี้ แต่ผู้อยู่เหนือมักเคารพคนแข็งแกร่งเสมอ พลังคือรากฐานของตำแหน่งพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงไม่คิดทำตัวอวดดีต่อหน้าคนที่สามารถบดขยี้พวกเขาได้
เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็ยิ้ม หลังเขากลับไปบนผิวดาว เขาก็พลันเห็นว่าผู้รักษาสัจจะกำลังจ้องเขา
ทำไมถึงมองฉันแบบนั้น?
ไม่มีอะไร
ผู้รักษาสัจจะระงับอาการตกใจภายในตัวและพยายามสุดความสามารถเพื่อทำตัวให้เป็นธรรมชาติ
พลังที่หานเซี่ยวแสดงทำให้เขาตกใจเช่นกัน!
ไม่เหมือนบรรพชน ผู้รักษาสัจจะรู้ว่าหานเซี่ยวแข็งแกร่งมาก แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้!
ก่อนวันนี้ ผู้รักษาสัจจะรู้สึกว่าเขามีโอกาสชนะแบล็คสตาร์ 50% แต่ทว่า หลังได้เห็นแบล็คสตาร์ต่อสู้กับตา การตัดสินของเขาก็โดนทำลาย แบล็คสตาร์แข็งแกร่งกว่าข่าวลือมาก!
ข่าวปลอม ปลอมไปหมด!
ผู้รักษาสัจจะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจที่ไม่เลือกฆ่าแบล็คสตาร์ในตอนนั้น ไม่งั้นเขาอาจเป็นคนที่โดนฆ่าแทน
ในเวลาเดียวกัน ห้องเฝ้าราะวังทางไกลในยานอวกาศองค์กรเทพอำนวยกลับกลายเป็นเหมือนห้องร้าง
เหล่าบรรพชนที่ดูการต่อสู้ตาเหลือก พวกเขาหมดคำจะพูด
หลังผ่านไปกว่าสิบวินาที ในที่สุดบางคนจึงพูดขึ้น ห้าต่อหนึ่ง และยังแพ้
ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น คนอื่นก็ได้สติ นี่คือพลังของผู้อยู่เหนือยุคใหม่
จากที่ฉันดู มันดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่เอาจริงเลย ทั้งห้าคนนั้นกลับยังทำให้เขาเอาจริงไม่ได้!
ขั้นพลังงานเขาคืออะไร?แปดหมื่น?เก้าหมื่น?หรือแสน
บางทีเขาอาจพูดถูก เรามันล้าสมัยไปแล้ว ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
เหล่าบรรพชนรู้สึกว่าทุกอย่างที่พวกเขาเคยรู้นั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ตอนแรก พวกเขารู้สึกว่าแบล็คสตาร์แค่แสดงทำตัวหมาป่า แต่ตอนนี้พวกเขาพบแล้วว่าเขาแข็งแกร่งจริงๆ มันรู้สึกเหมือนมีคนมาตบหน้าพวกเขา
โชคดี พวกเขาแค่ดูอยู่หลังม่านและไม่ต้องกังวลว่าจะเสียหน้า ในสายตาพวกเขา มันเป็นความพ่ายแพ้แบบสมบูรณ์ พวกเขาไม่คิดว่ามันเสมอกัน
เมื่อนึกย้อนสิ่งที่แบล็คสตาร์พูดก่อนต่อสู้ ความมั่นใจของพวกเขาก็โดนบดขยี้ ความรู้สึกเหนือกว่าของพวกเขาในฐานะบรรพชนสลายหายไปจนหมด
ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ประเมินตัวเองสูงไป นี่คือบทเรียนที่ช่วยวให้เรามองเห็นความเป็นจริง
คนที่นี่ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับความเป็นจริง ความอวดดี ความภาคภูมิ ความรู้สึกเหนือกว่าและความรู้สึกอื่นที่พวกเขามีหลังคืนชีพหายไปจนหมด เปลี่ยนเป็นความระมัดระวัง ความอ่อนน้อมถ่อมตน
ปัญหาเดียวคือบทเรียนนี้หนักหน่วงไป ความคิดของพวกเขาบางคนถึงกับหลุดลอยไปไกล
แบล็คสตาร์เป็นแค่รองประธานของสมาคมผู้อยู่เหนือ เน็ตบอกว่ามีหลายคนที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา พวกเขาควรแข็งแกร่งพอๆกัน จิ๊ ยุคสมัยใหม่น่ากลัวมาก!
บรรพชนบางคนที่เดิมวางแผนเริ่มต้นใหม่ด้วยตัวเองต่างท้อแท้ พวกเขาสงสัยว่าตัวเองมีคุณสมบัติพอจะเริ่มต้นใหม่จริงหรือ เดิม เป้าหมายการคืนชีพบางคนคือเพื่อเลี่ยงสงครามยุคสำรวจและไปยังยุคสงบสติ พึ่งพาพลังตัวเองเพื่อสร้างองค์กรใหม่
แต่ทว่า พลังที่หานเซี่ยวแสดงในวันนี้ทำให้พวกเขาเข้าใจผิด คิดว่าคนแข็งแกร่งแบบหานเซี่ยวมีอยู่ทั่วไป
ไม่เพียงการประลองนี้จะทำลายความมั่นใจของพวกเขา แต่มันยังทำให้บางคนกลัวจนกลบฝังความทะเยอทะยานของตัวเอง
ด้วยพลังเล็กน้อยที่เรามี การเร่งรีบอาจเป็นการฆ่าตัวตาย เราควรฝึกตัวเองก่อนและไม่ปรากฏตัวในโลกสักระยะเพื่อให้เราตามทันยุคสมัยทัน เราจะฉีกหน้าตัวเองแบบนี้อีกไม่ได้!