Gate of God – ตอนที่ 573 ไม่ใช่อย่างที่คิด

ตอนที่ 573 ไม่ใช่อย่างที่คิด
ด้านซ้ายนั้นเป็นหนานกง มู่ ท่าทีของเขายังคงนิ่งสงบเช่นเคย
”สรุปหนานกง มู่ อยู่ในเมืองหลวงแล้ว?” เหล่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้แปลกใจที่ หนานกง มู่ มาที่นี่
เพราะเขาตั้งใจจะเข้าร่วมการทดสอบระดับจักรพรรดิ
อย่างไรก็ตาม…
เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่เขาปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับปิง หยาง และ เหยียน ซิว
หลินเทียนหลง ตอนนี้อารมณ์ไม่ดีอย่างแน่นอน เป็นครั้งแรกที่เขาถูกว่าโดยองค์จักรพรรดิต่อหน้าผู้คน
เมื่อเขาได้ยินว่าปิง หยาง มาถึงแล้วเขาก็หันไปมองเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง สายตาของเขากลับกลายเป็นเยือกเย็นขึ้นมาทันที
เพราะเขาเห็นเหยียน ซิว และ หนานกง มู่
อย่างไรก็ตาม…
เขาไม่เห็นฟาง เจิ้งจือ?
เขาหลับอยู่หรือไง?ทำไมเขาไม่มา?
หลินเทียนหลง ไม่คิดแบบนั้น ทุกคนรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ พักอยู่ที่บ้านของ ปิง หยาง ตลอดเวลา ตามบุคคลิกของ ฟาง เจิ้งจือ แล้วนั้น เขาไม่น่าจะพลาดโอกาสสำคัญเช่นนี้
”เหยียนซิว มาแล้ว แต่ ฟาง เจิ้งจือ ล่ะ? อย่าบอกนะว่า…” ความคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัวของ หลิน เทียนหลง บางสิ่งที่เขาไม่ควรจะคิด
อายุน้อยกว่าสามสิบห้าและ…
สามารถสู้กับผู้ที่อยู่ในระดับจุติได้ถึงสามคน
นอกจากนี้ตอนเกิดเหตุการณ์เขายังอยู่ในเมืองหลวง
คนที่เข้าเกณฑ์พวกนี้มีอยู่คนหนึ่งคือมเหสีฮั่ว เฟย อย่างไรก็ตามมีอีกคนที่ไม่มีใครพูดถึง…
ฟางเจิ้งจือ
ผู้ที่ทุกคนคิดว่าเขาไร้พลังไปแล้ว
มันเป็นธรรมดาที่คนจะมองข้ามเขา
แต่ถ้า…
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไม่ได้ไร้พลังล่ะ?
หลินเทียนหลง รู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง ถ้ามันเป็นเรื่องจริงทุกอย่างต้องกลายเป็นหายนะแน่นอน
แค่เพียงปีเดียวเขาสามารถสู้กับผู้ที่อยู่ในระดับจุติพร้อมกันได้ถึงสามคน?มันเป็นการเติบโตที่น่ากลัวเกินไป
อย่างไรก็ตามถ้าคนนั้นเป็นฟาง เจิ้งจือ……….Aileen-novel
มันก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง
เพราะฟาง เจิ้งจือ เคยพัฒนาจากระดับผนวกดาราไปสู่ระดับสะท้อนสวรรค์ จากนั้นก็เป็นอภินิหารในเวลาไม่กี่เดือน แม้แต่ครึ่งเซียนคังหยาง เขายังสามารถสู้ได้
นี่เป็นศักยภาพที่น่ากลัวมาก
ทุกอย่างล้วนบ่งชี้ไปที่ฟาง เจิ้งจือ
นอกจากนี้ฟาง เจิ้งจือ ยังอายุไม่ถึงสิบแปดปี
ผู้ชนะบนทำเนียบทั้งสองจะทำให้โลกตกตะลึงและนำพาความสงบมาสู่โลก!
หลินเทียนหลง ร่างกายสั่นสะท้าน มันเป็นคำพยากรณ์จากสวรรค์ ต่อให้เขาเป็นองค์รัชทายาท เขาก็เคารพมัน แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ทำเช่นกัน
ถ้าฟาง เจิ้งจือ เป็นผู้ที่ถูกเลือก ทุกอย่างก็จะชัดเจน
เจ้าหน้าที่คนอื่นๆก็คิดเช่นเดียวกันเพราะ ฟาง เจิ้งจือ ไม่มา!
บุคคลที่ควรยืนอยู่ข้างๆปิง หยาง
”ฟางเจิ้งจือ เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นเขา?”
”เป็นไปไม่ได้เขาถูกทำให้ไร้พลังไปแล้วในตอนที่อยู่แดนใต้? ถ้าไม่อย่างนั้น…”
”ข้าเกรงว่า…”
เจ้าหน้าที่ต่างมองหน้ากันและคิดเรื่องหนึ่งพร้อมทั้งประโยคหนึ่งของ ฟาง เจิ้งจือ ที่สะท้อนอยู่ในใจพวกเขา
”ข้าจะเข้าร่วมการคัดเลือกของศาลาเต๋าสวรรค์!”
ตอนนั้นทุกคนไม่มีใครคิดว่าฟาง เจิ้งจือ จะผ่านการคัดเลือก
แต่ถ้าเขาไม่ได้ไร้พลังล่ะ?ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เขามีโอกาสจะผ่าน เขายังมีโอกาสได้ที่หนึ่งด้วยซ้ำ
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดอยู่นั้นปิง หยาง, เหยียน ซิว, หนานกง มู่ ได้มาถึงด้านหน้าขององค์จักรพรรดิ
”ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้น?” ิปิง หยาง มองไปที่องค์จักรพรรดิด้วยความสงสัย ก่อนจะเหลือบไปมอง หลิน เทียนหลง ที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น
”ทำไมเจ้ามาที่นี่ช้าเช่นนี้ล่ะ?เจ้าดื่มมาใช่ไหม…ไม่กลัวเป็นหวัดหรือไงกัน?”ท่าทีขององค์จักรพรรดิกลายเป็นอ่อนโยนทันที
”ข้าเปล่าเสียหน่อย!”ปิง หยาง พูดขึ้นมา
”อา…แล้วนายน้อยฟางไปอยู่ที่ไหนเสียล่ะ? เขาไม่ได้มากับเจ้างั้นหรือ?” ท่าทีขององค์จักรพรรดิไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ราวกับเขาถามแค่คำถามทั่วไป
อย่างไรก็ตามทุกคนล้วนเข้าใจ
ฝ่าบาทไม่มีทางถามเพื่อจุดประสงค์ทั่วๆไปแน่นอน
ถ้าไม่มีเหตุการณ์อันแปลกประหลาดเกิดขึ้นองค์จักรพรรดิคงไม่ถามถึงเจ้าหน้าที่ระดับสามแน่นอน
นั่นหมายความว่าเขาคิดเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
”ท่านพ่อหมายถึงเจ้าไร้ยางอายงั้นหรือ?ข้ากำลังจะ…”
”ฝ่าบาทกำลังมองหาข้าอยู่หรือ?”
ขณะที่ปิง หยาง กำลังจะพูด ก็มีเสียงดังขึ้นมาขัด ด้านหลังของเขาเป็นชายหนุ่มอีกคนที่มีท่าทางเลิกลักตลอดเวลา
เป็นฟาง เจิ้งจือ
”ฟางเจิ้งจือ!” เจ้าหน้าที่ต่างมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ก่อนจะหันมามองหน้ากันเอง แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หลินเทียนหลง ขยี้ตาเพื่อให้มองชัดขึ้น
เผื่อจะเห็นอะไรผิดปกติบนตัวของฟาง เจิ้งจือ
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกผิดหวัง
ฟางเจิ้งจือ ดูสบายมากและดูเมาเล็กน้อย มันชัดเจนว่าเขาก็ดื่มเหล้ามาเช่นกัน
ไม่ใช่เขาเหรอ?
ถ้าอย่างนั้นจะเป็นใครล่ะ?
หลินเทียนหลง กำหมัดแน่นโดยไม่ให้ใครเห็น เขาคงมีความสุขถ้าคนที่ปรากฎตัวขึ้นมาไม่ใช่ ฟาง เจิ้งจือ แต่ความจริงคือเขาปรากฎตัวมา นั่นหมายความว่าเป็นฝีมือของศัตรูคนอื่น
คนที่สามารถเข้ามาในวังของเขาได้ตามใจชอบแต่สามารถปกปิดตัวตนเอาไว้ได้
ราชาต้วนมองไปที่ฟาง เจิ้งจือ ก่อนที่รอยยิ้มของเขาจะปรากฎขึ้นมา “เขายังเป็นเพียงคนไร้พลังเช่นเคย!”
ฟางเจิ้งจือ ดูเหมือน ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย เขาเดินตรงไปหาองค์จักรพรรดิ
องค์จักรพรรดิตกตะลึง
เขามองไปยังฟาง เจิ้งจือ ที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขา อย่างไรก็ตามเขากลับมาสงบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิ้มบางๆออกมา
”นายน้อยฟางไม่ได้ออกมากับ ปิง หยาง งั้นหรือ?”
”ฝ่าบาทพวกข้าสามัญชนธรรมดาออกมาด้วยกันองค์หญิง แต่ข้าเดินช้ากว่ารวมทั้ง เหวิน เต๋าเปา รู้สึกอึดอัดท้องเล็กน้อย ดังนั้นพวกเราจึงมาถึงช้ากว่าที่ควรจะเป็น” ฟาง เจิ้งจือ พูดพร้อมชี้ไปที่ เหวิน เต๋าเปา ด้านหลัง
ทันทีที่เหวิน เต๋าเปา ได้ยิน สีหน้าของเขากลับแย่ลงกว่าเดิม
เขาดูหวาดกลัวและไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
”ข้าเข้าใจ”องค์จักรพรรดิก่อนจะถามขึ้นมาด้วยเสียงอันเยือกเย็น”ข้าได้คืนตำแหน่งเจ้าหน้าที่ให้เจ้าแล้ว ทำไมถึงบอกว่าตัวเองเป็นเพียงคนธรรมดาอยู่อีก หรือตำแหน่างเจ้าหน้าที่ระดับสามนั้นต่ำต้อยเกินไป?”
”ที่จริงข้าก็คิดอย่างนั้นนิดหน่อย” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าก่อนจะพูดต่อ”แต่ เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีแดนใต้ ข้าจึงยังไม่คิดจะทำอะไรให้สภาทั้งนั้น”
”หยาบคาย!เขากล้าดูถูกสิ่งที่องค์จักรพรรดิมอบให้ได้ยังไง? นอกจากนี้อายุของเขายังไม่ถึงสิบแปดปีด้วยซ้ำ การได้ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสามนั้นก็ถือว่ายิ่งใหญ่มากแล้ว เขายังไม่พอใจอีกงั้นหรือ?”
ทันทีที่ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมา เสียงวิจารณ์ของคนรอบๆก็ดังขึ้น เสียงพวกนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
”เขาจะถือดีเกินไปแล้ว!”
”พวกเราควรกำจัดคนแบบนี้ทิ้งซะ!”
”ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่าบาทเห็นในความดีที่เจ้าทำไว้ตอนสงครามเขาคงไม่คืนตำแหน่งให้เจ้าหรอก? ตอนนี้เจ้าเป็นแค่คนไร้พลังเท่านั้น!”
เจ้าหน้าที่แต่ละคนต่างแสดงความเห็นออกมา
องค์จักรพรรดิไม่คิดว่าฟาง เจิ้งจือ จะตอบกลับแบบนี้ เขาขยับปากเล็กน้อย แต่ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจได้เท่านั้น
”งั้นพวกเราก็คงต้องรอถึงวันที่คดีแดนใต้กระจ่างสินะ?”
”คนธรรมดาต่ำต้อยเช่นข้าขอบคุณฝ่าบาทมาก”ฟาง เจิ้งจือ ก้มหัวด้วยความเคารพ ก่อนจะหันไปมอง หลิน เทียนหลง และเลื่อนสายตาไปยังห้องหนังสือ “โอ้ มีไฟไหมด้วย!”
ทุกคนรู้สึกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของฟาง เจิ้งจือ
พวกเขารู้ว่าองค์รัชทายาทและฟาง เจิ้งจือ ไม่ค่อยถูกกันเท่าไรนัก แต่เขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้า หลิน เทียนหลง
ถากถาง!
เป็นการถากถางที่ใสซื่ออย่างยิ่ง!
”ฟาง เจิ้งจือ เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!” หลิน เทียนหลง ตะโกนด้วยความโกรธแค้น เขายอมรับคำตำหนิที่มาจากองค์จักรพรรดิได้แต่คำพูดที่มาจากคนไร้พลังเช่นนี้….
”ข้าหมายถึงห้องหนังสือของท่านไงทำไมถึงมีไฟไหม้งั้นหรือ? ท่านกำลังจะบอกว่าสิ่งที่ข้าพูดไม่เป็นความจริงงั้นหรือ? หรือข้าพูดอะไรผิด?” ฟาง เจิ้งจือ ถามด้วยความสงสัย
”เจ้า…”หลิน เทียนหลง ไม่สามารถหาคำพูดมาพูดได้
นี่เป็นเพราะองค์จักรพรรดิอยู่ตรงหน้าเขานอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่มากมายรวมถึงราชาต้วนอยู่ที่นี่
”เอาล่ะเอาล่ะ เจ้าเป็นองค์รัชทายาทนะ เจ้าจะมาโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ได้ยังไง?” องค์จักรพรรดิส่ายหัว พวกเขาต้องรักษาชื่อเสียงของราชวงศ์เอาไว้
เจ้าหน้าที่คนอื่นต่างส่ายหัว
พวกเขาตกใจเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ ทำ
องค์รัชทายาท?
เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการยกย่องจากคนทั่วไป
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคารพแม้แต่องค์จักรพรรดิ
เหวินเต๋าเปา ยืนตัวลู่ด้วยความหวาดกลัว
มันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ พูด แต่เป็นเพราะเขาเห็นหลุมขนาดใหญ่ด้านหลังองค์รัชทายาท รวมถึงแขกทั้งสามคนที่ยืนอยู่
เหงื่อไหลเต็มแผ่นหลังของเขา
นั่นเพราะเขารู้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้!
ความเป็นจริงแม้แต่ปิง หยาง ก็ทำตัวไม่ถูก เมื่อนางเห็น ฟาง เจิ้งจือ นางตกใจมาก
ตอนนั้นนางคิดว่าตัวเองตาฝาดไป
จนกระทั่งฟาง เจิ้งจือ ค่อยๆเดินเข้ามาหานาง
นางพึ่งได้สติตอนที่เห็นฉากด้านหลังหลิน เทียนหลง มันเป็นฉากที่น่าตกใจมาก หลุมขนาดใหญ่ เศษหินกระจายไปทั่ว
มันมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
”ข้าจะเข้าร่วมการคัดเลือกศาลาเต๋าสวรรค์!”
”ข้าต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้!”
ลมหายใจของปิง หยาง เริ่มรุนแรงขึ้น หน้าอกของนางขยับอย่างรุนแรง นางจ้องมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ก่อนจะพึมพัมบางอย่างออกมา
อย่างบอกนะว่าเจ้าไร้ยางอาย…
ยังมีพลังอยู่!
เมื่อนางคิดถึงเรื่องนี้อีกฉากหนึ่งก็ปรากฎในใจของนาง มันเป็นจดหมายที่ส่งมาจากศาลาเต๋าสวรรค์
ปิงหยาง ข้าต้องเรียนแล้ว ข้าอาจจะไม่สามารถเขียนจดหมายถึงเจ้าได้อีกสักพัก
”สัญญา?!”
”เรียน?”
ใบหน้าของปิง หยาง กลายเป็นสีแดง เรื่องทั้งหมดนั้นถาโถมเข้ามาในหัวนางมากเกินไป นางไม่สามารถรับทั้งหมดได้ไหว เธอไม่สามารถยอมรับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด