Gate of God – ตอนที่ 729 พวกเราควรทำยังไง?

ด้านนอกบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ผู้อาวุโสหกไม่สามารถรักษารอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ได้
”สวรรค์ชั้นสี่!เจ้าเด็กนั่นทำได้ยังไง?”
ในใจเขาพยายามคิดว่าฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางชนะ ฉือ กูเหยียน ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีทาง!
แน่นอนว่าเหล่าศิษย์ที่อยู่ด้านนอกก็คิดเช่นเดียวกับผู้อาวุโสหก
”เขาเข้าสู่สวรรค์ชั้นที่สี่แล้วเหรอ?!”
”เขาห่างจากนางเพียงชั้นเดียวแล้ว!”
”ตอนนี้ศิษย์พี่ฉือ กูเหยียน กำลังอยู่ที่ชั้นห้า…”
เหล่าศิษย์ต่างเต็มไปด้วยความกังวล
พวกเขาทั้งประหลาดใจและหวั่นวิตก
เมื่อเวลาผ่านไปเสียงประกาศก็ดังขึ้นเรื่อยๆศิษย์จำนวนมากหลายคนเริ่มเข้าสู่สวรรค์ชั้นที่สาม
แต่ท่ามกลางเสียงเหล่านั้น…ทุกคนต่างรอคอยอย่างเงียบๆ
…
ขณะที่ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ยังคอยรอฟังประกาศของฟาง เจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน อย่างใจจดใจจ่อ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้สูญเสียความสงบไปเป็นที่เรียบร้อย
แม้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่เคยสงบจริงๆแต่มักไม่มีอะไรที่รุนแรงมากเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้…ผู้นำของเก้าขุนเขา เทียน ซิง ได้ถูกวิชาสังเวยเลือดดึงเข้าไปในประตูสวรรค์ ไม่มีใครรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ในเมื่อเป็นเช่นนี้เก้าขุนเขาจะยอมอยู่เฉยได้เช่นไร?
เก้าขุนเขาเป็นยอดเขาสูงตระหง่านเหนือพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และยังเป็นภูเขาไฟยักษ์ที่ยังคุกรุ่นอยู่ บนยอดเขาเต็มไปด้วยหมอกหนาตลอดปีเก้าภูเขาไฟขนาดใหญ่เรียงต่อกันเป็นวงกลม ตรงกลางเป็นที่ราบสูงขนาดใหญ่
และตอนนี้ในกระท่อมหินหลังหนึ่งตรงกลางที่ราบสูงมีศิษย์เก้าขุนเขานับพันมารวมตัวกันอยู่ และภายในนั้นผู้อาวุโสทั้งเก้ากำลังนั่งอยู่รอบโต๊ะ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด
”พวกเราไม่รู้ว่าท่านเทียนซิง นั้นจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่พวกเราต้องนำประตูสวรรค์กลับมาที่นี่ให้ได้!” เสียงหนึ่งกล่าวขึ้นมา
”ยังไงล่ะ?ขโมยงั้นรึ?” อีกคนหนึ่งถาม
”พวกเรากลัวศาลาเต๋าสวรรค์หรือไง?”
”โปรดใจเย็นลงก่อน”ชายชราที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะกล่าวขึ้นมา “ขโมย…ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด!”
”ท่านคิดอย่างไรท่านผู้อาวุโสสูงสุด?”ผู้อาวุโสคนอื่นถามขึ้นด้วยความเคารพ
แน่นอนในเก้าขุนเขานั้นเทียนซิงเป็นผู้ที่ผู้คนให้ความเคารพสูงสุดซึ่งรองลงมาก็เป็นผู้อาวุโสสูงสุดคนนี้นี่เอง
”พวกเรายังไม่รู้ว่าท่านเทียนซิงเป็นตายร้ายดียังไงสงครามกับศาลาเต๋าสวรรค์ถือได้ว่าเป็นเรื่องวิกฤตที่สุดของพวกเราในรอบร้อยปี!” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดช้าๆ
”พวกเราเข้าใจที่ท่านพูดแต่พวกเราไม่สามารถทนนั่งเฉยๆอยู่ที่นี่ได้โดยไม่ทำอะไร?”
”ถ้าเราไม่แสดงท่าทีอะไรสำนักอื่นต้องคิดว่าเก้าขุนเขาของพวกเรานั้นไร้กำลัง พวกเราต้องเจอปัญหาที่หนักหน่วงกว่าเดิมแน่!”
”ผู้อาวุโสสามพูดถูกถ้าพวกเราอยู่เฉยแล้วจะตอบคำถามศิษย์ที่อยู่ด้านนอกประตูได้ยังไง? ”
หลังจากศิษย์เก้าสวรรค์บางคนกลับมาจากศาลาเต๋าสวรรค์ข่าวการหายตัวไปของเทียนซิง ก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสสูงสุดขมวดคิ้วเขารู้ดีถึงความรู้สึกของผู้อาวุโสคนอื่นๆ เทียนซิงหายตัวไปสมุนไพรพวกเขาก็ไม่ได้คืน ศิษย์จำนวนมากได้ล้มตายไป แล้วยังไง?
ศาลาเต๋าสวรรค์ไม่ได้อ่อนแอกว่าไปกว่าเก้าขุนเขาเลยยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาพึ่งพบกับความสูญเสียเป็นอย่างมาก
”แน่นอนเราต้องตอบคำถามนี้แต่เราไม่จำเป็นต้องขึ้นไปบนศาลาเต๋าสวรรค์!” ในที่สุดผู้อาวุโสสูงสุดก็พูดออก หลังจากคิดอยู่นาน Aileen-novel
”ไม่ใช่ศาลาเต๋าสวรรค์?”
”ท่านหมายถึงฉือ กูเหยียน กับ ฟาง เจิ้งจือ งั้นหรือ?”
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันพวกเขารู้ดีว่าพวกเขานั้นไม่สามารถท้าทายศาลาเต๋าสวรรค์ได้
”ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันพวกท่านคิดว่าพวกเราควรหาใคร?””ผู้อาวุโสสูงสุด ไม่ได้ตอบแต่ถามกลับมาแทน
”พวกเรา…” ผู้อาวุโสคนอื่นกลืนคำพูดพร้อมขมวดคิ้ว ในใจพวกเขา พวกเขาอยากตามหา ฉือ กูเหยียน มากกว่าเพราะนางเป็นคนเร่มเรื่องโดยการขโมยเพลิงพันปีไป
แต่พวกเขารู้ว่าถ้าทำเช่นนั้นพวกเขาอาจจะต้องเผชิญหน้ากับศาลาเต๋าสวรรค์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
”แน่นอนข้าเชื่อว่าต้นตอของปัญหานั้นยังคงเป็นฟาง เจิ้งจือ และนอกจากเขายังคงมี หนานกง เฮา และ หนานกง มู่!” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดออกมาเมื่อเห็นผู้อาวุโสคนอื่นลังเลที่จะพูด
”ใช่ท่านพูดถูกต้องการฆ่า ฟาง เจิ้งจือ ต้องช่วยเติมเต็มความปราถนาของท่านเทียนซิงแน่นอน สำหรับตระกูลหนานกง พวกเขาไม่มีทางหนีไปไหนได้!”
”ใช่แล้ว!”
”ถ้าเราฆ่าฟาง เจิ้งจือ และ หนานกง มู่ รวมถึงตระกูลหนานกง ทั้งหมด เหล่าศิษย์ของเก้าขุนเขาก็จะไม่มีข้อสงสัยในใจอีกต่อไป ข้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้!” 　　ผู้อาวุโสคนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย
ในฐานะผู้อาวุโสพวกเขาจะไม่เข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันได้ยังไง? ตอนนี้พวกเขาต้องสั่งสมกองกำลังและความแข็งแกร่งไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่ออนาคต แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ทิ้งไปได้ง่ายๆ
ดังนั้นการจัดการหนานกง มู่ และ ฟาง เจิ้งจือ ที่ยังไม่เข้าสู่ระดับเซียน นั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
”ข้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของท่านแต่…ข้ากังวลเกี่ยวกับเรื่องหนึ่ง!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความกังวล
”ท่านกังวลเกี่ยวกับคำพยากรณ์สวรรค์?”ผู้อาวุโสสูงสุดถาม
”ใช่ทั้งฉือ กูเหยียน และ ฟาง เจิ้งจือ ได้รับมันพร้อมๆกัน ถ้ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญล่ะ?” ผู้อาวุโสห้าพยักหน้า
”อืมผู้ชนะบนทำเนียบมังกรทั้งสองจะทำให้โลกตื่นตะลึง…นั่นหมายถึงทั้งสองคนหรือไม่?” ผู้อาวุโสอีกคนแสดงความสงสัยออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุดขมวดคิ้วก่อนที่จะคิดหนักอีกครั้ง
ผู้อาวุโสคนอื่นๆก็เงียบลง
”ฉือกูเหยียน แบกรับสายเลือดที่ถูกต้องสาป ทุกคนคงรู้เรื่องนี้ดี แม้ความแข็งแกร่งของ ฟาง เจิ้งจือ จะน่ากลัว แต่เขาไม่ได้ใช้แกนเลือดออกมาให้เห็น นอกจากนั้นข้าได้ยินว่าเขามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ข้าเชื่อมั่นถึงเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ!”
”แม้จะเป็นเรื่องบังเอิญแต่นางมีความใกล้ชิดกับฟาง เจิ้งจือ ถ้าเขาถูกฆ่า มันอาจจะนำปัญหาให้อนาคตมาให้พวกเรา…” ผู้อาวุโสห้ากล่าวเสริม
”อืมข้าเข้าใจข้าได้ไตร่ตรองเรื่องนี้มาเช่นกัน พวกเราไม่สามารถทำเรื่องนี้ด้วยตัวพวกเราเองเพียงอย่างเดียวได้!”
”ท่านหมายความว่ายังไง?” 　　”จริงๆแล้วข้าได้ติดต่อไปที่ศาลาหยินหยางซึ่งข้าได้คุยกับผู้คุมศาลา เต๋า ฮุน แล้ว”
”แล้วเขาให้คำตอบว่ายังไง?”
”ว่านเล่ยนั้นเป็นศิษย์ที่มีค่ามากที่สุดของเขา เขาถูกส่งไปที่ศาลาเต๋าสวรรค์ในฐานะฑูตเท่านั้น แต่กลับตายด้วยน้ำมือของ ฟาง เจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน แน่นอนว่า เต๋า ฮุน ไม่มีทางอยู่เฉย!”
”ท่านหมายความว่าศาลาหยินหยางยินดีที่จะร่วมมือกับพวกเรางั้นหรือ?”
”ไม่พวกเขาก็มีวิธีของพวกเขาเอง เต๋า ฮุน ได้ส่งศิษย์สองคนที่อยู่ระดับเซียนไปยังศาลาเต๋าสวรรค์แล้ว ถ้าข้าเดาไม่ผิดพวกเขาน่าจะถึงที่ตีนเขาแล้ว” ผู้อาวุโสสูงสุดพยักหน้าช้าๆ
”คนของเราก็ไปด้วยใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยิน ผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างแสดงความตกใจออกมา
”ใช่ข้าได้ส่งเซียนทั้งสามที่ดูแลเกาะจันทราสีดำไปที่นั่น พวกเขาจะไถ่ถอนความผิดของตัวเองในครั้งนี้ เมื่อพวกเขาทั้งหมดร่วมมือกัน ฟาง เจิ้งจือ ที่อยู่แค่ระดับจุติไม่มีทางรอดแน่นอน!”ผู้อาวุโสสูงสุดพยักหน้า
”ผู้อาวุโสสูงสุดจัดการทุกอย่างได้ดีมากการส่งสามเซียนจากเกาะจันทราสีดำไปนั้นเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับ ฟาง เจิ้งจือ ฉือ กูเหยียน ก็ไม่มีทางโต้แย้งอะไรได้ได้” ผู้อาวุโสคนอื่นๆล้วนเข้าใจความคิดของผู้อาวุโสสูงสุด
…
ที่ตีนเขาศาลาเต๋าสวรรค์มีกระท่อมไม้ห้าหลังตั้งอยู่
เหยียนซิว สวมชุดสีดำเดินออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง ก่อนที่จะเงยหน้ามองขึ้นไปที่ยอดเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
”วันนี้คงเป็นวันที่พวกเขาเข้าไปในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ข้าสงสัยว่าเขาและ ฉือ กูเหยียน จะไปถึงชั้นไหนแล้วนะ?” เหยียน ซิว พึมพัมกับตัวเองเบาๆ
……………………………………..