ตาย!
เสียงของฉือฟ่าน ไม่ได้ดังนัก แต่ทุกคนกลับได้ยินมันชัดเจน
หลังจากเหล่าผู้อาวุโสได้ยินพวกเขาก็โบกมือให้ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ถอยออกไปทันที
ฟังนั้นพวกเจ้าทั้งสามสิบหกคนจงแบ่งเป็นแปดกลุ่มและจัดตั้งแถวเป็นแปดแถวทันทีเผื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น! ผู้อาวุโสหกออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว
รับทราบ! เหล่าศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์รับคำสั่งทันที พวกเขากระจายกำลังออกเป็นแปดส่วน
เมื่อฉือฟ่าน เห็นเช่นนี้ เขาสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าศาลาเต๋าสวรรค์นั้นต้องการอะไร การทำแบบนี้จะทำให้ ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถหนีไปได้ และป้องกันไม่ให้ตัวพวกเขาเองที่อาจจะกลับคำพูดได้
แน่นอนสำหรับเขานี่ไม่ใช่ปัญหา
เนื่องจากเป้าหมายหลักของเขาคือฟาง เจิ้งจือ
ฟาง เจิ้งจือ เจ้ารู้ถึงสิ่งที่เจ้าทำผิดหรือไม่? ถ้าเจ้าแสดงความสำนึกผิดออกมา ข้าอาจจะเมตตาทำให้เจ้าตายไม่ทรมาร! ฉือฟ่าน มอง ฟาง เจิ้งจือ ราวกับมองคนที่ตายไปแล้ว
แน่นอนไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวทุกคนก็มองว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว
ถูกล้อมด้วยผู้ที่อยู่ในระดับเซียนจำนวนมากเช่นนี้
เขาจะรอดไปได้ยังไง…
ผิด?เหอะ เหอะ…ข้าทำอะไรผิดงั้นรึ? ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็เปิดปาก ดวงตาของเขาไม่ได้แสดงความผิดหวังหรือตื่นตระหนกออกมาแม้แต่น้อย เขากลับยิ้มออกมาแทน เมื่อเขาเห็นเหยียน ซิว เขาก็รู้ในทันทีว่าตอนนี้ทุกอย่างไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว หนีอีกครั้ง? มันเป็นไปไม่ได้แล้ว
เทียนซิงผู้นำของเก้าขุนเขาตายเพราะเจ้า ศิษย์ของข้าตายเพราะเจ้าเช่นกัน เจ้ายังกล้าถามว่าทำอะไรผิด? ฉือฟ่านดูอารมณ์ดีไม่น้อยที่กำลังจะได้ตัดสินโทษ ฟาง เจิ้งจือ เขาต้องทำให้ตัวเองมีความชอบธรรมเหนือกว่า ฟาง เจิ้งจือ ให้ได้อยู่แล้ว
มันชัดเจนความแข็งแกร่งนั้นสำคัญที่สุด มันสามารถใช้กำหนดความเป็นความตายของผู้ที่อ่อนแอกว่าได้
ตายเพราะข้า?เอ…แล้วกลุ่มเซียนที่อยู่ข้างหน้าข้านี่ล่ะ? ข้าอยู่ในระดับจุติเท่านั้น แต่เซียนสี่คนถึงกลับรวมหัวกันลอบโจมตีข้า อืมมันเป็นเรื่องที่ดีมากสินะ? ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะเสียงดังมาก ที่สำคัญผู้อาวุโสสอง กับผู้อาวุโสสี่ พวกท่านไม่ได้ต้องการจับตัวข้าเพื่อไปทำโทษต่อหน้า มู่ ฉิงเฟิง งั้นรึ? ทำไม ไม่มาจับข้าล่ะ? ฟางเจิ้งจือ หันไปมองผู้อาวุโสสองและสี่ จากนั้นเขาก็หันไปหาผู้อาวุโสหก ผู้อาวุโสหก ข้าคิดว่าท่านคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นดี แทนที่ข้าจะปรากฎตัวที่เก้าสวรรค์ แต่ข้ากลับไปปรากฎตัวที่ป่าแห่งความลึกลับ
เรื่องนี้.. ผู้อาวุโสหกอึกอัก เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ หมายความว่ายังไง
เมื่อผู้อาวุโสสองและสี่ได้ยินสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ พูด ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นน่าเกลียดน่ากลัวทันที
ฉือกูเหยียน จะแพ้ไม่ได้ แต่ข้าแพ้ได้ใช่ไหม?
ใช่แล้ว! ผู้อาวุโสหก พยักหน้าก่อนจะพูดต่อ ฉือ กูเหยียน คือผู้ที่ถูกเลือก นางจะต้องมาแต่งงานกับคนแบบเจ้าได้ยังไง? ในเมื่อเจ้าจะตายแล้ว ก็หยุดเพ้อเจ้อสักที!
อืม…ในเมื่อท่านคิดว่าสามารถตัดสินความเป็นความตายของข้าได้ท่านเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากร่างของ เหยียน ซิว แต่ทำเป็นเมินเฉยกับผู้ที่ทำผิดในเขตแดนของศาลาเต๋าสวรรค์ใช่ไหม? ท่านอ่านหนังสือมากมายเกี่ยวกับคุณธรรมของเต๋า แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยท่านยังกล้าเรียกตัวเองว่าเซียนอีกงั้นรึ?!
เจ้า… หน้าของผู้อาวุโสหกกลายเป็นสีดำทันที
ฟางเจิ้งจือ เจ้าทำลายบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีโทษถึงตาย สิ่งที่พวกเราต้องทำตอนนี้คือส่งเจ้าให้ผู้นำศาลา เช่นนั้นแล้วจะเป็นหรือตายมันจะต่างกันตรงไหน? ผู้อาวุโสสี่พูดอกมา
แล้วถ้าข้าฆ่าล้างทั้งตระกูลของท่านท่านยังอยากจะได้ตัวข้าอยู่หรือไม่? ฟาง เจิ้งจือ ถาม
เจ้า…เจ้าปากหมาเจ้าพูดจาไร้สาระเช่นนี้ได้ยังไง?! ผู้อาวุโสสี่โกรธจนพูกติดอ่าง
เหอะเหอะ…สำหรับ เทียนซิง เขาพยายามจะฆ่าข้าก่อน แล้วทำไมข้าจะฆ่าเขาเพื่อป้องกันตัวไม่ได? สำหรับ ว่านเล่ย เขาพยายาม ดึงพลังของข้าออกไปด้วยเต๋าหยินหยาง แล้วเขาจะตายเพราะข้าไม่ได้งั้นรึ? พวกท่านคงต้องการใช้ข้าเป็นแพะรับบาปเท่านั้น? ตัดสินข้า? พวกท่านไม่คู่ควรแม้แต่น้อย?!! ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ในความเป็นจริงตั้งแต่เกิดเขารู้เกี่ยวกับ’กฎ’ ของโลกใบนี้ได้
แม้เขาจะสามารถสอบจนได้เป็นผู้ชนะทั้งสองด้านของอาณาจักรเซี่ยแล้วยังไง?
เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน
นั่นหมายความว่าเขาไม่มีอำนาจไม่มีใครหนุนหลัง สำหรับคนอื่นอาจจะเลือกที่จะพึ่งพิงผู้มีอำนาจ ยอมละทิ้งตัวตนและความต้องการของตัวเองเพื่อขึ้นไปให้สู่งขึ้นเรื่อยๆ…
แต่ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ทำเช่นนั้น เส้นทางของเขาจึงลำบากกว่าคนอื่น
ในแดนศักดิ์สิทธิ์กดฎนั้นชัดเจน
ทั้งห้าสำนักเป็นผู้ควบคุมกฎของที่นี่ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เป็นศัตรูกับกลุ่มได้กลุ่มหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ เหมือนเขาไปยืนอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของพวเขา ดังนั้นชะตากรรมที่รอเขาอยู่มีเพียงความตายเท่านั้น
นั่นเพราะเขาไม่ได้เข้าร่วมทั้งห้าสำนัก และไม่ได้มีใครหนุนหลัง
ดังนั้นแม้การตายของ เทียนซิง จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลย แม้ว่า ว่านเล่ย รนหาที่ตายเอง สุดท้ายความผิดก็ตกมาอยู่ที่เขาอยู่ดี ไอรีนโนเวล
อย่างที่ฉือฟ่าน คิด ผู้แข็งแกร่งยอมเป็นผู้ที่สามารถควบคุมกฎได้
รวมถึงฉือฟ่าน เองก็มีศาลาหยินหยาง คอยหนุนหลังอยู่ แม้แต่เซียนทั้งสามจากเกาะจันทราสีดำก็มีเก้าขุนเขาคอยหนุนหลัง
ฟางเจิ้งจือ มีอะไรบ้าง
เขาไม่มีอะไรเลย…
ไรเดียงสามมาก!!! ฟาง เจิ้งจือ เงยหน้ามองท้องฟ้า มองเมฆที่ลอยผ่านท้องฟ้า
แผนของเขาคือตามหาสมบัติในแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
อย่างไรก็ตามความคิดของเขานั้นไร้เดียงสาจริงๆ
เพราะไม่ว่าเขาจะเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์ตอนไหนก็ตามเขาต้องลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งของทั้งห้าสำนักแน่นอน
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเขายังมีชีวิตต่ออีกนาน?
….
มันไม่มีทาง…
ไม่มีทางเลยทีเขาจะมีชีวิตรอด
เพราะเขาได้เอาตัวเองเข้ามาในศาลาเต๋าสวรรค์เองเขาเลือกที่จะก้าวเท้าเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง
ฟางเจิ้งจือ ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป เขาเป็นคนเลือเส้นทางนี้เอง แม้มันจะพาไปลงนรกเขาก็จะเดินต่อไป
เพื่อตัวเขาเองและเหยียน ซิว… เขาต้องช่วยเหยียน ซิว จาก หยวนหรง
เขาต้อง…
ฆ่าหยวนหรง!
ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตเขาก็ตาม
พวกท่านจะเข้ามาพร้อมกันหรือทีละคน? ฟาง เจิ้งจือ ไม่รอให้ใครพูดอะไร เขายกดาบขึ้น
ปากของฉือฟ่าน กระตุกเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะเถียงเรื่องนี้กับ ฟาง เจิ้งจือ แต่เมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ ยกดาบขึ้น…
ฮ่าฮ่าฮ่า… ไม่เลวเลย ข้าเลือกเจ้าเป็นแพะรับบาปแล้วยังไง? เจ้าแข็งแกร่ง แต่เจ้าไม่มีใครหนุนหลัง แม้แต่ศาลาเต๋าสวรรค์ก็ไม่ยืนข้องเจ้า ดังนั้น…เจ้าก็ต้องรับชะตากรรมแพะรับบาปนี้ไป! จะเป็นคนอื่นไปได้ยังไงล่ะ? ฮ่าฮ่า ฉือฟ่าน พูด พร้อมยิ้มออกมา
สำหรับเซียนทั้งสามจากเกาะจันทราสีดำพวกเขาไม่ได้มีท่าทีอะไร
นี่เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถแก้แค้นฉือ กูเหยียน ได้อย่างแน่นอน ไม่สามารถแก้แค้นศาลาเต๋าสวรรค์ได้
ดังนั้น…
ตัวเลือกของพวกเขามีเพียงฟาง เจิ้งจือ
พวกเขาต้องกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองคืน
ผู้อาวุโสฉือไม่ต้องเถียงกับเจ้าเด็กนี่ต่อหรอก รีบฆ่าเขาได้แล้ว! ชายชราที่อยู่ข้างๆฉือฟ่าน พูดขึ้นมา
อืมในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับความผิดของเจ้า ข้าก็ไม่มีทางเลือก ฉือฟ่านพยักหน้าเบาๆ
ผู้อาวุโสฉือเขาอยู่ในระดับจุติเท่านั้น หากท่านสังหารเขาด้วยตัวเอง เกรงว่าชื่อเสียงของท่านจะหม่นหมอง ให้ข้าจัดการเรื่องนี้เอง ชายชราที่อยู่ด้านขึ้นงพูดขึ้นมาอีกครั้ง
อืมแต่ระวังตัวด้วย เขา…ไม่ได้อ่อนแอ! ฉือฟ่านเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
อย่าได้กังวลไปผู้อาวุโสฉือข้าจะจบเรื่องนี้ให้รวดเร็วที่สุด! เพียงสามกระบวนท่าก็จบแล้ว! ชายชรายิ้มออกมาอย่างเย็นชา ก่อนที่จะก้าวออกไปด้านหน้าห้าก้าว ต่อหน้า ฟาง เจิ้งจือ เจ้าสวะ ข้าชื่อว่า หยิน ซือ ข้าเข้าสู่ระดับเซียนเมื่อสามปีก่อน แน่นอนในฐานะที่เจ้าอายุน้อยกว่าควรจะเรียกข้าว่า ‘ผู้อาวุโสซือ!
ฟุบ!
หลังจากหยิน ซือ พูดจบ ได้มีรางหนึ่งมาอยู่ด้านหน้าเขาแล้ว ดวงตาของเขาแสดงความแปลกใจออกมาทันที ดูประหลาดใจประกายตาของเขา
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเห็นดวงตาคู่หนึ่ง
ดวงตาที่โปร่งแสงมีภาพมากมายไม่ถ้วนคอยหมุนเวียน มี่สำคัญที่สุดมีอักษรสีทองปรากฎอยู่บนตาคู่นั้น
เร็วมาก?! เมื่อผู้อาวุโสสอง สี่ หก เห็น พวกเขาก็อุทานออกมาทันที
พวกเขารู้ว่าฟาง เจิ้งจือ เร็วแค่ไหน
อย่างไรก็ตามพวกเขาเห็นฟาง เจิ้งจือ ครั้งสุดท้ายที่บริเวณแท่นบูชา ทำไมเขาถึงเร็วมากกว่าเดิมมากขนาดนี้?
อาจจะเป็นเพราะการเข้าไปในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์…
……………………………………..