”หุบปากนั่นเพราะเจ้ามันชั่วร้ายและไร้ยางอาย ไม่งั้นเจ้าจะแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าห้าเซียนได้ยังไง!”ผู้อาวุโสห้าตะโกนด้วยความโกรธ
”ข้าคือคนไร้ยางอายที่ต่อสู้กับศัตรูห้าคนงั้นหรือ?งั้นที่พวกท่านทั้งสี่คนมารุมข้าเป็นเพราะข้าไร้ยางอายเหรอ?”ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่กลุ่มเซียนด้วยความรังเกียจ
อย่างไรก็ตามเขารู้ถึงคำว่า ‘ผู้ชนะจะได้ทุกอย่าง’ มันไม่ได้เกี่ยวว่าเขาจะไร้ยางอายหรือไม่
นั่นเพราะประวัติศาสตร์จะถูกเขียนขึ้นโดยผู้ชนะเสมอ
ร่างของเต๋าฮุนไม่ได้หนักมากนักในทางกลับกัน มันเบาพอที่จะไม่ส่งผลกับความสามารถของ ฟาง เจิ้งจือ แม้แต่น้อย
ความจริงแล้วเหตุผลที่เขาไม่เอาเต๋าฮุนไปเก็บไว้ในกลืนกินโลก ไม่ใช่เพราะจะเอามาเป็นโล่ป้องกัน นั่นเป็นเพราะกลืนกินโลกคือมิติพิเศษมิติหนึ่ง
ซึ่งตอนนี้มันได้ถูกปรับแต่งไปแล้วมันยังเก็บสิ่งต่างๆได้อยู่ อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ผืนโลกทั่วๆไปอีกแล้ว มันจึงไม่มีองค์ประกอบอย่างเช่นอากาศหายใจ
และเพราะแบบนั่นฟาง เจิ้งจือ จึงเก็บร่างของเต๋าฮุนไว้ได้ในเวลาสั้นๆเท่านั้น
การข่มขู่ด้วยชีวิตของเต๋าฮุน… ฟาง เจิ้งจือ เคยคิดวิธีนี้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่ต้องการทำเช่นนั้น อาจเป็นเพราะ เขานึกถึงตอนที่สู้กับหยวนหรง
มันทำให้เขานึกถึงความเจ็บปวดที่แสนสาหัส
แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือเขารู้ว่าไม่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ความจริงแล้วเมื่อได้เห็นทะเลไร้สิ้นสุด เขาก็ตระหนักทันทีว่าต่อให้ข่มขู่ด้วยร่างของเต๋าฮุนมันก็คงไม่ช่วยอะไรนัก
นั่นเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าชายสามคนตรงหน้า นอกจากนี้ แม้โม่ยู่จะปลดปล่อยทะเลไร้สิ้นสุดออกมา เขาก็ยังไม่โจมตี ฟาง เจิ้งจือ ตรงๆเลยแม้แต่น้อย
มันรู้สึกแปลกๆ
ราวกับมีกฎข้อหนึ่งระหว่างฟาง เจิ้งจือ และโม่ยู่ ตราบใดที่เขาไม่ได้ข่มขู่ด้วยชีวิตของเต๋าฮุน โม่ยู่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ในครั้งนี้
มันให้ความรู้สึกที่ไม่ดีเลย
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสัตว์ป่าในกรง ไม่ว่าจะดุร้ายแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถทำลายกรงนั้นออกมาได้
ผู้อาวุโสสูงสุดโม่ยู่ เขาคือกรงที่แข็งแกร่ง
แม้จะเป็นแบบนั้นฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เขาต้องต่อสู้จนกว่าจะเป็นอิสระ
ผู้อาวุโสห้าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
อย่างไรก็ตามโม่ยู่ส่ายหัวให้ผู้อาวุโสห้าและพูดกับ ฟาง เจิ้งจือ “เจ้ารู้ดีว่าแผนของเจ้ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เจ้าก็ยังเลือกที่จะทำมัน ข้าไม่คิดว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้น!”
”มันสำคัญด้วยหรือ?”ฟางเจิ้งจือ ตอบด้วยคำถาม
”ฮึ่มมันไม่สำคัญหรอกเจ้าฆ่าฉือฟาน ทำให้ผู้นำศาลาหมดสติ และทำร้ายคนของเราจนบาดเจ็บสาหัสถึงสามคน ทางออกเดียวคือฆ่าเจ้า!”โม่ยู่พยักหน้า
”ถ้าแบบนั้นก็เข้ามา”ฟาง เจิ้งจือ จับดาบไร้ร่องรอยแน่น และยืนขึ้นอีกครั้งจิตสังหารของเขารุนแรงยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนจะเป็นแค่เรือลำเล็กในมหาสมุทร
อย่างไรก็ตามเขามีความมุ่งมั่นกงล้อแห่งการจุติหมุนช้าลงเรื่อยๆในดวงตาของเขา แสงสีทั้งสี่เริ่มส่องสว่าง ”ตาย!”ผู้อาวุโสทั้งสามคนพุ่งเข้าหาฟาง เจิ้งจือ อย่างไม่ลังเล
แทนที่จะปิดล้อมฟาง เจิ้งจือ จากสามทาง พวกเขาเลือกโจมตีไปที่หัวเพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางหยุดการโจมตีนี้ได้
น้ำทะเลเริ่มซัดผ่าน
มันกลายเป็นกระแสน้ำวนใต้เท้าฟาง เจิ้งจือ และตรึงร่างของเขาไว้
แม้จะเป็นอย่างนั้นฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่เหลือบมองน้ำวนที่เท้าแม้แต่น้อย เขาจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสาม ในตอนนั้นเอง ดาบของเขาเริ่มเคลื่อนไหว
เขาชูดาบขึ้นสูงชี้ไปบนท้องฟ้า
แสงอาทิตย์สะท้อนที่ปลายดาบจนเกิดเป็นประกายแสงสีแดงทอง
จากนั้นดาบไร้ร่องรอยก็แทงลงไปที่พื้น แทนที่จะเป็นร่างของผู้อาวุโสทั้งสาม
ต่อมา…ทันทีที่ดาบเจาะลงพื้น พื้นดินก็สั่นสะเทือน แสงสว่างนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาจากเกลียวคลื่น
แสงเหล่านั้นคือดาบ
ดาบทุกเล่มส่องสว่างด้วยแสงสีแดงและแสงสีม่วงมันงดงามราวกับมังกรกำลังร่ายรำดาบที่พุ่งขึ้นมาแทงร่างของผู้อาวุโสทั้งสาม
”ร้อยดาบผ่ามังกร!”ฟางเจิ้งจือ กระซิบเบาๆราวกับพูดกับตัวเอง อย่างไรก็ตาม ดาบไร้ร่องรอยกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แสงม่วงที่น่ากลัวสว่างขึ้น สว่างขึ้นเรื่อยๆราวกับว่าต้องการกลืนกินท้องฟ้า
”อะไรน่ะ!”ท่าทีของผู้อาวุโสห้าและผู้อาวุโสหกเปลี่ยนไปพวกเขาไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะยังโจมตีใส่พวกเขาได้
พวกเขาประหลาดใจเพราะ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ควรจะเหลือพลังอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามพวกเขาสัมผัสมันได้จาก ฟาง เจิ้งจือ แหล่งพลังงานที่ท้วมท้นราวกับพลังของทะเลไร้สิ้นสุด
ผู้อาวุโสทั้งสามหลบการโจมตีด้วยสัญชาตญาณ
อย่างไรก็ตามมีดาบมากมายพุ่งออกมาจากคลื่นทะเลพวกเขาไม่สามารถหลบได้ทั้งหมด กลับกันพวกเขาถูกปกคลุมด้วยบาเรียแสง
บาเรียแสงที่ปกคลุมร่างพวกเขาและมันสร้างขึ้นจากน้ำทะเล
การป้องกันของมันทรงพลังมาก
อย่างไรก็ตามพวกเขารู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์กับดาบที่พุ่งเข้ามา
”ตูม!”บาเรียของผู้อาวุโสหกถูกทำลายเป็นคนแรกดาบแทงไปที่เกราะน้ำทะเลบนร่างของเขา
”แครก!”มันสร้างรอยร้าวขึ้นบนตัวเกราะ
ยังไม่หมดแค่นั้นดาบเล่มที่สองรวดเร็วดุจสายฟ้า มันแทงไปที่เกราะอีกครั้ง
”ผู้อาวุโสหก!”ผู้อาวุโสห้าอยากจะช่วยผู้อาวุโสหกแต่เขายังเอาตัวเองไม่รอด ดาบพวกนั้นคมและน่ากลัว ชุดเกราะของเขาเองก็ถูกทำลายเช่นกัน
เขาจะไปช่วยผู้อาวุโสหกได้ยังไง?
”บ้าเอ้ย!”ผู้อาวุโสสองตะโกนด้วยความโกรธหน้าอกของเขาเริ่มส่องแสงสีเขียว
มันเป็นแสงที่แผ่วบางแต่มันทำให้ดาบรอบๆตัวเขาชะลอความเร็วลง
นั่นเป็นฉากที่น่าตกใจมาก
ศิษย์ของศาลาหยินหยางต่างพูดไม่ออกพวกเขาไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะต่อสู้ได้ขนาดนี้
ยิ่งกว่านั้น…เขายังทำให้ผู้อาวุโสสองต้องใช้หนึ่งในสมบัติที่ดีที่สุดของศาลาหยินหยาง “น้ำหอมเหมันต์”
ได้ยินมาว่าสิ่งที่ใช้สร้างมันมาจากส่วนที่ลึกที่สุดขอภูเขาหิมะมันเป็นประเภทเดียวกันกับวิญญาณภูเขาพันปี แต่มันส่งกลิ่นที่เย็นเยือกออกมาจึงได้ชื่อนี้
มันคือสมบัติที่ล้ำค่าเป็นสมบัติที่สามารถตรึงทุกอย่างไว้ได้ในทันที แต่สามารถใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น
เนื่องจากต้องหยุดการเคลื่อนไหวของดาบพวกเขาเสียพลังไปมาก
ผู้อาวุโสห้าและผู้อาวุโสหกผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามใตอนนั้นเอง ฟาง เจิ้งจือ ก็พุ่งไปหาเขาทั้งสอง
”เขาเคลื่อนไหว!”
”ชายคนนี้อาศัยช่วงเวลานี้เข้าโจมตี!”
”เขาบ้าไปแล้วเหรอ!”
ศิษย์ของศาลาหยินหยางไม่สามารถเชื่อสิ่งที่เห็นได้แต่มันเกิดขึ้นจริงๆ เขาแทงดาบไร้ร่อยรอยตัดผ่านคลื่นทะเล
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้เคลื่อนที่เร็วมากนัก เพราะคลื่นทะเลต้านการเคลื่อนไหวของเขาไว้ คลื่นซัดทุกครั้งที่เขาค่อยๆก้าวเข้าไป
เหล่าศิษย์ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในเวลาเดียวกันโม่ยู่ขมวดคิ้วเป็นครั้งแรก ตามปกติแล้วเขาจะแสดงท่าทีเช่นนั้นก็ต่อเมื่อเจอกับผู้ที่แข็งแกร่งเพียงไม่กี่คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เขาขมวดคิ้วต่อ ฟาง เจิ้งจือ
”ข้าต้องช่วยเหยียน ซิว อีกนิดเดียว …ข้าต้องช่วย เหยียน ซิว ให้ได้!”ฟาง เจิ้งจือ มองไปข้างหน้าในขณะที่พึมพำกับตัวเอง แม้คนรอบข้างจะไม่ได้ยิน แต่เขาได้ยินชัดเจน
”ตายซะ!”เสียงของฟาง เจิ้งจือ ก้องสะท้อนไปถึงสวรรค์ เขาดึงดาบไร้ร่องรอยขึ้นจากน้ำทะเล และตวัดไปยังผู้อาวุโสทั้งสาม
ในตอนนี้ดาบทั้งหมดที่หยุดนิ่งเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แสงนับหมื่นพุ่งมารวมกันที่ดาบไร้ร่องรอย ทำให้ขนาดของมันขยายใหญ่กว่าเดิมสิบเท่า
”เจ้าโง่รนหาที่ตาย!”ผู้อาวุโสห้าพูดขึ้น
”ผู้อาวุโสห้าอย่าสู้กับมัน หลบเร็ว!”เสียงของผู้อาวุโสสองดังขึ้น เขาวิ่งออกมาในขณะที่พูด ผู้อาวุโสหกเองก็หลบไปด้านข้างเขาพร้อมหลบทันทีที่เห็น ฟาง เจิ้งจือ พุ่งเข้ามา
”หลบเร็ว!”ผู้อาวุโสห้าดูไม่อยากจะทำแบบนั้นพวกเขาทั้งสามต่อสู้กับ ฟาง เจิ้งจือ พร้อมกัน และมีผู้อาวุโสสูงสุดคอยช่วยเหลือ
ด้วยความได้เปรียบเช่นนี้…พวกเขาจะหลบการโจมตีได้ยังไง!
ผู้อาวุโสห้าไม่สามารถทำได้อีกต่อไปมันไม่ใช่เรื่องของพลัง แต่มันคือศักดิ์ศรีในฐานะเซียน
ในที่สุดผู้อาวุโสห้าก็ตัดสินใจรับดาบไร้ร่องรอยด้วยพลังทั้งหมด
ดาบของเขาส่องสว่างขึ้นราวกับดวงดาวที่สาดแสงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
”พิฆาตดารา!”ผู้อาวุโสห้ากลายเป็นเส้นแสงพุ่งเข้าไปแสงสีดำส่องสว่างที่ดาบของเขา
อย่างไรก็ตามมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นั่นเพราะดาบของ ฟาง เจิ้งจือ ผ่าลงมาแล้ว มันเป็นการโจมตีที่เรียบง่าย แต่มีพลังเทียบเท่าภูเขาทั้งลูก
ดาบที่เปล่งประกายของผู้อาวุโสห้าต้องการปลดปล่อยพลังของมันแต่มันถูกยับยั้งด้วยพลังอันน่ากลัว มันได้แค่ส่องสว่างออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนที่มันจะแตกสลายไปในที่สุด
”แครก!”ดาบแตกออกเป็นเสี่ยง
ดวงตาของผู้อาวุโสห้าเบิกกว้างเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าดาบของเขาจะแตกก่อนที่จะได้ปล่อยการโจมตี
อย่างไรก็ตามความจริงมักโหดร้าย
ดาบของฟาง เจิ้งจือ ยังคงผ่าลงมาก แต่ดาบของเขาได้แตกสลายไปแล้ว
”ไม่!”ผู้อาวุโสห้าโห่ร้องด้วยความเจ็บปวดในตอนนั้น เขาตระหนักทันทีว่า ฟาง เจิ้งจือ แข็งแกร่งแค่ไหน
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโหกถึงยอมทิ้งศักดิ์ศรีและหลบการโจมตีของฟาง เจิ้งจือ โดยไม่พยายามป้องกัน อย่างไรก็ตามมันก็สายเกินไปแล้ว
เขาไม่สามารถย้อนกลับไปได้เขาได้แต่มองดาบไร้ร่องรอยตัดแขนของเขา
เกราะที่ทำจากน้ำทะเลไม่สามารถต้านดาบทั้งหมดของฟาง เจิ้งจือ ได้
เลือดของเขา…พุ่งขึ้นไปในอากาศ
ยังไม่หมดแค่นั้นดาบยังคงผ่าลงไปอย่างต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าจะหยุดลงแม้แต่น้อย
ในตอนนี้ผู้อาวุโสห้าเห็นดวงตาคู่หนึ่ง ดวงตาที่สดใสและส่องสว่างด้วยแสงสีทั้งสี่
มันน่าขนลุกแต่มันทำให้ผู้อาวุโสห้ารู้สึกได้ถึงความตาย
……………………………………..
”ข้าคือคนไร้ยางอายที่ต่อสู้กับศัตรูห้าคนงั้นหรือ?งั้นที่พวกท่านทั้งสี่คนมารุมข้าเป็นเพราะข้าไร้ยางอายเหรอ?”ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่กลุ่มเซียนด้วยความรังเกียจ
อย่างไรก็ตามเขารู้ถึงคำว่า ‘ผู้ชนะจะได้ทุกอย่าง’ มันไม่ได้เกี่ยวว่าเขาจะไร้ยางอายหรือไม่
นั่นเพราะประวัติศาสตร์จะถูกเขียนขึ้นโดยผู้ชนะเสมอ
ร่างของเต๋าฮุนไม่ได้หนักมากนักในทางกลับกัน มันเบาพอที่จะไม่ส่งผลกับความสามารถของ ฟาง เจิ้งจือ แม้แต่น้อย
ความจริงแล้วเหตุผลที่เขาไม่เอาเต๋าฮุนไปเก็บไว้ในกลืนกินโลก ไม่ใช่เพราะจะเอามาเป็นโล่ป้องกัน นั่นเป็นเพราะกลืนกินโลกคือมิติพิเศษมิติหนึ่ง
ซึ่งตอนนี้มันได้ถูกปรับแต่งไปแล้วมันยังเก็บสิ่งต่างๆได้อยู่ อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ผืนโลกทั่วๆไปอีกแล้ว มันจึงไม่มีองค์ประกอบอย่างเช่นอากาศหายใจ
และเพราะแบบนั่นฟาง เจิ้งจือ จึงเก็บร่างของเต๋าฮุนไว้ได้ในเวลาสั้นๆเท่านั้น
การข่มขู่ด้วยชีวิตของเต๋าฮุน… ฟาง เจิ้งจือ เคยคิดวิธีนี้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่ต้องการทำเช่นนั้น อาจเป็นเพราะ เขานึกถึงตอนที่สู้กับหยวนหรง
มันทำให้เขานึกถึงความเจ็บปวดที่แสนสาหัส
แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือเขารู้ว่าไม่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ความจริงแล้วเมื่อได้เห็นทะเลไร้สิ้นสุด เขาก็ตระหนักทันทีว่าต่อให้ข่มขู่ด้วยร่างของเต๋าฮุนมันก็คงไม่ช่วยอะไรนัก
นั่นเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าชายสามคนตรงหน้า นอกจากนี้ แม้โม่ยู่จะปลดปล่อยทะเลไร้สิ้นสุดออกมา เขาก็ยังไม่โจมตี ฟาง เจิ้งจือ ตรงๆเลยแม้แต่น้อย
มันรู้สึกแปลกๆ
ราวกับมีกฎข้อหนึ่งระหว่างฟาง เจิ้งจือ และโม่ยู่ ตราบใดที่เขาไม่ได้ข่มขู่ด้วยชีวิตของเต๋าฮุน โม่ยู่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ในครั้งนี้
มันให้ความรู้สึกที่ไม่ดีเลย
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสัตว์ป่าในกรง ไม่ว่าจะดุร้ายแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถทำลายกรงนั้นออกมาได้
ผู้อาวุโสสูงสุดโม่ยู่ เขาคือกรงที่แข็งแกร่ง
แม้จะเป็นแบบนั้นฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เขาต้องต่อสู้จนกว่าจะเป็นอิสระ
ผู้อาวุโสห้าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
อย่างไรก็ตามโม่ยู่ส่ายหัวให้ผู้อาวุโสห้าและพูดกับ ฟาง เจิ้งจือ “เจ้ารู้ดีว่าแผนของเจ้ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เจ้าก็ยังเลือกที่จะทำมัน ข้าไม่คิดว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้น!”
”มันสำคัญด้วยหรือ?”ฟางเจิ้งจือ ตอบด้วยคำถาม
”ฮึ่มมันไม่สำคัญหรอกเจ้าฆ่าฉือฟาน ทำให้ผู้นำศาลาหมดสติ และทำร้ายคนของเราจนบาดเจ็บสาหัสถึงสามคน ทางออกเดียวคือฆ่าเจ้า!”โม่ยู่พยักหน้า
”ถ้าแบบนั้นก็เข้ามา”ฟาง เจิ้งจือ จับดาบไร้ร่องรอยแน่น และยืนขึ้นอีกครั้งจิตสังหารของเขารุนแรงยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนจะเป็นแค่เรือลำเล็กในมหาสมุทร
อย่างไรก็ตามเขามีความมุ่งมั่นกงล้อแห่งการจุติหมุนช้าลงเรื่อยๆในดวงตาของเขา แสงสีทั้งสี่เริ่มส่องสว่าง ”ตาย!”ผู้อาวุโสทั้งสามคนพุ่งเข้าหาฟาง เจิ้งจือ อย่างไม่ลังเล
แทนที่จะปิดล้อมฟาง เจิ้งจือ จากสามทาง พวกเขาเลือกโจมตีไปที่หัวเพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางหยุดการโจมตีนี้ได้
น้ำทะเลเริ่มซัดผ่าน
มันกลายเป็นกระแสน้ำวนใต้เท้าฟาง เจิ้งจือ และตรึงร่างของเขาไว้
แม้จะเป็นอย่างนั้นฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่เหลือบมองน้ำวนที่เท้าแม้แต่น้อย เขาจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสาม ในตอนนั้นเอง ดาบของเขาเริ่มเคลื่อนไหว
เขาชูดาบขึ้นสูงชี้ไปบนท้องฟ้า
แสงอาทิตย์สะท้อนที่ปลายดาบจนเกิดเป็นประกายแสงสีแดงทอง
จากนั้นดาบไร้ร่องรอยก็แทงลงไปที่พื้น แทนที่จะเป็นร่างของผู้อาวุโสทั้งสาม
ต่อมา…ทันทีที่ดาบเจาะลงพื้น พื้นดินก็สั่นสะเทือน แสงสว่างนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาจากเกลียวคลื่น
แสงเหล่านั้นคือดาบ
ดาบทุกเล่มส่องสว่างด้วยแสงสีแดงและแสงสีม่วงมันงดงามราวกับมังกรกำลังร่ายรำดาบที่พุ่งขึ้นมาแทงร่างของผู้อาวุโสทั้งสาม
”ร้อยดาบผ่ามังกร!”ฟางเจิ้งจือ กระซิบเบาๆราวกับพูดกับตัวเอง อย่างไรก็ตาม ดาบไร้ร่องรอยกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แสงม่วงที่น่ากลัวสว่างขึ้น สว่างขึ้นเรื่อยๆราวกับว่าต้องการกลืนกินท้องฟ้า
”อะไรน่ะ!”ท่าทีของผู้อาวุโสห้าและผู้อาวุโสหกเปลี่ยนไปพวกเขาไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะยังโจมตีใส่พวกเขาได้
พวกเขาประหลาดใจเพราะ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ควรจะเหลือพลังอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามพวกเขาสัมผัสมันได้จาก ฟาง เจิ้งจือ แหล่งพลังงานที่ท้วมท้นราวกับพลังของทะเลไร้สิ้นสุด
ผู้อาวุโสทั้งสามหลบการโจมตีด้วยสัญชาตญาณ
อย่างไรก็ตามมีดาบมากมายพุ่งออกมาจากคลื่นทะเลพวกเขาไม่สามารถหลบได้ทั้งหมด กลับกันพวกเขาถูกปกคลุมด้วยบาเรียแสง
บาเรียแสงที่ปกคลุมร่างพวกเขาและมันสร้างขึ้นจากน้ำทะเล
การป้องกันของมันทรงพลังมาก
อย่างไรก็ตามพวกเขารู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์กับดาบที่พุ่งเข้ามา
”ตูม!”บาเรียของผู้อาวุโสหกถูกทำลายเป็นคนแรกดาบแทงไปที่เกราะน้ำทะเลบนร่างของเขา
”แครก!”มันสร้างรอยร้าวขึ้นบนตัวเกราะ
ยังไม่หมดแค่นั้นดาบเล่มที่สองรวดเร็วดุจสายฟ้า มันแทงไปที่เกราะอีกครั้ง
”ผู้อาวุโสหก!”ผู้อาวุโสห้าอยากจะช่วยผู้อาวุโสหกแต่เขายังเอาตัวเองไม่รอด ดาบพวกนั้นคมและน่ากลัว ชุดเกราะของเขาเองก็ถูกทำลายเช่นกัน
เขาจะไปช่วยผู้อาวุโสหกได้ยังไง?
”บ้าเอ้ย!”ผู้อาวุโสสองตะโกนด้วยความโกรธหน้าอกของเขาเริ่มส่องแสงสีเขียว
มันเป็นแสงที่แผ่วบางแต่มันทำให้ดาบรอบๆตัวเขาชะลอความเร็วลง
นั่นเป็นฉากที่น่าตกใจมาก
ศิษย์ของศาลาหยินหยางต่างพูดไม่ออกพวกเขาไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะต่อสู้ได้ขนาดนี้
ยิ่งกว่านั้น…เขายังทำให้ผู้อาวุโสสองต้องใช้หนึ่งในสมบัติที่ดีที่สุดของศาลาหยินหยาง “น้ำหอมเหมันต์”
ได้ยินมาว่าสิ่งที่ใช้สร้างมันมาจากส่วนที่ลึกที่สุดขอภูเขาหิมะมันเป็นประเภทเดียวกันกับวิญญาณภูเขาพันปี แต่มันส่งกลิ่นที่เย็นเยือกออกมาจึงได้ชื่อนี้
มันคือสมบัติที่ล้ำค่าเป็นสมบัติที่สามารถตรึงทุกอย่างไว้ได้ในทันที แต่สามารถใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น
เนื่องจากต้องหยุดการเคลื่อนไหวของดาบพวกเขาเสียพลังไปมาก
ผู้อาวุโสห้าและผู้อาวุโสหกผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามใตอนนั้นเอง ฟาง เจิ้งจือ ก็พุ่งไปหาเขาทั้งสอง
”เขาเคลื่อนไหว!”
”ชายคนนี้อาศัยช่วงเวลานี้เข้าโจมตี!”
”เขาบ้าไปแล้วเหรอ!”
ศิษย์ของศาลาหยินหยางไม่สามารถเชื่อสิ่งที่เห็นได้แต่มันเกิดขึ้นจริงๆ เขาแทงดาบไร้ร่อยรอยตัดผ่านคลื่นทะเล
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้เคลื่อนที่เร็วมากนัก เพราะคลื่นทะเลต้านการเคลื่อนไหวของเขาไว้ คลื่นซัดทุกครั้งที่เขาค่อยๆก้าวเข้าไป
เหล่าศิษย์ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในเวลาเดียวกันโม่ยู่ขมวดคิ้วเป็นครั้งแรก ตามปกติแล้วเขาจะแสดงท่าทีเช่นนั้นก็ต่อเมื่อเจอกับผู้ที่แข็งแกร่งเพียงไม่กี่คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เขาขมวดคิ้วต่อ ฟาง เจิ้งจือ
”ข้าต้องช่วยเหยียน ซิว อีกนิดเดียว …ข้าต้องช่วย เหยียน ซิว ให้ได้!”ฟาง เจิ้งจือ มองไปข้างหน้าในขณะที่พึมพำกับตัวเอง แม้คนรอบข้างจะไม่ได้ยิน แต่เขาได้ยินชัดเจน
”ตายซะ!”เสียงของฟาง เจิ้งจือ ก้องสะท้อนไปถึงสวรรค์ เขาดึงดาบไร้ร่องรอยขึ้นจากน้ำทะเล และตวัดไปยังผู้อาวุโสทั้งสาม
ในตอนนี้ดาบทั้งหมดที่หยุดนิ่งเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แสงนับหมื่นพุ่งมารวมกันที่ดาบไร้ร่องรอย ทำให้ขนาดของมันขยายใหญ่กว่าเดิมสิบเท่า
”เจ้าโง่รนหาที่ตาย!”ผู้อาวุโสห้าพูดขึ้น
”ผู้อาวุโสห้าอย่าสู้กับมัน หลบเร็ว!”เสียงของผู้อาวุโสสองดังขึ้น เขาวิ่งออกมาในขณะที่พูด ผู้อาวุโสหกเองก็หลบไปด้านข้างเขาพร้อมหลบทันทีที่เห็น ฟาง เจิ้งจือ พุ่งเข้ามา
”หลบเร็ว!”ผู้อาวุโสห้าดูไม่อยากจะทำแบบนั้นพวกเขาทั้งสามต่อสู้กับ ฟาง เจิ้งจือ พร้อมกัน และมีผู้อาวุโสสูงสุดคอยช่วยเหลือ
ด้วยความได้เปรียบเช่นนี้…พวกเขาจะหลบการโจมตีได้ยังไง!
ผู้อาวุโสห้าไม่สามารถทำได้อีกต่อไปมันไม่ใช่เรื่องของพลัง แต่มันคือศักดิ์ศรีในฐานะเซียน
ในที่สุดผู้อาวุโสห้าก็ตัดสินใจรับดาบไร้ร่องรอยด้วยพลังทั้งหมด
ดาบของเขาส่องสว่างขึ้นราวกับดวงดาวที่สาดแสงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
”พิฆาตดารา!”ผู้อาวุโสห้ากลายเป็นเส้นแสงพุ่งเข้าไปแสงสีดำส่องสว่างที่ดาบของเขา
อย่างไรก็ตามมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นั่นเพราะดาบของ ฟาง เจิ้งจือ ผ่าลงมาแล้ว มันเป็นการโจมตีที่เรียบง่าย แต่มีพลังเทียบเท่าภูเขาทั้งลูก
ดาบที่เปล่งประกายของผู้อาวุโสห้าต้องการปลดปล่อยพลังของมันแต่มันถูกยับยั้งด้วยพลังอันน่ากลัว มันได้แค่ส่องสว่างออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนที่มันจะแตกสลายไปในที่สุด
”แครก!”ดาบแตกออกเป็นเสี่ยง
ดวงตาของผู้อาวุโสห้าเบิกกว้างเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าดาบของเขาจะแตกก่อนที่จะได้ปล่อยการโจมตี
อย่างไรก็ตามความจริงมักโหดร้าย
ดาบของฟาง เจิ้งจือ ยังคงผ่าลงมาก แต่ดาบของเขาได้แตกสลายไปแล้ว
”ไม่!”ผู้อาวุโสห้าโห่ร้องด้วยความเจ็บปวดในตอนนั้น เขาตระหนักทันทีว่า ฟาง เจิ้งจือ แข็งแกร่งแค่ไหน
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโหกถึงยอมทิ้งศักดิ์ศรีและหลบการโจมตีของฟาง เจิ้งจือ โดยไม่พยายามป้องกัน อย่างไรก็ตามมันก็สายเกินไปแล้ว
เขาไม่สามารถย้อนกลับไปได้เขาได้แต่มองดาบไร้ร่องรอยตัดแขนของเขา
เกราะที่ทำจากน้ำทะเลไม่สามารถต้านดาบทั้งหมดของฟาง เจิ้งจือ ได้
เลือดของเขา…พุ่งขึ้นไปในอากาศ
ยังไม่หมดแค่นั้นดาบยังคงผ่าลงไปอย่างต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าจะหยุดลงแม้แต่น้อย
ในตอนนี้ผู้อาวุโสห้าเห็นดวงตาคู่หนึ่ง ดวงตาที่สดใสและส่องสว่างด้วยแสงสีทั้งสี่
มันน่าขนลุกแต่มันทำให้ผู้อาวุโสห้ารู้สึกได้ถึงความตาย
……………………………………..