ฟางเจิ้งจือ เจ้าคิดงั้นหรือว่าจะมีใครเชื่อเจ้า? สายตาของเฉียนยี่เต็มไปด้วยความอันตราย
ในขณะเดียวกันคังเยว่เองก็ดูสับสนนางตกตะลึงแต่นางรู้สึกเหมือนตัวเองสูญเสียบางอย่างไป
ศิษย์ที่อยู่รอบๆเลือกที่จะเงียบ
มันคงเป็นความจริงที่จะไม่เชื่อข้าอย่างไรก็ตาม … ฟาง เจิ้งจือหยุดพูด เพราะถึงตอนนี้คำถามบางข้อได้ถูกตอบแล้ว
คำถามอีกข้อที่เขายังนึกไม่ออกคือสงครามที่หลิน มู่ไป่ และ เฉียนยี่พูดถึง
เขาเดาว่าทุกอย่างเริ่มต้นจากสงครามครั้งนั้นแต่น่าแปลกที่ไม่มีบันทึกเรื่องนี้ไว้ในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเซี่ยแม้แต่น้อย
ตัวเฉียนยี่เองก็เข้าร่วมสงครามครั้งนั้นเช่นกันหรือแม้แต่หอคอยหลิงหยุนก็ดูจะเกี่ยวข้อง มันต้องเป็นสงครามที่รุนแรงมากแน่นอน
แต่ทำไมมันถึงไม่ถูกบันทึกไว้?
มันต้องมีเรื่องบางอย่างที่ไม่ธรรมดา
เดี๋ยวก่อน!
สงครามเกิดขึ้นที่อาณาจักรเซี่ยเมื่อหลายสิบปีก่อน?!
อาณาจักรเซี่ย…หลายสิบปีก่อน?
เป็นสงครามที่ทะเลสาบสิบลี้ใช่หรือไม่?!
ตาของฟาง เจิ้งจือ เปล่งประกาย สงครามที่ทะเลสาบสิบลี้เป็นสงครามที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเซี่ย ตามบันทึกมันเป็นสงครามระหว่างอาณาจักรเซี่ยและปีศาจ อาณาจักรเซี่ยเกือบจะล่มสลายเพราะเหตุการณ์นั้น
อย่างไรก็ตามมันระบุไว้ว่าชัยชนะได้มาเพราะกองทหารเมฆาของตระกูลเหยียน
มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆงั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือ ไม่คิดแบบนั้น บางทีความจริงของสงครามครั้งนั้นอาจจะถูกปิดบังไว้…
อย่างไรก็ตาม? ขณะที่เฉียนยี่พูด มือของนางก็เอาไปไว้ด้านหลังอย่างลึกลับ
ฝ่าบาทยู่เอ๋อร์เป็นต้นเหตุของสงครามเมื่อสิบกว่าปีก่อนใช่ไหม? ฟาง เจิ้งจือ หันไปถาม หลิน มู่ไป่
เจ้า…เจ้ารู้ได้ยังไง? หลิน มู่ไป่ ตัวสั่นด้วยความไม่เชื่อ
มันเป็นสงครามเดียวกับสงครามที่ทะเลสาบสิบลี้ใช่ไหม? ฟาง เจิ้งจือ ถามอีกคำถาม
ใช่… หลิน มู่ไป่ หยุดพูดไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า เจ้าเข้าใจถูกแล้ว สงครามทะเลสาบสิบลี้ัซับซ้อนกว่าที่บันทึกไว้มากนัก แต่ในฐานะจักรพรรดิข้าไม่สามารถเปิดเผยทุกอย่างได้
ท่านช่วยบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไหม? ฟางเจิ้งจือ ถามขึ้นมา มันถูกเก็บเป็นความลับในอาณาจักรเซี่ยรวมถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน แต่เจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะรู้เรื่องนั้น! หลิน มู่ไป่ พูดพร้อมเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยใบหน้าอันหนักอึ้ง ที่จริงแล้ว มันเป็นเพราะข้าเองที่ไร้ความสามารถเป็นต้นเหตุนำไปสู่สงคราม!
ท่านพ่อทำไมท่านถึงสงสัยในความสามารถของตัวเอง? ปิง หยาง ถามขึ้นมา
แค่กแค่ก..ปิง หยาง ให้ข้าเล่าให้จบก่อน มันเป็นเพราะข้าที่ทำให้อาณาจักรเซี่ยกลายเป็นสนามรบ! ข้าเห็นแก่ตัวและหลงลืมคำชี้แนะของบรรพบุรุษ ข้า…ข้านำศิลาเซียนออกมา
ศิลาเซียน? ปิง หยาง ตกใจ ในขณะที่ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ ก็สว่างขึ้น
ศิลาเซียน?
สงครามครั้งอดีตเกี่ยวข้องกับศิลาเซียน?
ใช่แล้วศิลาเซียน! องค์จักรพรรดิพยักหน้า เขามองไปที่เฉียนยี่ก่อนจะพูดต่อ ท่าน…มีใบหน้าที่คล้ายนางมากจริงๆ…ตอนที่ข้าพบยู่เอ๋อร์ครั้งแรก นางก็สวมชุดสีทองเช่นนี้ นางทั้งงดงามและบริสุทธิ์ ข้าตัดสินใจที่จะแต่งงานกับนางในครั้งแรกทันทีที่ได้พบ! ่
อย่างไรก็ตามนางไม่ได้เพียงสง่างามเท่านั้นข้าพบว่านางเป็นเซียนผู้ยิ่งใหญ่และไม่สามารถแตะต้องได้ ยิ่งไปกว่านั้นนางเป็นศิษย์ของหอคอยหลิงหยุน ข้าต้องให้ความเคารพแก่นาง ข้าไม่สามารถบังคับนางได้…
อย่างไรก็ตามข้าหลงรักนางมาก ข้าไม่สนแม้ว่านางจะเป็นเซียนหรือศิษย์หอคอยหลิงหยุนก็ตาม!
ความจริงก็คือข้าเลือกถูกยู่เอ๋อร์ตอบรับความรู้สึกและแต่งงานกับข้า อย่างไรก็ตามนางมีเงื่อนไข นางจะใช้เวลาแค่สองปีอยู่กับข้าที่อาณาจักรเซี่ย
หลังจากนั้นนางจะจากไป
ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับเงื่อนไขนั้น สองปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่ข้ามีความสุขที่สุดในชีวิตไม่เพียงแค่นั้นตลอดเวลาที่ยู่เอ๋อร์อยู่ข้างๆข้าอาณาจักรเซี่ยก็ได้รุ่งเรืองจนถึงขีดสุด
อย่างไรก็ตามสองปีนั้นผ่านไปไวดั่งชั่วพริบตา…
สองปี!ข้าที่เป็นผู้ปกครองอาณาจักรเซี่ย จะพอใจแค่นั้นได้ยังไง? ข้าไม่อยากให้นางไป ข้าอยากอยู่กับนางตลอดชีวิต
ข้าไม่เชื่อคำพูดของอดีตองค์จักรพรรดินำศิลาเซียนออกมาต่อหน้ายู่เอ๋อร์
นั่นเป็นเพราะข้ารู้ว่าไม่มีใครต้านทานความต้องการที่จะเห็นศิลาเซียนได้แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นเซียนก็ตาม ยู่เอ๋อร์เลือกที่จะอยู่ข้างๆข้าเพื่อศึกษาศิลาเซียน
ข้ายังจำได้ว่านางตื่นเต้นแค่ไหนตอนที่เห็นพวกมัน
อย่างไรก็ตามข้าไม่ได้คาดคิด…
ยู่เอ๋อร์ยังอยู่กับข้าแต่ข่าวของศิลาเซียนเล็ดลอดออกไปทำให้อาณาจักรเซี่ยตกอยู่ในความโกลาหล
มีผู้เยี่มยุทธหลายคนเดินทางมาขอร้องหรือแม้แต่ข่มขู่ข้าเพื่อให้ได้พวกมันไป
อย่างไรก็ตามข้าไม่คิดจะมอบให้พวกเขาแต่นั่นส่งผลให้พวกเขาร่วมมือกัน
อีกสามอาณาจักรร่วมมือกันโจมตีอาณาจักรเซี่ยข้า…ข้าไม่สามารถสู้ได้ ข้าทั้งอ่อนแอและไร้ประโยชน์…
…
สุดท้ายท่านเลยหันไปพึ่งยู่เอ๋อร์? ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็เข้าใจเกี่ยวกับสงครามมากขึ้น
ใช่ข้าขอความช่วยเหลือจากนางและนางก็ไม่ได้ทอดทิ้งข้า…นางเข้าร่วมสงครามและหยุดทั้งสามอาณาจักรโดยการฆ่าสามแม่ทัพใหญ่และสิบสองรองแม่ทัพภายในคืนเดียว ตอนนั้นเองที่ข้ารู้ว่านางทรงพลังขนาดไหน! องค์จักรพรรดิพยักหน้า อืมก่อนหน้านี้เซียนสวรรค์พักพิงเคยบอกว่าคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของสี่อาณาจักร มันเป็นเรื่องต้องห้าม!
เจ้าพูดถูกทั้งห้าสำนักห้ามยุ่งเกี่ยวกับสี่อาณาจักร ดังนั้น…ยู่เอ๋อร์จึงทำผิดกฎ อย่างไรก็ตามตอนนั้นข้าคิดว่าผลที่ตามมาคงเป็นแค่การลงโทษเล็กน้อยเท่านั้น ข้าสามารถใช้อาณาจักรเซี่ยเพื่อขออภัยโทษให้ยู่เอ๋อร์ได้ อย่างไรก็ตามข้าไม่รู้ว่ากฎนี่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ ปีศาจและอสูร!
เกี่ยวของกับมนุษย์ปีศาจและอสูร? ฟาง เจิ้งจือ ประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับทั้งสามเผ่าพันธุ์
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวแทนของมนุษยชาติในขณะที่ปีศาจและอสูรเป็นพันธมิตรกันมานานเมื่อยู่เอ๋อร์ทำผิดกฎ ข้าคิดว่าพวกแรกที่จะมาหาเป็นหอคอยหลิงหยุน อย่างไรก็ตามข้าไม่คิดว่าปีศาจและอสูรจะปรากฎตัวขึ้นก่อน! หลิน มู๋ไป่ พูดออกมาด้วยความเศร้า ถึงกระนั้นเขาก็กัดฟันและพูดต่อ ปีศาจและอสูรให้ข้อเสนอที่จะไว้ชีวิตยู่เอ๋อร์แลกกับศิลาเซียนทั้งหมด!
แล้วท่านก็จัดการพวกมัน? ฟาง เจิ้งจือ พอนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
ไม่ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอ ข้าเป็นคนเริ่มเรื่อง ข้าไม่อยากให้ยู่เอ๋อร์เป็นอะไรไป อย่างไรก็ตามนางไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ หลิน มู่ไป่ ส่ายหัวแล้วพูดต่อ กองทัพปีศาจและอสูรเข้ามาประชิดเมืองหลวง
ตอนนั้นเองที่กองทหารเมฆาเดินทางมาถึง?
ใช่ทัพปีศาจและอสูรมีเซียนปนอยู่ด้วยกองทัพของข้าไม่มีพลังเพียงพอ รวมทั้งไม่มีใครกล้าช่วยพวกเรา ตระกูลเหยียนเป็นเพียงตระกูลเดียวที่ยอมช่วยพวกเรา… หลิน มู่ไป่ พยักหน้าอีกครั้ง
… ฟาง เจิ้งจือ เงียบ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมหลิน มู่ไป่ ถึงเคารพเหยียน เฉียนหลี่มาก แม้ว่ากองทหารเมฆาจะเป็นกองทัพปกติแต่พวกเขากล้าต่อสู้กับเซียนอสูรและเซียนปีศาจ ไม่มีกองทัพอื่นทำแบบพวกเขาได้
หลินมู่ไป่ ถอนหายใจแล้วพูดต่อ แม้ว่ากองทหารเมฆาจะเข้าร่วมก็ไม่สามารถหยุดปีศาจและอสูรได้ พวกเขาจำนวนมากตายลงที่ทะเลสาบสิบลี้เพื่อปกป้องเมืองหลวง วันนั้นทะเลสาบกลายเป็นสีแดงเลือด…ข้าหาเหยียน เฉียนหลี่ เจอด้านใต้ของกองศพ…
ข้าเป็นหนี้ตระกูลเหยียน!
มันเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวข้องข้าทำให้ตระกูลเหยียนเกือบจะสูญสิ้น…
หลินมู่ไป่ มีน้ำตาไหลออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาโศกเศร้ามาก
พ่อ… ปิง หยาง ก็ร้องไห้ด้วยเช่นกัน
ข้าไม่เป็นไรเจ้าไม่ต้องกังวล! หลิน มู่ไป่ เช็ดน้ำตา ก่อนจะหันไปมองเฉียนยี่แล้วถอนหายใจ ยู่เอ๋อร์ช่วยเหลืออาณาจักรเซี่ยเอาไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันดันเป็นชนวนลุกลามก่อให้เกิดการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับอีกสองเผ่าพันธุ์!
สงคามเกิดขึ้นที่นอกเมืองหลวงข้างๆทะเลสาบสิบลี้ ข้าเห็นการต่อสู้อันรุนแรงระหว่างนักรบชั้นยอดของทั้งสามเผ่าพันธุ์!
แน่นอนว่าสุดท้ายมนุษย์ชนะแต่ศิลาเซียนนั้นนำมาซึ่งปัญหาไม่รู้จบ
ยู่เอ๋อร์กลับไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์และนางไม่กลับมาอีกเลย นอกจากนี้เพื่อชดเชยความสูญเสียของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ข้าต้องให้ศิลาเซียนแก่พวกเขา สุดท้ายอาณาจักรเซี่ยเหลือศิลาเซียนอยู่แค่สิบสามชิ้นเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกมันก็ถูกพวกปีศาจเอาไปหมดแล้ว!
อะไรนะ?!ปีศาจเอาศิลาเซียนที่เหลือไปจากอาณาจักรเซี่ยแล้ว? ในที่สุดเฉียนยี่ก็พูดขึ้นมา นางตกใจกับข่าวที่ได้ยิน
ใช่…
หลินมู่ไป่ สุดท้ายเจ้าก็ไร้ประโยชน์เช่นเคย พวกเราใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อปกป้องอาณาจักรเซี่ย ศิษย์จำนวนมากล้มตาย แต่ตอนนี้เจ้ากลับสูญเสียพวกมันไปอีกครั้ง!
เฉียนยี่โกรธอย่างเห็นได้ชัดขณะเดียวกัน ฟาง เจิ้งจือ ก็ถูกจมูกอย่างช่วยไม่ได้
ศิลาเซียนสิบสามชิ้น…
ฮ่าฮ่า!
เขาไม่รู้เกี่ยวกับที่อยู่ของพวกมัน
สิ่งที่เขาอยากรู้ตอนนี้คือเกิดอะไรขึ้นหลังจากยู่เอ๋อร์กลับมาที่หอคอยหลิงหยุนทำไมผู้คุมหอคอยหลันถึงสละตำแหน่ง? ทำไมยู่เอ๋อร์ถึงล้มเหลวในการชิงตำแหน่ง? แล้วตอนนี้นางไปอยู่ไหน?
……………………………………..