เหอะอย่าประเมิณตัวเองสูงไป! เฉียนยี่เย้ยหยัน นางยืนมือที่ปกคลุมด้วยแสงสีทองออกไป
หลินมู่ไป่ต้องตายแน่นอนถ้าเขาถูกมือนั้น
อย่างไรก็ตามในชั่วพริบตาเฉียนยู่ได้พลิกตัวกลางอากาศ ก่อนที่ดวงจันทร์สีเงินจะปรากฎขึ้นเหนือหัวหลินมู่ไป่
มันเป็นตอนเที่ยงแต่มี…ดวงจันทร์?
มันเป็นภาพที่ประหลาดมาก
และทันได้นั้นหลินมู่ไป่ได้หายตัวไปจากจุดเดิมจากนั้นเงาจางๆก็ปรากฎขึ้นที่มือเฉียนยู่
วิชาของนาง…น่าทึ่งมาก! ฟางเจิ้งจืออยากรู้ความแข็งแกร่งของนางขึ้นมาทันที หลังจากเห็นวิชาที่นางใช้
ขณะที่เขาคิดทันใดนั้นเองบรรยากาศรอบๆได้เปลี่ยนไป หอคอยหลิงหยุนที่แต่เดิมเป็นสีทองเปลี่ยนไปจากเดิม
มันเหมือนกับภาพภูเขาและแม่น้ำขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นบนนั้น
ทุกคนพบว่าตัวเองยืนอยู่บนเทือกเขาที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีและแม่น้ำไหล่บ่าเมฆอันนุ่มนวลลอยอยู่เหนือหัวพวกเขา
ดินแดนหลิงหยุน!
เฉียนยี่ใช้มันอีกครั้งงั้นรึ?!
ทุกคนหยุดอยู่กับที่อย่าเคลื่อนไหว!
ศิษย์หอคอยหลิงหยุนรีบเอ่ยเตือนกันอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่านอกจากจะมีศิษย์ที่สนับสนุนเฉียนยี่แล้วศิษย์ที่สนับสนุนเฉียนยู่ก็มีเช่นกัน พวกนางเป็นหว่งเฉียนยู่เป็นอย่างมาก
ฟางเจิ้งจือไม่สนใจคนอื่นๆสายตาของเขายังคงมองไปที่บรรยากาศรอบๆ
ดินแดนหลิงหยุน?! มันเหมือนกับภาพภูเขาและแม่น้ำ…เดี๋ยวนะ!
ทันใดนั้นฟางเจิ้งจือพบว่าแสงสีทองได้หายไปอย่างสมบูรณ์
แม้แต่ดวงอาทิตย์และท้องฟ้าสีฟ้าซึ่งแทบจะมองไม่เห็นจากในหน้าจอแสงสีทองก็หายไปเช่นกันแม้แต่ดวงอาทิตย์ก็หายไปเช่นกันราวกับทั้งโลกมีขนาดเล็กลง ราวกับเขาเข้ามาอีกโลกหนึ่ง
ฟางเจิ้งจือลูบหน้าอกของเขาโดยไม่รู้ตัวเขาสงสัยมากว่าดินแดนหลิงหยุนนั้นเหมือนกับกลืนกินโลกหรือไม่
ตัวอย่างเช่นเมื่อกลืนกินโลกปรากฎขึ้นมันจะกลืนกินพื้นที่โดยรอยก่อนจะสร้างใหม่กลายเป็นโลกที่แยกออกจากกัน
ในอีกด้านหนึ่งดินแดนหลิงหยุน … ดูเหมือนว่าจะเป็นโลกที่ตั้งอยู่อย่างอิสระ เมื่ออะไรเข้ามาก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมันทันที แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างสมบัติทั้งสองแต่พื้นฐานและหลักการหลักของพวกมันนั้นคล้ายคลึงกันอย่างน่าทึ่ง
พวกมันเกี่ยวข้องกันหรือไม่?
เขาไม่สามารถพิสูจน์ได้เพราะตอนนี้เฉียนยู่และเฉียนยี่กำลังสู้กันอย่างดุเดือด
ดวงอาทิตย์ปรากฎขึ้นและค่อยๆลอยลงมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามครั้งนี้ดวงจันทร์ไม่ได้หายไปมันยังคงลอยอยู่ในอากาศ
ข้าสามารถปล่อยเจ้าและปิงหยางไปได้ถ้าเจ้าส่งดินแดนดวงจันทร์ให้ข้า! เสียงของเฉียนยี่ดังขึ้น
ดินแดนหลิงหยุนจะไม่สมบูรณ์หากปราศจากดินแดนดวงจันทร์พลังของพี่ใหญ่ในตอนนี้คงเวลากลางวันไว้ได้สามวัน ก่อนที่ดินแดนหลิงหยุนจะพังทลายลง อย่างไรก็ตามถ้าข้ามอบดินแดนดวงจันทร์ให้กับท่าน… เจ้าคิดว่าเจ้าจะต่อกรข้าได้งั้นรึในช่วงสามวัน?
ข้าต้องลอง
บางครั้งการลองก็ต้องสูญเสียบางอย่าง
ผ่านไปหลายสิบปีแล้วหลังจากข้าหลุดออกมาจากผนึก ข้าคงไม่ได้มีพลังเท่าเดิมปราศจากการพัฒนาเลยใช่ไหม?
พัฒนา?ได้ งั้นก็แสดงให้ข้าเห็นสิ! เฉียนยี่กล่าว ร่างของนางลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงสีทอง
เฉียนยู่ไม่ได้พูดอะไรแต่ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีเงิน
ในขณะเดียวกันฟางเจิ้งจือกำลังปกป้องปิงหยางด้วยมือเดียวส่วนอีกข้างเขาไคว่หลังไว้ เขาจ้องมองไปที่ดวงอาทิตย์และดวงจันร์บนอากาศ
…
ขณะเกิดการต่อสู้อันรุนแรงอยู่ที่หอคอยหลิงหยุนอยู่นั่นเองทั้งสี่อาณาจักรและอีกสามสำนักได้รับจดหมายจากศาลาเต๋าสวรรค์
ทำไมศาลาเต๋าสวรรค์ถึงคิดจัดประชุมพันธมิตรสวรรค์ในตอนนี้?พวกเขาพบอะไรงั้นรึ?
ใช่แล้วไม่อย่างนั้นแล้วด้วยนิสัยของมู่ฉิงเฟิง…เขาคงใช้เวลาฝึกวิชาเงียบๆมากกว่าจะทำอะไรแบบนี้
พวกเราควรเข้าร่วมหรือไม่?
ควรนอกจากนี้พวกเราควรรีบไปที่ภูเขาสวรรค์ให้เร็วที่สุด!
เข้าใจแล้ว
ร่างหนึ่งเดินออกจากบ้านหินหลังหนึ่งในศาลาหยินหยางอย่างรวดเร็วก่อนที่จะทอดสายตามองไปศาลาหิน
ศาลาหินถูกสร้างขึ้นอย่างปราณีตมันแตกต่างจากบ้านหลังอื่นๆทั้งหมด
แสงสลัวส่องประกายผ่านดวงตาของร่างนั้นแต่มันก็หายไปเกือบจะในทันที ถูกแทนที่ด้วยความสงบ
ก่อนที่ร่างนั้นจะหายไปอย่างรวดเร็ว
…
สิ่งที่เกิดขึ้นในศาลาหยินหยางนั้นต่างจากที่ศาลาเต๋าสวรรค์อย่างสิ้นเชิง
ศาลาเต๋าสวรรค์ในปัจจุบันนั้นเงียบสงบที่สุดศิษย์ไม่มากดูแลด้านบนยอดเขา จำนวนศิษย์ในสำนักตอนนี้ก็มีจำนวนที่น้อยกว่าปกติ
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่เพราะพวกเขาทั้งหมดเสียชีวิต
ในฐานะผู้เริ่มการประชุมพันธมิตรสวรรค์พวกเขาได้ออกเดินทางไปยังภูเขาสวรรค์ที่ต้งอยู่ใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์นานแล้ว
ดังนั้นศิษย์ในสำนักจึงเหลือน้อยกว่าร้อยคน
เรื่องการจัดการทั้งหมดถูกส่งมอบให้ผู้อาวุโสหกส่วนผู้อาวุโสคนอื่นต่างเดินทางไปพร้อมกับมู่ฉิงเฟิง
ด้านศิษย์ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลประตูสวรรค์ยังคงยืนป้องกันอยู่หน้าประตู
ศิษย์พี่ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกว่ามีบางสิ่งแปลกๆกับประตูสวรรค์เมื่อเร็ว ๆ นี้! ศิษย์วัยเยาว์คนหนึ่งหันไปคุยกับชายวัยกลางคนข้างๆ
แปลก?อะไรแปลกๆงั้นรึ? ชายวัยกลางคนถามกลับอย่างอ่อนโยน
ข้าไม่รู้ข้ารู้สึกว่าบรรยากาศใกล้ๆประตูอึดอันขึ้นจนข้าหายใจได้ลำบาก?
เจ้าไม่ได้ตื่นเต้นไปเองเพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบๆแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ?
ศิษย์พี่ข้า…
ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดีข้าก็เคยอยู่ในจุดเดียวกันกับเจ้ามาก่อน เจ้าคงอยากออกไปสำรวจโลกกว้า ยิ่งการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากเท่าใด มันหมายถึงโอกาสก็มากขึ้นเท่านั้น แต่เพราะพวกเรารับหน้าที่ในการปกป้องประตูบานนี้ พวกเราก็ต้องทำให้ดีที่สุด!
ศิษย์พี่ท่านพูดถูกแล้วข้าผิดเอง…
ทันใดนั้นขณะที่เขากำลังสูดให้ใจเข้าลึกๆร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
ศิษย์น้องมีอะไรงั้นหรือ? ชายวัยกลางคนถามขึ้นด้วยความตกใจ
ศิษย์คนอื่นๆก็มีท่าทีสับสนเช่นกัน
ประตู…ศิษย์พี่…ประตู… ศิษย์ในชุดขาวดูหวาดกลัวมาก นิ้วของเขาชี้ไปที่ประตู
ประตู?อะไร…หืม? ประตู…ประตู?! ชายวัยกลางคนรีบหันไปมองประตูทันที
สายตาของเขาเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นหวาดกลัวในทันที
ความหวาดกลัว!
มันเป็นความหวาดกลัวอย่างสุดหัวใจ!
มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาอ่อนประสบการณ์แต่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับประตูนั้นอยู๋เหนือการควบคุมขงพวกเขา
เรียกท่านผู้นำศาลาเดี๋ยวนี้! ชายวัยกลางคนอุทานด้วยใบหน้าซีดขาว
ผู้นำศาลางั้นหรือ?!ไม่…เขาออกไปนานแล้ว?
อึก…เขาไม่อยู่ที่นี่งั้นรึ?!เร็วเข้ารีบแจ้งผู้อาวุโสหก…ศิษย์คนอื่นๆรีบตามข้า… ชายวัยกลางคนออกคำสั่งในทันที
อย่างไรก็ตามเขายังสั่งไม่จบ เพราะแสงสีแดงเลือดจากประตูลากเขาเข้าไปที่ประตูทันที
อ้ากก!
ศิษย์พี่?! ศิษย์คนอื่นๆรับตรงไปช่วยเขา
อย่างไรก็ตามพวกเขารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของพวกเขาเกือบจะทันที
เพราะเลือดแบบเดียวกันเข้ามาจับตัวพวกเขาเอาไว้ทันที
แกรก! เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นชัดเจน
พวกเขาทรุดตัวลง
ช่วย..ช่วยด้วย! ประตูสวรรค์…ประตูสวรรค์…ประตู…เปิดออกแล้ว! ศิษย์คนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อเขาไม่ต้องการตายแบบนี้้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือชายวัยกลางคนผู้ที่ถูกเลือดจับตัวไปกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นโดยที่หัวของเขาก้มต่ำและพนมฝ่ามือเข้าด้วยกัน
ราวกับเขากำลังทำพิธีกรรมบางอย่าง
มันเป็นภาพขนลุกความสงบและเยือกเย็นของพวกเขาพังทลายลงในทันที
ศิษย์น้องเกิดอะไรขึ้น?!
เฮือก?ศิษย์พี่พวัง…ทำไมเขาถึงคุกเข่า…คุกเข่าหน้าประตูแบบนั้น…ทุกอย่างดูท่าไม่ดีแล้ว รีบแจ้งผู้อาวุโสหก!
เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?! ศิษย์สามคนที่พึ่งมาถึงถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันทีพวกเขาเห็นศิษย์จำนวนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตู
แต่มีคนหนึ่งที่แปลกออกไปเพราะเขากำลังคุกเข่าราวกับกำลังทำพิธีบางอย่างอยู่…
……………………………………..