“ศิษย์ท่านเตรียมพร้อมแล้ว…”
ซือหยูประสานหมัด
“จงระวังตัวให้ดี”
หยุนหยาซือหลับตาเรียกพลังเทพที่เหลือรอบๆ มาฟื้นฟูตัว
ปิงหวูชิงหรืออสูรหลินหลางที่หยุนหยาซือพูดถึงได้จากไปแล้วแต่ตอนนี้คือเวลากลับจิวโจว ซือหยูพยายามจะสื่อสารกับผลึกสีม่วงเหนือหม้อเก้ามังกร ดวงวิญญาณของเขาเชื่อมต่อกับมัน เขายังไม่รู้ชื่อหรือสิ่งที่หอคอยทำได้ เพราะที่นี่ถูกเทพกิเลนเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด
ผู้ที่มีผลึกแก้วสีม่วงคือจ้าวหอคอยซือหยูสามารถเปิดหอคอยชั้นแรกและชั้นที่หนึ่งร้อยได้ เขาไม่มีพลังอื่นในการเปิดชั้นที่สองถึงเก้าสิบเก้า
ชั้นแรกและชั้นหนึ่งร้อยคือโลกที่เทพกิเลนสร้างขึ้นขนาดนั้นเทียบเท่ากับเฉินหลง ในหมื่นปีที่เติบโต มันเจริญรุ่งเรืองกว่าเฉินหลงเป็นอย่างมาก นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดถูกเทพกิเลนพาตัวมาในโลกแห่งนี้และปกครองโลกใบนี้เอาไว้ และเมื่อซือหยูคือจ้าวหอคอย เขามีพลังที่จะอัญเชิญยอดฝีมือที่แกร่งที่สุดในโลกนั้นออกมา เขามีเวลาท่องโลกใบนี้อีกมากในอนาคต
ที่ซือหยูกังวลที่สุดก็คือเมื่อได้เป็นจ้าวหอคอยเขาจะเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของแดนมณีได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขามีพลังลดระยะเวลาของแดนมณีหรือแม้กระทั่งลบแดนมณีให้หายไปตลอดกาล
คงน่าเสียหายหากแดนมณีล่มสลายไป!แดนมณีถูกออกแบบโดยเทพกิเลนและเต็มไปด้วยสมบัติกับโอกาสในการฝึกฝน บนโลกที่พัฒนามาหมื่นปี ไม่เพียงแต่พลังวิญญาณจะหนาแน่นกว่าจิวโจว แต่พืชวิญญาณทุกชนิดยังเกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
ถ้าหากลบอันตรายของสวนทั้งห้าออกไปแดนมณีจะเป็นจุดบ่มเพาะสุดยอด และเมื่อมันอยู่ในมือซือหยู ทรัพยากรทุกอย่างที่นี่ย่อมเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น! ในเรื่องความมั่งคั่ง ซือหยูมีไม่แพ้ราชาเขตคนไหนเลย!
หลังจากครุ่นคิดซือหยูพยายามขยับผลึกแก้วสีม่วงเพื่อเปลี่ยนแปลงแดนมณี เหล่ายอดฝีมือในแดนมณีทุกคนรู้สึกถึงพลังต้านที่รายล้อมรอบตัว พลังนั้นระเบิดออกส่งตัวทุกคนกลับไปยังเขตของตัวเอง
พริบตาเดียวยอดฝีมือทั้งหมดได้ถูกส่งตัวออกจากแดนมณี ซือหยูออกจากหอคอยสู่แดนมณี เขามองดินแดนกว้างขวางด้วยความตื่นเต้น สิ่งที่เขาได้จากการผจญภัยครั้งนี้มากอย่างไม่น่าเชื่อ เขาได้หอคอยกับแดนมณีมาครอง มันคือพื้นที่บ่มเพาะพลังอันยอดเยี่ยม
“ถึงเวลาหาคนเฉินหลงสักที”
ซือหยูกล่าวเงียบๆ
ก่อนหน้านี้เขาไม่มีหนทางปกป้องคนเหล่านั้นเลย แต่ตอนนี้ ด้วยทรัพยากรระดับราชาเขต มันถึงเวลาแล้วที่จะตามหาพวกเขา เขาต้องตามหาใบหน้าอันคุ้นเคย พบกับคนที่เขาไม่กล้าลืม…เซี่ยจิงหยู…ฉินเซี่ยนเอ๋อ
ณตำหนักเมฆาม่วง เมฆาเบื้องบนหมุนวนเป็นวายุ รอยแยกมิติเปิดออก เงายอดฝีมือร่วงหล่นลงมา พวกเขาคือยอดฝีมือจากทุกมุมของดินแดนพรสวรรค์ ม่อเทียนฉวนกับบุรุษเมฆาม่วงที่รอคอยอยู่ล้วนตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น?ทำไมพวกเจ้าถึงกลับมาในเวลาแค่เดือนเดียว?”
บุรุษเมฆาม่วงพูดด้วยความตกตะลึง
ม่อเทียนฉวนเงียบอยู่นาน
“แปลกนัก…”
นางพูด
“ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือนแต่คนรอดชีวิตกลับมามากมาย”
คนที่เข้าร่วมแดนมณีรู้ดีในอันตรายที่จะต้องเจอนั่นคือวิบัติทั้งห้า และคนจำนวนมากมักจะตายหลังจากผ่านไปสามวิบัติ แต่ม่อเทียนฉวนมองคนที่กลับมา นางเห็นว่ามีคนหายไปเพียงหนึ่งในสิบ และนางก็ยิ่งตกใจที่พบว่าศิษย์ตำหนักโลหิตเกือบทั้งหมดมีชีวิตรอดกลับมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
ม่อเทียนฉวนมองกงซุนหวูซื่อที่หล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างงุ่มง่ามกงซุนหวูซื่อที่ใบหน้าสับสนทรงตัวขึ้นมา
“ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกัน!ข้ากำลังจะเอาบันทึกวิชาโบราณมาอยู่แล้ว น่าโมโหนัก!”
นางดูสับสนและแทบจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ม่อเทียนฉวนเห็นว่ากู้ไทซูกำลังรายงานกับบุรุษเมฆาม่วงอยู่ บุรุษเมฆาม่วงตกใจมากและเหลือบมองม่อเทียนฉวน
“หา?”
ม่อเทียนฉวนรู้สึกว่ามีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น
ไม่นานท้องฟ้าหยุดเคลื่อนไหว ทุกคนถูกส่งกลับมาแล้ว ม่อเทียนฉวนเหลือบมองคนสุดท้ายที่กลับมาด้วยความเย็นชา นางยิ้มเยาะ
“เจ้าโชคดีจริงๆ!”
นางไม่รู้จักหุบปากเอาเสียเลย!ซือหยูชักสีหน้า
“ด้วยเกียรติยศของเจ้าสำนักพวกเรารอดชีวิตกลับมา”
ม่อเทียนฉวนหัวเราะอย่างเย็นชานางหันไปหาศิษย์ตำหนักโลหิตคนอื่น
“ยอดเยี่ยมมาก!ไม่เพียงแต่พวกเจ้าจะรอดกลับมามากกว่าตำหนักเมฆาม่วง แต่พวกเจ้ายังแข็งแกร่งขึ้นด้วย ดี! ให้พวกเราดูสิ่งที่พวกเจ้าเอากลับมา ตามกฎแล้วสำนักจะได้ส่วนแบ่งครึ่งส่วน”
ใครจะกล้ายักยอกหากมีม่อเทียนฉวนอยู่ที่นี่?ทุกคนนำสมบัติสวรรค์ที่ชิงกลับมาได้ออกมา
“โสมโลหิตสามรอยอายุร้อยปีหรือ?” ม่อเทียนฉวนตาลุกวาว
“ผลงูดำสองร้อยปี?มีสัตว์อสูรจ้าวเทวะระดับเก้าป้องกันมันอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“อะไรกัน?มีไม้ผนึกวิญญาณสี่ร้อยปีด้วยรึ? มันคือไม้วิญญาณที่ราชาแรดอสูรเนรมิตรปกป้องอยู่ไม่ใช่หรือไงกัน?”
ม่อเทียนฉวนเก็บสมบัติทั้งหมดกลับมาในทีแรกแต่นางก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายนางก็ตกใจมากเมื่อรวบรวมทุกอย่างออกมา
นี่มันแปลกเกินไป!ด้วยทักษะของศิษย์ตำหนักโลหิต พวกเขาจะหาของมีค่าระดับนี้มาได้ยังไง? จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในแดนมณีที่ทำให้อันตรายทุกอย่างหายไป ม่อเทียนฉวนไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตำหนักโลหิตได้กลับมาคือสิ่งที่ดีที่สุดในรอบนี้หรือไม่
นั่นมันโสมโลหิตสามรอยร้อยปีหรือ?พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาที่จะฝึกฝน ทำไมศิษย์ตำหนักโลหิตถึงได้สมบัติมากกว่าคนอื่น? ไม่สิ มันแปลกเกินกว่าจะอธิบายเสียอีก ศิษย์ตำหนักเมฆาม่วงตาร้อนผ่าวเมื่อมองสมบัติของตำหนักโลหิตพวกเขาคือคนกลุ่มเดียวที่รู้ว่าคนตำหนักโลหิตได้ของมีค่าเหล่านั้นมาอย่างไร
ในสายตาพวกเขาศิษย์ตำหนักโลหิตคือโจรชั่วไร้ยางอาย! เพียงแค่เจ็ดวัน พวกเขาก็ขึ้นชื่อในแดนมณี! ในสมบัติแต่ละชิ้นที่พวกเขาได้มา อธิบายวิธีการได้ด้วยคำเพียงคำเดียว นั่นก็คือ…ขโมย!
นี่ข้าอยากได้สมบัติของเจ้า เอามานี่!
อะไรนะ?เจ้าไม่ให้รึ? เตรียมรับกระบี่ข้าไปซะ!
อะไรกัน?ยังตอบโตอยู่หรือ? ฮ่า! ลองสู้กลับเซ่! ถ้าอยากจะหยุดการบ่มเพาะไว้แค่นี้ก็สู้กลับมาเลย!
ตั้งแต่เด็กสาวตัวน้อยไปจนถึงคนโฉดชั่วที่สุดทุกคนไม่ต่างกับขอทานที่ถูกรังแกเมื่อเจอกับคนตำหนักโลหิต คนสำนักอื่นต้องกลืนความเกลียดชังและกัดฟันมอบสมบัติที่ยากจะได้มาของพวกเขากับตำหนักโลหิต พวกเขาโชคร้ายเหลือเกินที่ได้เจอศิษย์ตำหนักโลหิต
ที่แย่ที่สุดก็คือพวกเขารู้ก็คือวันหนึ่ง อสูรน้อยจากตำหนักโลหิตได้รวมตัวกับทุกคนและไม่ได้อยากจะเป็นแค่โจร อสูรน้อยบิดเบือนความหมายของการขโมยและขึ้นเป็นผู้นำตำหนักโลหิตในแดนมณี
นางเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นผู้นำในแต่ละกลุ่มเมื่ออยู่เป็นกลุ่ม จะไม่มีใครต่อสู้กลับได้ ไม่มีใครรอดจากการถูกจับตัว ที่สุดแล้วนางก็สร้างกลุ่มชื่อสวยหรูที่เรียกว่า ‘หน่วยกระจายความรักฉันท์มิตรแห่งตำหนักโลหิต’ ส่วนหน้าที่ของหน่วยนี้น่ะหรือ?
มันคือการขโมย!
กงซุนหวูซื่อหรืออสูรน้อยที่เป็นผู้นำกลุ่มนั้นได้ขอร้องสามข้ออย่างหนักแน่นอย่างแรกคือขโมยทุกดวงวิญญาณที่เจอ! ไม่เพียงแต่ลักพาตัวมนุษย์แต่ลักพาวิญญาณชั่วร้ายมาด้วย ขโมยจากนภา ผืนดิน ทุกที่ ไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่แมลงก็ห้ามมองข้าม
อย่างที่สองขโมยทุกอย่างที่หยิบได้! จะเป็นของยิ่งใหญ่อย่างแหวนมิติหรือชุดชั้นในก็ต้องขโมย! ในเจ็ดวัน มียอดฝีมือเปลือยมากมาย มันคือจุดจบที่น่าเศร้า! คนที่ได้ยินเรื่องเล่าล้วนเจ็บปวด คนที่เห็นคนเปลือยเปล่าเหล่านั้นต้องหลั่งน้ำตา
และสามขโมยทุกวินาที!อสูรน้อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก
“เวลาคือชีวิต!ใครที่ทำเสียเวลาล้วนไร้ยางอาย คนเหล่านั้นรับไม่ได้! ทุกคนจะต้องมีผลงาน!”
และด้วยเหตุนี้หน่วยกระจายความรักฉันท์มิตรจึงแบ่งเป็นสองกลุ่มและพากันขโมยทุกสิ่งทุกอย่างตลอดเวลา
ภายในระยะเวลาเจ็ดวันสั้นๆ หน่วยกระจายความรักฉันท์มิตรเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และบ่อนทำลายทั้งแดนมณี ชื่อตำหนักโลหิตดังก้องแดนมณีในวันเหล่านั้น คนที่ได้ยินชื่อตำหนักโลหิตล้วนตัวสั่นด้วยความกลัว แม้แต่ตำหนักเมฆาม่วงก็มิอาจหนีพ้น หน่วยของกงซุนหวูซื่อขโมยสมบัติของตำหนักเมฆาม่วงไปมากมาย
แต่ศิษย์พี่ลู่จือยี่ที่รู้จักกับซือหยูนั้นไม่ได้พบเรื่องแบบเดียวกันมิเช่นนั้นนางคงจะถูกขโมยเสื้อผ้าไปเหมือนคนอื่นด้วย
“แล้วเจ้าล่ะ?”
ม่อเทียนฉวนตรวจดูสมบัติของทุกคนคนสุดท้ายคือซือหยู
ซือหยูส่งใบหญ้าให้นาง
ม่อเทียนฉวนเหลือบมองพร้อมเบิกตากว้าง
“แค่นี้น่ะรึ?”
“แค่นี้แหละ!”
“นีมันก็แค่พวกวัชพืชธรรมดา!”
“วัชพืชเหล่านี้คือสิ่งที่ข้ามอบให้สำนักอย่างจริงใจ!เอาไปให้หมดเลย! เจ้าควรจะดีใจ ข้าไม่เก็บอีกครึ่งไว้กับตัวด้วยซ้ำ”
“ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก!แดนมณีอุดมสมบูรณ์ ทุกคนที่เข้าไปล้วนมีพืชวิญญาณใต้ฝ่าเท้าในทุกย่างเก้า! เจ้าเป็นเซียนยังง่ายกว่าหาวัชพืชในแดนมณีเลย!”
“ก็มันยากกว่าเป็นเซียนยังไงเล่า!นี่ไม่ได้พิสูจน์หรอกหรือว่าข้าทุ่มเทแค่ไหน?”
“เจ้าจงใจสินะ!”
ซือหยูยักไหล่สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนแปลง
ม่อเทียนฉวนกำหมัดชกหน้าเขา
“อย่าคิดว่าข้าจะพอแค่นี้!ใช้สิทธิ์ของสำนักเพื่อเอาวัชพืชกลับมาเรอะ เจ้าต้องถูกลงโทษเป็นเยี่ยงอย่าง”
ม่อเทียนฉวนพูดอย่างรวดเร็วพร้อมกับวางแผนในหัว
แต่นางเพียงจะพูดจบก่อนที่จะมีสายตาของเหล่าศิษย์ตำหนักโลหิตหันมอง
เสียงเล็กๆ ของเด็กสาวดังขึ้น
“ท่านเจ้าสำนักกับเรื่องผลงานของน้องซือ เรามีเรื่องต้องรายงาน”
นางหน้าแดงระเรื่อนางแอบมองตาซือหยู “ท่านเจ้าตำหนักม่อเรื่องผลงานของน้องซือ ข้ามีเรื่องรายงาน ให้ข้าพูดก่อน!”
หญิงสาวที่มีเสน่ห์คนหนึ่งพูดขึ้นมาบ้าง
“ท่านเจ้าสำนักข้าก็มีเรื่องจะพูด…”
“ขะ…ข้าด้วย”
ม่อเทียนฉวนตัวแข็งทื่อถ้านางจำไม่ผิด ก่อนที่จะไปแดนมณี เหล่าศิษย์แนวหน้าไม่แม้แต่มองซือหยู การาไปแดนมณีรอบเดียวเปลี่ยนแปลงทุกคนไปอย่างมาก!
ม่อเทียนฉวนพูดไม่ออกเมื่อเห็นสีหน้าของแต่ละคน
คนที่หน้าแดงถูกตำหนิ
“เจ้ามีคู่หมั้นแล้วไม่ใช่รึ?สายตายั่วยวนนั่นมันอะไร?”
“คิดว่าข้าตาบอดรึไง?ข้าไม่ยอมคลอดลูกลิงออกมาหรอก!”
“เจ้ากินยาผิดเรอะ?”
ม่อเทียนฉวนมองคนเหล่านั้นอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้าพูดมา!”
ม่อเทียนฉวนชี้เด็กสาวคนหนึ่ง
นางมองซือหยูด้วยความขอบคุณและเคารพ
“จริงๆ แล้ว น้องซือทำเพื่อสำนักมาก ทุกอย่างที่เราได้มาครึ่งหนึ่งเป็นของน้องซือ”
ม่อเทียนฉวนผงะนางเกือบจะคิดว่าตัวเองหูฝาด วีรบุรุษครั้งนี้คือไอ้สารเลวที่กำวัชพืชกลับมารึ?
ฟึ่บ…
บุรุษเมฆาม่วงบินเข้ามาใบหน้าเขาดูหนักใจ
“ท่านเจ้าตำหนักอสูรพาศิษย์ที่เจ้ารักมาสิ ให้เราคุยกันสักหน่อย สถานการณ์ช่างซับซ้อนนัก…”
หือ!
ศิษย์ที่รักรึ?ม่อเทียนฉวนจ้องกลับด้วยความสงสัย
“เจ้าจะยังแสดงอะไรอยู่อีก?เจ้าปิดบังเก่งเหลือเกิน!”
บุรุษเมฆาม่วงกล่าวเขามองซือหยูด้วยความตกใจและอิจฉา
ซือหยูประสานหมัด
“จงระวังตัวให้ดี”
หยุนหยาซือหลับตาเรียกพลังเทพที่เหลือรอบๆ มาฟื้นฟูตัว
ปิงหวูชิงหรืออสูรหลินหลางที่หยุนหยาซือพูดถึงได้จากไปแล้วแต่ตอนนี้คือเวลากลับจิวโจว ซือหยูพยายามจะสื่อสารกับผลึกสีม่วงเหนือหม้อเก้ามังกร ดวงวิญญาณของเขาเชื่อมต่อกับมัน เขายังไม่รู้ชื่อหรือสิ่งที่หอคอยทำได้ เพราะที่นี่ถูกเทพกิเลนเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด
ผู้ที่มีผลึกแก้วสีม่วงคือจ้าวหอคอยซือหยูสามารถเปิดหอคอยชั้นแรกและชั้นที่หนึ่งร้อยได้ เขาไม่มีพลังอื่นในการเปิดชั้นที่สองถึงเก้าสิบเก้า
ชั้นแรกและชั้นหนึ่งร้อยคือโลกที่เทพกิเลนสร้างขึ้นขนาดนั้นเทียบเท่ากับเฉินหลง ในหมื่นปีที่เติบโต มันเจริญรุ่งเรืองกว่าเฉินหลงเป็นอย่างมาก นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดถูกเทพกิเลนพาตัวมาในโลกแห่งนี้และปกครองโลกใบนี้เอาไว้ และเมื่อซือหยูคือจ้าวหอคอย เขามีพลังที่จะอัญเชิญยอดฝีมือที่แกร่งที่สุดในโลกนั้นออกมา เขามีเวลาท่องโลกใบนี้อีกมากในอนาคต
ที่ซือหยูกังวลที่สุดก็คือเมื่อได้เป็นจ้าวหอคอยเขาจะเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของแดนมณีได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขามีพลังลดระยะเวลาของแดนมณีหรือแม้กระทั่งลบแดนมณีให้หายไปตลอดกาล
คงน่าเสียหายหากแดนมณีล่มสลายไป!แดนมณีถูกออกแบบโดยเทพกิเลนและเต็มไปด้วยสมบัติกับโอกาสในการฝึกฝน บนโลกที่พัฒนามาหมื่นปี ไม่เพียงแต่พลังวิญญาณจะหนาแน่นกว่าจิวโจว แต่พืชวิญญาณทุกชนิดยังเกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
ถ้าหากลบอันตรายของสวนทั้งห้าออกไปแดนมณีจะเป็นจุดบ่มเพาะสุดยอด และเมื่อมันอยู่ในมือซือหยู ทรัพยากรทุกอย่างที่นี่ย่อมเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น! ในเรื่องความมั่งคั่ง ซือหยูมีไม่แพ้ราชาเขตคนไหนเลย!
หลังจากครุ่นคิดซือหยูพยายามขยับผลึกแก้วสีม่วงเพื่อเปลี่ยนแปลงแดนมณี เหล่ายอดฝีมือในแดนมณีทุกคนรู้สึกถึงพลังต้านที่รายล้อมรอบตัว พลังนั้นระเบิดออกส่งตัวทุกคนกลับไปยังเขตของตัวเอง
พริบตาเดียวยอดฝีมือทั้งหมดได้ถูกส่งตัวออกจากแดนมณี ซือหยูออกจากหอคอยสู่แดนมณี เขามองดินแดนกว้างขวางด้วยความตื่นเต้น สิ่งที่เขาได้จากการผจญภัยครั้งนี้มากอย่างไม่น่าเชื่อ เขาได้หอคอยกับแดนมณีมาครอง มันคือพื้นที่บ่มเพาะพลังอันยอดเยี่ยม
“ถึงเวลาหาคนเฉินหลงสักที”
ซือหยูกล่าวเงียบๆ
ก่อนหน้านี้เขาไม่มีหนทางปกป้องคนเหล่านั้นเลย แต่ตอนนี้ ด้วยทรัพยากรระดับราชาเขต มันถึงเวลาแล้วที่จะตามหาพวกเขา เขาต้องตามหาใบหน้าอันคุ้นเคย พบกับคนที่เขาไม่กล้าลืม…เซี่ยจิงหยู…ฉินเซี่ยนเอ๋อ
ณตำหนักเมฆาม่วง เมฆาเบื้องบนหมุนวนเป็นวายุ รอยแยกมิติเปิดออก เงายอดฝีมือร่วงหล่นลงมา พวกเขาคือยอดฝีมือจากทุกมุมของดินแดนพรสวรรค์ ม่อเทียนฉวนกับบุรุษเมฆาม่วงที่รอคอยอยู่ล้วนตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น?ทำไมพวกเจ้าถึงกลับมาในเวลาแค่เดือนเดียว?”
บุรุษเมฆาม่วงพูดด้วยความตกตะลึง
ม่อเทียนฉวนเงียบอยู่นาน
“แปลกนัก…”
นางพูด
“ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือนแต่คนรอดชีวิตกลับมามากมาย”
คนที่เข้าร่วมแดนมณีรู้ดีในอันตรายที่จะต้องเจอนั่นคือวิบัติทั้งห้า และคนจำนวนมากมักจะตายหลังจากผ่านไปสามวิบัติ แต่ม่อเทียนฉวนมองคนที่กลับมา นางเห็นว่ามีคนหายไปเพียงหนึ่งในสิบ และนางก็ยิ่งตกใจที่พบว่าศิษย์ตำหนักโลหิตเกือบทั้งหมดมีชีวิตรอดกลับมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
ม่อเทียนฉวนมองกงซุนหวูซื่อที่หล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างงุ่มง่ามกงซุนหวูซื่อที่ใบหน้าสับสนทรงตัวขึ้นมา
“ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกัน!ข้ากำลังจะเอาบันทึกวิชาโบราณมาอยู่แล้ว น่าโมโหนัก!”
นางดูสับสนและแทบจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ม่อเทียนฉวนเห็นว่ากู้ไทซูกำลังรายงานกับบุรุษเมฆาม่วงอยู่ บุรุษเมฆาม่วงตกใจมากและเหลือบมองม่อเทียนฉวน
“หา?”
ม่อเทียนฉวนรู้สึกว่ามีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น
ไม่นานท้องฟ้าหยุดเคลื่อนไหว ทุกคนถูกส่งกลับมาแล้ว ม่อเทียนฉวนเหลือบมองคนสุดท้ายที่กลับมาด้วยความเย็นชา นางยิ้มเยาะ
“เจ้าโชคดีจริงๆ!”
นางไม่รู้จักหุบปากเอาเสียเลย!ซือหยูชักสีหน้า
“ด้วยเกียรติยศของเจ้าสำนักพวกเรารอดชีวิตกลับมา”
ม่อเทียนฉวนหัวเราะอย่างเย็นชานางหันไปหาศิษย์ตำหนักโลหิตคนอื่น
“ยอดเยี่ยมมาก!ไม่เพียงแต่พวกเจ้าจะรอดกลับมามากกว่าตำหนักเมฆาม่วง แต่พวกเจ้ายังแข็งแกร่งขึ้นด้วย ดี! ให้พวกเราดูสิ่งที่พวกเจ้าเอากลับมา ตามกฎแล้วสำนักจะได้ส่วนแบ่งครึ่งส่วน”
ใครจะกล้ายักยอกหากมีม่อเทียนฉวนอยู่ที่นี่?ทุกคนนำสมบัติสวรรค์ที่ชิงกลับมาได้ออกมา
“โสมโลหิตสามรอยอายุร้อยปีหรือ?” ม่อเทียนฉวนตาลุกวาว
“ผลงูดำสองร้อยปี?มีสัตว์อสูรจ้าวเทวะระดับเก้าป้องกันมันอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“อะไรกัน?มีไม้ผนึกวิญญาณสี่ร้อยปีด้วยรึ? มันคือไม้วิญญาณที่ราชาแรดอสูรเนรมิตรปกป้องอยู่ไม่ใช่หรือไงกัน?”
ม่อเทียนฉวนเก็บสมบัติทั้งหมดกลับมาในทีแรกแต่นางก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายนางก็ตกใจมากเมื่อรวบรวมทุกอย่างออกมา
นี่มันแปลกเกินไป!ด้วยทักษะของศิษย์ตำหนักโลหิต พวกเขาจะหาของมีค่าระดับนี้มาได้ยังไง? จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในแดนมณีที่ทำให้อันตรายทุกอย่างหายไป ม่อเทียนฉวนไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตำหนักโลหิตได้กลับมาคือสิ่งที่ดีที่สุดในรอบนี้หรือไม่
นั่นมันโสมโลหิตสามรอยร้อยปีหรือ?พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาที่จะฝึกฝน ทำไมศิษย์ตำหนักโลหิตถึงได้สมบัติมากกว่าคนอื่น? ไม่สิ มันแปลกเกินกว่าจะอธิบายเสียอีก ศิษย์ตำหนักเมฆาม่วงตาร้อนผ่าวเมื่อมองสมบัติของตำหนักโลหิตพวกเขาคือคนกลุ่มเดียวที่รู้ว่าคนตำหนักโลหิตได้ของมีค่าเหล่านั้นมาอย่างไร
ในสายตาพวกเขาศิษย์ตำหนักโลหิตคือโจรชั่วไร้ยางอาย! เพียงแค่เจ็ดวัน พวกเขาก็ขึ้นชื่อในแดนมณี! ในสมบัติแต่ละชิ้นที่พวกเขาได้มา อธิบายวิธีการได้ด้วยคำเพียงคำเดียว นั่นก็คือ…ขโมย!
นี่ข้าอยากได้สมบัติของเจ้า เอามานี่!
อะไรนะ?เจ้าไม่ให้รึ? เตรียมรับกระบี่ข้าไปซะ!
อะไรกัน?ยังตอบโตอยู่หรือ? ฮ่า! ลองสู้กลับเซ่! ถ้าอยากจะหยุดการบ่มเพาะไว้แค่นี้ก็สู้กลับมาเลย!
ตั้งแต่เด็กสาวตัวน้อยไปจนถึงคนโฉดชั่วที่สุดทุกคนไม่ต่างกับขอทานที่ถูกรังแกเมื่อเจอกับคนตำหนักโลหิต คนสำนักอื่นต้องกลืนความเกลียดชังและกัดฟันมอบสมบัติที่ยากจะได้มาของพวกเขากับตำหนักโลหิต พวกเขาโชคร้ายเหลือเกินที่ได้เจอศิษย์ตำหนักโลหิต
ที่แย่ที่สุดก็คือพวกเขารู้ก็คือวันหนึ่ง อสูรน้อยจากตำหนักโลหิตได้รวมตัวกับทุกคนและไม่ได้อยากจะเป็นแค่โจร อสูรน้อยบิดเบือนความหมายของการขโมยและขึ้นเป็นผู้นำตำหนักโลหิตในแดนมณี
นางเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นผู้นำในแต่ละกลุ่มเมื่ออยู่เป็นกลุ่ม จะไม่มีใครต่อสู้กลับได้ ไม่มีใครรอดจากการถูกจับตัว ที่สุดแล้วนางก็สร้างกลุ่มชื่อสวยหรูที่เรียกว่า ‘หน่วยกระจายความรักฉันท์มิตรแห่งตำหนักโลหิต’ ส่วนหน้าที่ของหน่วยนี้น่ะหรือ?
มันคือการขโมย!
กงซุนหวูซื่อหรืออสูรน้อยที่เป็นผู้นำกลุ่มนั้นได้ขอร้องสามข้ออย่างหนักแน่นอย่างแรกคือขโมยทุกดวงวิญญาณที่เจอ! ไม่เพียงแต่ลักพาตัวมนุษย์แต่ลักพาวิญญาณชั่วร้ายมาด้วย ขโมยจากนภา ผืนดิน ทุกที่ ไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่แมลงก็ห้ามมองข้าม
อย่างที่สองขโมยทุกอย่างที่หยิบได้! จะเป็นของยิ่งใหญ่อย่างแหวนมิติหรือชุดชั้นในก็ต้องขโมย! ในเจ็ดวัน มียอดฝีมือเปลือยมากมาย มันคือจุดจบที่น่าเศร้า! คนที่ได้ยินเรื่องเล่าล้วนเจ็บปวด คนที่เห็นคนเปลือยเปล่าเหล่านั้นต้องหลั่งน้ำตา
และสามขโมยทุกวินาที!อสูรน้อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก
“เวลาคือชีวิต!ใครที่ทำเสียเวลาล้วนไร้ยางอาย คนเหล่านั้นรับไม่ได้! ทุกคนจะต้องมีผลงาน!”
และด้วยเหตุนี้หน่วยกระจายความรักฉันท์มิตรจึงแบ่งเป็นสองกลุ่มและพากันขโมยทุกสิ่งทุกอย่างตลอดเวลา
ภายในระยะเวลาเจ็ดวันสั้นๆ หน่วยกระจายความรักฉันท์มิตรเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และบ่อนทำลายทั้งแดนมณี ชื่อตำหนักโลหิตดังก้องแดนมณีในวันเหล่านั้น คนที่ได้ยินชื่อตำหนักโลหิตล้วนตัวสั่นด้วยความกลัว แม้แต่ตำหนักเมฆาม่วงก็มิอาจหนีพ้น หน่วยของกงซุนหวูซื่อขโมยสมบัติของตำหนักเมฆาม่วงไปมากมาย
แต่ศิษย์พี่ลู่จือยี่ที่รู้จักกับซือหยูนั้นไม่ได้พบเรื่องแบบเดียวกันมิเช่นนั้นนางคงจะถูกขโมยเสื้อผ้าไปเหมือนคนอื่นด้วย
“แล้วเจ้าล่ะ?”
ม่อเทียนฉวนตรวจดูสมบัติของทุกคนคนสุดท้ายคือซือหยู
ซือหยูส่งใบหญ้าให้นาง
ม่อเทียนฉวนเหลือบมองพร้อมเบิกตากว้าง
“แค่นี้น่ะรึ?”
“แค่นี้แหละ!”
“นีมันก็แค่พวกวัชพืชธรรมดา!”
“วัชพืชเหล่านี้คือสิ่งที่ข้ามอบให้สำนักอย่างจริงใจ!เอาไปให้หมดเลย! เจ้าควรจะดีใจ ข้าไม่เก็บอีกครึ่งไว้กับตัวด้วยซ้ำ”
“ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก!แดนมณีอุดมสมบูรณ์ ทุกคนที่เข้าไปล้วนมีพืชวิญญาณใต้ฝ่าเท้าในทุกย่างเก้า! เจ้าเป็นเซียนยังง่ายกว่าหาวัชพืชในแดนมณีเลย!”
“ก็มันยากกว่าเป็นเซียนยังไงเล่า!นี่ไม่ได้พิสูจน์หรอกหรือว่าข้าทุ่มเทแค่ไหน?”
“เจ้าจงใจสินะ!”
ซือหยูยักไหล่สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนแปลง
ม่อเทียนฉวนกำหมัดชกหน้าเขา
“อย่าคิดว่าข้าจะพอแค่นี้!ใช้สิทธิ์ของสำนักเพื่อเอาวัชพืชกลับมาเรอะ เจ้าต้องถูกลงโทษเป็นเยี่ยงอย่าง”
ม่อเทียนฉวนพูดอย่างรวดเร็วพร้อมกับวางแผนในหัว
แต่นางเพียงจะพูดจบก่อนที่จะมีสายตาของเหล่าศิษย์ตำหนักโลหิตหันมอง
เสียงเล็กๆ ของเด็กสาวดังขึ้น
“ท่านเจ้าสำนักกับเรื่องผลงานของน้องซือ เรามีเรื่องต้องรายงาน”
นางหน้าแดงระเรื่อนางแอบมองตาซือหยู “ท่านเจ้าตำหนักม่อเรื่องผลงานของน้องซือ ข้ามีเรื่องรายงาน ให้ข้าพูดก่อน!”
หญิงสาวที่มีเสน่ห์คนหนึ่งพูดขึ้นมาบ้าง
“ท่านเจ้าสำนักข้าก็มีเรื่องจะพูด…”
“ขะ…ข้าด้วย”
ม่อเทียนฉวนตัวแข็งทื่อถ้านางจำไม่ผิด ก่อนที่จะไปแดนมณี เหล่าศิษย์แนวหน้าไม่แม้แต่มองซือหยู การาไปแดนมณีรอบเดียวเปลี่ยนแปลงทุกคนไปอย่างมาก!
ม่อเทียนฉวนพูดไม่ออกเมื่อเห็นสีหน้าของแต่ละคน
คนที่หน้าแดงถูกตำหนิ
“เจ้ามีคู่หมั้นแล้วไม่ใช่รึ?สายตายั่วยวนนั่นมันอะไร?”
“คิดว่าข้าตาบอดรึไง?ข้าไม่ยอมคลอดลูกลิงออกมาหรอก!”
“เจ้ากินยาผิดเรอะ?”
ม่อเทียนฉวนมองคนเหล่านั้นอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้าพูดมา!”
ม่อเทียนฉวนชี้เด็กสาวคนหนึ่ง
นางมองซือหยูด้วยความขอบคุณและเคารพ
“จริงๆ แล้ว น้องซือทำเพื่อสำนักมาก ทุกอย่างที่เราได้มาครึ่งหนึ่งเป็นของน้องซือ”
ม่อเทียนฉวนผงะนางเกือบจะคิดว่าตัวเองหูฝาด วีรบุรุษครั้งนี้คือไอ้สารเลวที่กำวัชพืชกลับมารึ?
ฟึ่บ…
บุรุษเมฆาม่วงบินเข้ามาใบหน้าเขาดูหนักใจ
“ท่านเจ้าตำหนักอสูรพาศิษย์ที่เจ้ารักมาสิ ให้เราคุยกันสักหน่อย สถานการณ์ช่างซับซ้อนนัก…”
หือ!
ศิษย์ที่รักรึ?ม่อเทียนฉวนจ้องกลับด้วยความสงสัย
“เจ้าจะยังแสดงอะไรอยู่อีก?เจ้าปิดบังเก่งเหลือเกิน!”
บุรุษเมฆาม่วงกล่าวเขามองซือหยูด้วยความตกใจและอิจฉา