DND.
ขอบคุณท่านเทพขนนกกับอาจารย์หวังยิ่งนัก!
คังเตี้ยยี่กำลังดีใจความเยือกเย็นแสดงผ่านแววตา
‘ตระกูลเทพตำราจะว่าอะไรข้าไม่ได้แล้ว!’
เขาคิด
ท่านเทพขนนกข้ามีเรื่องจะรายงานกับท่าน!
คังเตี้ยยี่กล่าว
คังเตี้ยยี่พูดต่อหลังจากซือหยูพยักหน้า
ท่านเคยสงสัยว่าฉินเฟยเฉินรู้จุดอ่อนของท่านในคราที่แล้วด้วยวิธีการใดหรือไม่?
อืมม…ข้าได้ยินว่าตระกูลเทพตำรามีสมบัติล้ำค่านามว่าขุมทรัพย์เทพตำรามันมีความรู้ทั้งหมดบนโลกรวบรวมเอาไว้ มันรู้ความลับทุกอย่าง ฉินเฟยเฉินใช้มันรึ?
คังเตี้ยยี่ตอบ
ใช่แล้ว!ขุมทรัพย์เทพตำรารวบรวมทุกความรู้ที่เทพตำราคนก่อนหน้ามีและรู้ทุกสิ่ง หากใช้แล้วจะไม่มีความลับใดซ่อนจากขุมทรัพย์เทพตำราได้!
จะเป็นการดีหากท่านทำลายขุมทรัพย์เทพตำราเมื่อไปที่นั่นมิเช่นนั้นมันจะกลายเป็นภัยที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับท่านเทพขนนก!
ซือหยูเชี่ยวชาญการใช้กลอุบายถ้าฉินเฟยเฉินใช้ขุมทรัพย์เทพตำราจนล่วงรู้อุบายของเขา สักวันหนึ่งเขาจะมีภัยถึงชีวิตแน่!
ครั้งที่แล้วถ้าหากเหอหลูจูไม่แอบให้ข่าวกับเขา เขาก็คงจะตายไปแล้ว!
ขุมทรัพย์เทพตำรารึ?
ซือหยูเข้าใจภัยของสิ่งนั้นดีถ้าหากมันไม่ถูกกำจัด มันจะเป็นอันตรายใหญ่หวงสำหรับเขา
ยิ่งเป็นเรื่องงานชุมนุมเหล่าเทพที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
เรื่องการสมคบคิดระหว่างเขากับเทพจิงเป็นเรื่องใหญ่ที่มิอาจถูกเปิดเผยได้หากเทพทั้งร้อยคนรู้ พวกเขาจะต้องถูกจู่โจมจนตายไปทั้งคู่แน่นอน
ถ้าฉินเฟยเฉินได้ยินเรื่องเล่าและสืบเรื่องนี้ด้วยขุมทรัพย์เทพตำราเขาก็คงจะ…
ซือหยูกลัวจนเหงื่อไหลทำไมต้องมีของแบบนี้อยู่บนโลกกัน? มันไม่ควรจะมีอยู่เลย!
คังเตี้ยยี่มองรอบๆ และกระซิบ
แท้จริงแล้วเทพทุกคนไม่พอใจมากที่ตระกูลเทพตำราสร้างขุมทรัพย์เทพตำราขึ้นมา เพราะความลับของพวกเขาจะอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลเทพตำราในทุกเมื่อ!
แต่ถ้าหากไม่มีเหตุผลอันดีพวกเขาก็จะไปทำลายมันเฉย ๆ ไม่ได้ หากท่านเทพขนนกคิดจะทำลายมัน อย่างน้อยก็จะไม่มีเทพคนไหนหยุด พวกเขาจะแเอบช่วยเหลือด้วยซ้ำ!
อย่างนั้นเองรึ?ซือหยูแววตาเยือกเย็น เขามีความลับมากเกินไปที่มิอาจให้คนนอกล่วงรู้ได้ ขุมทรัพย์เทพตำราจะต้องถูกทำลายแม้จะต้องแลกกับทุกสิ่ง!
เจ้าซือเรากำลังจะผจญภัยครั้งใหม่กับรึ?
หวังยุ่นเสวียนยังไม่หายตื่นเต้นจากการที่ซือหยูสยบว่าที่เทพสองคนจากสำนักนรกก่อนที่เขาจะได้ยินว่าซือหยูกำลังจะทำเรื่องก้องโลกอีกครั้ง…และเขาก็ถามซือหยูในทันที!
พาขุนพลเทพยักษ์ไปกับเราด้วย!เอาของขวัญชิ้นใหญ่ไปให้ฉินเฟยเฉินกันเลย!
ซือหยูแสยะยิ้ม
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
ทันใดนั้นคลื่นพลังอันแข็งแกร่งลูกใหญ่ได้แผ่ออกมาจากบางแห่งอันไกลโพ้นลูกหลานเทพได้กลับมาแล้ว
ซือหยูตาลุกวาวเขาแอบสั่งจินกังให้แกล้งทำเป็นหนีเพราะพ่ายแพ้
จินกังที่เป็นมือสังหารนั้นแสดงได้อย่างสมบูรณ์แบบเขาบินถอยหลังพร้อมกระอักเลือด จากนั้นจึงพุ่งตัวลงไปกับพื้นราวกับถูกพลังอันรุนแรงซัดใส่
จินกังรีบลุกขึ้นร้องคำราม
ซือหยู!อย่าแม้แต่จะคิดหยุดข้าไม่ให้สังหารลูกหลานเทพทุกคนในวันนี้!
จินกังหนีต่อไป
ซือหยูกับหวังยุ่นเสวียนทำสีหน้า‘ตึงเครียด’ เมื่อตะโกน
ถ้ามีพวกข้าสองคนอยู่วันนี้นี่ก็คือการเดินทางแบบไม่มีวันกลับของพวกมือสังหารสำนักนรกอย่างเจ้า!
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
ทั้งสองกระโดดขึ้นขุนพลเทพยักษ์และควบคุมยักษ์ให้วิ่งตามไป
แม้ขุนพลเทพยักษ์จะมีขนาดมหึมามันกลับเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วอย่างคาดไม่ถึง ความเร็วของมันเร็วพอ ๆ กับว่าที่เทพขั้นต้น
ขุนพลเทพยักษ์สูงหมื่นศอกคืออาวุธประหลาดที่หวังยุ่นเสวียนสร้างขึ้นมาจากพิมพ์เขียวโบราณที่ขุดค้นเจอ
ในพิมพ์เขียวอาวุธนี้ถูกเรียกว่าขุนพลเทพยักษ์ แม้จะเป็นระดับต่ำสุดก็น่าสะพรึงกลัวพอ ๆ กับว่าที่เทพ หากมีวัตถุดิบมากพอ ไม่เป็นปัญหาเลยที่จะสร้างว่าที่เทพขั้นสูงขึ้นมา
น่าเสียดายที่วัตถุดิบเหล่านั้นเป็นของมีค่าหายากแห่งธารดารามาหมื่นปีแล้วบ้างก็สูญหายไปจากแผ่นดิน จะหาได้ก็ต้องเดินทางท่องจักรวาลออกไป
ซือหยูให้ความสนใจไปที่ชื่อของวัตถุดิบเหล่านั้น
ไม่นานหลังจากพวกเขาขึ้นขุนพลเทพยักษ์ลูกหลานเทพที่เดินทางกลับมาก็พุ่งเข้ามาหา
เทพขนนกเกิดอะไรขึ้น?
เจิ้งหยวนชิงที่ควรจะเป็นผู้นำลูกหลานเทพสีหน้าตึงเครียดนางพูด
ข้าสัมผัสพลังว่าที่เทพได้
ซือหยูตอบกลับด้วยสีหน้าหม่นหมอง
ใช่!ข้าเจอว่าที่เทพสองคนจากสำนักนรก พวกมันตามเจ้าไป เราเลยต่อสู้ครั้งใหญ่กับมัน หนึ่งในนั้นพ่ายแพ้ต่อข้า แต่เจ้านี่กำลังหนี!
ตามพวกเราไปรึ?สีหน้าเจิ้งหยวนชิงเริ่มโกรธเกรี้ยว
สำนักนรกเป็นตัวตนที่น่ากลัวแค่การกล่าวถึงก็ทำให้คนกลัวได้แล้ว
และซือหยูก็พูดว่าพวกนั้นเป็นว่าที่เทพนอกจากเจิ้งหยวนชิงก็ไม่มีใครในเหตุการณ์ที่จะต่อสู้ได้ ทุกคนจะต้องตายอย่างแน่นอน!
เมื่อรู้ว่าหนึ่งคนหนีไปได้พวกเขาก็ลืมสงสัยไปว่าซือหยูเอาชนะหนึ่งคนได้อย่างไร
แต่เป็นเจิ้งหยวนชิงที่มองซือหยูด้วยความสงสัยแต่นางเป็นผู้คุมกฎอาวุโส นางจะไม่นั่งรอและไม่ทำอะไรเมื่อมือสังหารจากสำนักนรกได้บุกรุกเข้ามายังพันธมิตรบูรพา
ข้าทำฆ่ามือสังหารคนนั้นกับเจ้า!
หยางไท่ลูบคางเขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่ามือสังหารสองคนนั้นไม่ได้มาสังหารลูกหลานเทพ แต่เป็นซือหยูคนเดียว
เมื่อเห็นว่าซือหยูหลอกเหล่าลูกหลานเทพหยางไท่ก็ได้แต่หัวเราะในใจ
เจ้าหมอนี่กำลังคิดอะไรสนุกๆ อีกแล้ว! หึหึ ข้าขอตามไปดูก็แล้วกัน
พวกเจ้าที่เหลือมุ่งหน้าไปโลกใกล้เคียงและขอความคุ้มครองจากเทพเดี๋ยวนี้! เราจะไปล่ามือสังหารสำนักนรก!
เจิ้งหยวนชิงสั่งสลายตัวคนและไล่ตามมือสังหารไปพร้อมกับซือหยูหวังยุ่นเสวียน และหยางไท่
ข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง
เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!เจ้าได้ยินหรือไม่? มือสังหารว่าที่เทพจากสำนักนรกมาที่พันธมิตรบูรพาและกำลังจะล้างบางลูกหลานเทพ แต่ก็มีหนึ่งคนถูกเทพขนนกสยบเอาไว้ได้ ส่วนอีกคนบาดเจ็บสาหัส!
อะไรนะ?มือสังหารจากสำนักนรกเรอะ?
หา?เทพขนนกแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ? เขาถึงกับสยบว่าที่เทพจากสำนักนรกได้?
ไม่อยากเชื่อเลยเทพขนนกยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นหรือ?
ทำไมจะเป็นไปไม่ได้เล่า?ข้าได้ยินว่าเทพขนนกแปลงกายเป็นมังกรสีทองและเอาชนะปู้หลูยี่อย่างง่ายดาย! เขาคือเทพเก้ามังกรที่กลับมาเกิดใหม่ตัวจริง!
เอาเถอะแล้วเทพเก้ามังกรมันคืออะไรกัน? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?
ช่างมันเถอะน่า!เขาจะต้องเป็นเทพที่แข็งแกร่งที่สุด พันธมิตรบูรพาผ่านมาหลายล้านปี ได้เห็นการกำเนิดเทพมามากมาย จะแปลกหรือที่ไม่มีใครรู้จักสักคน?
หยุดเหลวไหลได้แล้ว!มือสังหารสำนักนรกที่เทพขนนกกำลังไล่ล่าอยู่ที่ไหนกัน?
ข้าได้ยินว่าเขาหนีไปทางโลกเทพตำรา!
…
ด้านในห้องลับของเรือนตระกูลเทพตำราณ โลกเทพตำรา
ผั่วะ!
ฉินเฟยเฉินสีหน้าดำมืดเขาตบโต๊ะอย่างแรง
พวกขยะเอ้ย!มันเป็นแค่อสูรเนรมิตร ทำไมว่าที่เทพสองคนถึงเอาไม่อยู่กัน? หนึ่งคนถูกจับเป็นข้ารับใช้ ส่วนอีกคนกำลังถูกตามล่า!
อู๋โจวที่อยู่ข้างๆ ไม่กล้าหายใจ หัวใจเขาเต้นแรงด้วยความกระสับกระส่าย
สำนักนรกมักจะขึ้นชื่อในเรื่องของการไม่พลาดในภารกิจ…ได้ทำภารกิจล้มเหลว!
แต่ที่สำคัญไม่ใช่การล้มเหลวแต่เป็นวิธีที่พวกเขาล้มเหลวต่างหาก!
เพราะอะไรมือสังหารจากสำนักนรกถึงเลวร้ายกว่ามือสังหารทั่วไป?หลังจากแพ้ พวกเขากลับหันไปพึ่งพิงเป้าหมายที่ควรจะสังหารแทน!
อู๋โจวเงียบอยู่นานก่อนจะกล่าว
นายน้อยนี่ไม่ใช่เวลามาห่วงเรื่องสำเร็จหรือล้มเหลว เราต้องห่วงเรื่องตำแหน่งของจินกัง!
อะไรของเจ้า?จินกังจะอยู่ที่ไหน ข้าต้องสนใจด้วยรึ?
อู๋โจวตอบอย่างเคร่งเครียด
นายน้อยจินกังมาถึงโลกของพวกเราแล้ว มันกำลังจะมาที่ตำหนักเรา
ฉินเฟยเฉินคิด
มือสังหารไม่ควรจะเปิดโปงนายจ้างไม่ใช่รึ?แล้วสำนักนรกก็ไม่เคยเปิดเผยข้อมูลของผู้ว่าจ้างกับมือสังหารที่ทำภารกิจเลย!
เมื่อคิดได้ดังนั้นฉินเฟยเฉินไม่ได้โล่งใจ เขาคิดต่อไป
ถ้าเช่นนั้นทำไมมันถึงมาที่โลกของพวกเราเล่า?
อู๋โจวตอบ
นายน้อยจะต้องเป็นฝีมือซือหยูแน่! ไม่รู้เหตุผลกลใด พอมันหนี จินกังก็อ้างว่ามาพันธมิตรบูรพาเพื่อสังหารลูกหลานเทพทุกคน มันแปลกมาก!
ฉินเฟยเฉินเคร่งเครียดเขาพูดในครู่สั้น ๆ ต่อมา
รอดูก่อนเถอะ!ขุมทรัพย์เทพตำราถูกใช้ไปแล้ว ต้องรอเวลาสักระยะจนกว่าจะใช้ได้อีกครั้ง ถึงตอนนั้นเราจะรู้ความตั้งใจของซือหยู
อู๋โจวพยักหน้าช้าๆ
เราจะต้องใช้ขุมทรัพย์เทพตำราเพื่อสืบเรื่องซือหยูในคราวหน้า!ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่ามันเป็นคนลึกลับเกินไป มันจะต้องมีความลับที่น่าตกใจซ่อนเอาไว้อยู่แน่
ฉินเฟยเฉินพูด
จะใช้ขุมทรัพย์เทพตำราสักครั้งก็สิ้นเปลืองมากพอแล้วโดยเฉพาะใช้กับมัน…แต่เอาเถอะ เราต้องคำนวนความไม่แน่นอนกับความลับมากมายของเหล่าเทพเพื่องานชุมนุมเทพในครั้งนี้อยู่แล้ว เราต้องรู้ความลับของมัน
ทันทีหลังจากนั้นก็มีคนมารายงานที่นอกประตู
นายน้อยแย่แล้ว! มือสังหารจินกังจากสำนักนรกบุกเข้ามาในตำหนักของเราและฆ่าคนของเราไม่เลือกหน้า! นายน้อยสี่ นายน้อยเจ็ดและนายน้อยเก้าตายหมดแล้ว!
อะไรนะ?!ฉินเฟยเฉินซัดหมัดลงบนโต๊ะและลุกขึ้นยืน
มือสังหารสำนักนรกมาถึงที่นี่จริงๆ!
สั่งการลงไปให้ผู้อาวุโสว่าที่เทพในตระกูลมาปกป้องข้า แล้วก็ส่งข้อความหาเทพเซียนคันฉ่องให้นางลงมือ!
ฉินเฟยเฉินตะโกนอย่างต่อเนื่อง
ฟึ่บ!
ไม่นานนักว่าที่เทพชราก็ปรากฏตัวหน้าฉินเฟยเฉิน
เขาเป็นคนตระกูลฉินเช่นกันเขาคือว่าที่เทพที่ถูกสร้างขึ้นมาจากจิตวิญญาณเทพของว่าที่เทพอื่น แต่เพราะมันไม่ใช่พลังของเขาเอง เขาจึงมีพลังเพียงระดับต้น
จากนี้ไปอย่าห่างจากข้าแม้แต่ครึ่งก้าว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!
ฉินเฟยเฉินรักชีวิตของตัวเองมากลูกหลานเทพตำราคนอื่นนั้นไม่สำคัญกับเขา
ขอรับนายน้อย
ออกไปดูกันเถอะ!
หลังจากออกจากห้องลับชายร่างกำยำคนหนึ่งกำลังตามล่าสังหารคนตระกูลฉินไปทั่วตำหนัก
ลูกหลานเทพตำราราวแปดคนตายไปแล้วเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
จินกังฆ่าทุกคนที่ขวางทางเขาแต่เมื่อเขาเห็นฉินเฟยเฉินและว่าที่เทพด้านหลัง เขาก็ไม่สนใจและทำการล้างบางตระกูลฉินต่อไป
ฉินเฟยเฉินเหมือนถูกกรีดแทงหัวใจเมื่อมองซากศพที่กระจายไปทั่วตำหนัก!
นายน้อยได้โปรดให้ข้าฆ่ามันเถอะ มิเช่นนั้นลูกหลานเทพตำราทั้งหมดจะถูกฆ่า
เมื่อเห็นเหตุการณ์จิตสังหารในตัวชายแก่พวยพุ่งขึ้นมา