The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1215 – สี่มือสังหาร

   ถ้าเจ้าดึงดันจะไปพวกข้าจะแอบช่วยเจ้าอยู่ห่าง ๆ 

  เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของซือหยูเหล่าเทพทำได้แค่คล้อยตาม

  แผนในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับความราบลื่นในก้าวถัดไปของซือหยู

   ไม่ได้!นอกจากท่านจะไปไม่ได้แล้ว ท่านยังต้องอยู่ในโลกเทพโจรสลัดอีกด้วย… 

  ซือหยูกล่าว

   เราเป็นโจรสลัดใหม่ที่เพิ่งมาถึงเทพโจรสลัดย่อมจะต้องเชิญเราเข้าร่วมฝ่ายเขา แต่ก่อนที่จะเชิญ เทพโจรสลัดจะต้องสั่งให้สืบเรื่องพวกเราก่อนแน่ 

   เราใช้ตัวตนตระกูลโท่ป๋าได้สักระยะแต่จะใช้ไม่ได้ตลอดไป พวกท่านต้องพยายามเลี่ยงการออกไปข้างนอกให้มากที่สุด พวกที่คิดร้ายจึงจะจำพวกท่านไม่ได้    พวกเขาเป็นเทพจากพันธมิตรบูรพาที่มีชื่อเสียงเป็นเรื่องปกติยิ่งนักหากจะมีคนจากโลกเสี้ยววิญญาณจำได้

   เช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้มากบอกพวกเราทันทีหากเกิดอะไรขึ้น 

  เทพพ่อค้ายื่นสร้อยหยกที่มีพลังมหาศาลของเขาเองให้กับซือหยูมันยังใช้สื่อสารได้อีกด้วย ถ้าซือหยูพบสถานการณ์ที่ยากลำบาก พวกเขาจะรีบออกไปช่วยได้ในทันที

   ขอบคุณท่านมาก 

  ซือหยูรับสร้อยหยกเอาไว้และหายไปจากที่พักราวกับควันเขาพาวิหคเพลิงทมิฬไปด้วยเท่านั้น

  ที่ไม่ไกลนักอาซันกำลังเฝ้ามองโรงเตี๊ยมด้วยความเย็นชา เขายืนมือไพล่หลัง

  ด้านหลังเขาคือเซียนขั้นสี่ที่เชี่ยวชาญวิชาหายตัวเขาคุกเข่าอยู่

   มีอะไรน่าสงสัยหรือไม่? 

  อาซันถาม  เซียนขั้นสี่นี้ยังเป็นคนรวบรวมข่าวชั้นยอด

   รายงานท่านอาซัน… 

  เขาตอบ

   พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรตั้งแต่เข้าพักแต่โท่ป๋าหยุนออกจากโรงเตี๊ยมมาแล้ว 

   ออกมาแล้วรึ?มันอยู่ไหน? มันออกไปหาใคร? 

  เซียนขั้นสี่ตอบ

   เขาไม่ได้พบใคแต่เขากำลังไปที่ประตูมิติเทวะเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่สำนักนรก 

  อะไรนะ?อาซันตกใจ

   สำนักนรกรึ?เจ้าจะบอกว่ามันไม่ได้แวะที่ไหนแต่พุ่งตรงไปยังสำนักนรกรึ? มันไม่ได้หยุดพักตรงไหนเลยรึ? 

   ใช่แล้ว! 

  เซียนขั้นสี่ตอบ

  อาซันครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า   อืมจับตาดูทุกความเคลื่อนไหวของมันต่อไป 

  เมื่อพูดจบอาซันหายตัวไปทันที จากนั้นเขาก็ไปปรากฏตัวที่ท่าเรือ ใกล้กับเทพโจรสลัด

   รายงานเทพโจรสลัดเป็นดั่งที่ท่านคาดการณ์ เหตุที่มันมาค่อนข้างประหลาด โท่ป๋าหยุนที่เป็นหัวหน้ามุ่งหน้าตรงไปยังสำนักนรกทันทีที่พักได้ไม่นานและไม่หยุดพักระหว่างทางเลย พวกมันอาจมาที่โลกเสี้ยววิญญาณเพราะสำนักนรก 

  เทพโจรสลัดมองไปยังธารดารากว้างใหญ่

   สำนักนรก…เจ้าลูกชายคนที่สามกำลังคิดจ้างมือสังหารจัดการพี่ใหญ่เพื่อชิงตระกูลโท่ป๋ามาเป็นของตัวเองสินะ? 

   หากมันมีความคิดเป็นเด็กเช่นนั้นมันก็คงจะไม่อยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ จับตาดูมันต่อไป! หาเหตุผลว่ามันไปสำนักนรกเพื่ออะไร แล้วก็หาทางยืนยันตัวตนของพวกมันด้วย     บังเอิญนักที่บุตรคนสุดท้องหนีมายังโลกเสี้ยววิญญาณเมื่อบุตรคนรองถูกสังหารเชิญพวกมันมาเสีย 

   ขอรับ! 

  อาซันตอบเขาหวังว่าคนเหล่านี้จะเป็นคนที่ปลอมตัวมา เขาจะได้จับตัวทุกคนอย่างเปิดเผยและได้เล่นสนุกกับสาวงาม

  ตั้งแต่ที่เขาได้เห็นเทพเจิ้งเขาก็ฝันถึงนางทั้งกลางวันกลางคืน เรือนร่างของนางยังคงติดอยู่ในสมองของเขาไม่เสื่อมคลาย

  ฟึ่บ!

  หลังจากผ่านประตูมิติเทวะหลายบานซือหยูได้มาถึงสำนักนรกในครึ่งวันต่อมา

  นี่คือโลกที่สร้างโดยเทพแห่งความตายแต่คนบนโลกต่างไม่รู้ว่าสำนักนรกตั้งอยู่ที่ใด พวกเขารู้แค่ว่ามันเป็นองค์กรที่ลึกลับและแข็งแกร่ง

  ซือหยูค้นหาจนพบหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีควันลอยออกมาจากปล่องไฟ เขาตกใจเล็ก ๆ   ไม่คิดเลยว่าสำนักนรกที่ชื่อก้องโลกจนผู้คนสะพรึงกลัวจะมาตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ เช่นนี้ 

  หมู่บ้านนี้เงียบสงบชวนให้สบายใจยามอัสดงนำให้คนกลับบ้าน เหล่าคนชราพากันกลับสู่หมู่บ้าน

   การแยกตัวออกมามิใช่การอยู่ในเมืองใหญ่นี่คือเหตุผลที่ตำแหน่งสำนักนรกเป็นเรื่องลี้ลับมาจนถึงวันนี้ 

  วิหคเพลิงทมิฬอธิบาย

   แต่ไม่ใช่กับเจ้า 

   ใช่อีกไม่นานข้าคงต้องตายแล้วล่ะ 

  วิหคเพลิงทมิฬกล่าว

  เมื่อนางพูดจบเสียงแหบพร่าดึงออกมาจากความว่างเปล่า

   ยังดีที่เจ้ารู้ตัวเราจะได้ไม่ต้องลงมือ! 

  เสียงดังมาจากเบื้องบนมันกลายเป็นลำแสงสี่สายพุ่งเข้าล้อมวิหคเพลิงทมิฬและซือหยู  ว่าที่เทพขั้นต้นพุ่งลงมาสี่คน!

   มังกรเขียวพยัคฆ์ขาว จาบกุหลาบ เต่า ไม่เจอกันนานนะ 

  วิหคเพลิงทมิฬก้าวไปข้างหน้าปกป้องซือหยู

  เต่าคือคนที่พูดเมื่อครู่เขาจ้องวิหคเพลิงทมิฬอย่างเยือกเย็น

   ทำภารกิจล้มเหลวนำความอัปยศมาสู่สำนักนรก เจ้าต้องล้างบาปด้วยความตาย! 

   แต่เจ้ายังหักหลังเทพแห่งความตายกลายเป็นข้ารับใช้เทพขนนกเอาชีวิตรอด! เจ้ายังกล้าพอที่จะพาคนแปลกหน้ามาที่สำนักนรกที่เป็นความลับของพวกเรา เจ้าควรถูกสังหารเสียพันหน! 

  วิหคเพลิงทมิฬไร้อารมณ์

   ครั้งนี้ข้ามาเพื่อพบเทพแห่งความตาย 

   หยุดพูดเสียเถอะ!ต่อให้เจ้าไม่ได้หักหลังสำนักนรก เจ้าก็ไม่มีโอกาสได้พบเทพแห่งความตายอยู่แล้ว เวลานี้ คนทรยศอย่างเจ้าย่อมไม่มีโอกาสแน่นอน เทพแห่งความตายจะไม่มีวันอภัยให้เจ้า 

  เต่าคิดว่าวิหคเพลิงทมิฬอาจจะคิดถึงการขอความเมตตาจากเทพแห่งความตาย

  วิหคเพลิงทมิฬกล่าว

   ข้ามีเหตุผลในการพบเทพแห่งความตาย 

   เหตุผลเรอะ?ต่อให้เจ้าตายไปร้อยครั้ง เทพแห่งความตายจะไม่มีวันชายตามองเจ้า! 

  เต่าร้องคำรามและเตรียมจู่โจม

   ข้าพาคนที่ทำให้ภารกิจล้มเหลวมาด้วย… 

  วิหคเพลิงทมิฬรีบพูด

  อะไรนะ?ว่าที่เทพทั้งสี่ผงะเมื่อมองซือหยูที่ด้านหลังวิหคเพลิงทมิฬ

   มันคือเทพขนนกจากพันธมิตรบูรพาเรอะ?วิหคเพลิงทมิฬ เจ้ากล้านัก! เจ้าเผยตำแหน่งสำนักนรกกับพันธมิตรบูรพา!    เมื่อเห็นดังนี้มิใช่เพียงเต่าที่มีจิตสังหาร แต่มังกรเขียว พยัคฆ์ขาว และจาบกุหลาบก็ปล่อยจิตสังหารออกมาพร้อมกัน

  เมื่อทั้งสี่กำลังจะลงมือเสียงหนึ่งก็ดังเข้ามาอีก

   เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะได้พบเทพแห่งความตายจงกลับไปและลืมเรื่องเกี่ยวกับที่นี่ซะ 

  คำว่า‘เจ้า’ นี่เขาพูดถึงนั้นหมายถึงซือหยู

  เมื่อได้ยินเหล่าว่าที่เทพทั้งสี่ตัวสั่นพร้อมกัน

   ท่านเสี่ยวเหยา! 

  วิหคเพลิงทมิฬกล่าวด้วยความนอบน้อม

   วิหคเพลิงทมิฬอยู่ที่นี่แล้วคารวะท่านเสี่ยวเหยา 

  แม้ว่าเขาจะไม่ปรากฏตัวเขาก็ทำให้ซือหยูรู้สึกถึงแรงกดดันที่มากกว่าว่าที่เทพขั้นต้น

   คนจากพันธมิตรบูรพาเจ้าไปได้    เสียงนั้นพูดต่อ

   วิหคเพลิงทมิฬจงอยู่ที่นี่ 

  วิหคเพลิงทมิฬตัวสั่นถ้าหากนางอยู่ โทษประหารจะรอนางอยู่แน่นอน

  ซือหยูถาม

   แล้วถ้าข้าไม่ให้นางอยู่เล่า? 

   คำท่านเทพแห่งความตายห้ามต่อรอง!เจ้ามีชีวิตอยู่ได้ไม่ใช่เพราะเทพแห่งความตายเมตตาเจ้า แต่เป็นเพราะวิหคเพลิงทมิฬกำลังจะตายแทนเจ้า เจ้าเข้าใจหรือไม่? หากคิดจะพาตัวนางไป เจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วย 

  ซือหยูยิ้ม

   ข้าไม่ได้คิดจะพาตัวนางไป…แต่ข้าก็ไม่ได้คิดจะให้นางอยู่ที่นี่เช่นกัน! 

   ฆ่ามันสองคนซะ! 

  เสี่ยวเหยาสั่งอย่างไร้อารมณ์

  มังกรเขียวและอีกสามคนเย้ยหยัน

   เจ้ากำลังหาที่ตาย!    ฟึ่บ!

  ว่าที่เทพทั้งสี่พุ่งเข้าใส่ซือหยูวิหคเพลิงทมิฬเข้าขวางที่ด้านหน้าซือหยูและโจมตีอย่างไม่ลังเล นางพูดออกมา

   นายท่านวันนี้เราคงไม่ได้พบเทพแห่งความตายแล้ว กลับไปและลืมเรื่องของข้าเถอะ 

  วิหคเพลิงทมิฬที่ถูกซือหยูควบคุมนั้นเต็มใจที่จะสละชีวิตให้เขา

  นางเข้าต่อสู้รับมือกับว่าที่เทพทั้งสี่

  นางเป็นว่าที่เทพสิบอันดับแรกและว่าที่เทพทั้งสี่ก็มิอาจเอาชนะนางในการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง

  แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทั้งสี่พร้อมกันนางเป็นฝ่ายเสียเปรียบในเวลาไม่นาน

  มังกรเขียวใช้จังหวะได้เปรียบร้องคำรามส่งคลื่นเสียงพลังเทพออกมา

  วิหคเพลิงทมิฬพลิกฝ่ามือสร้างวายุพลังเทพตรงหน้าเพื่อสลายคลื่นเสียง  แต่พยัคฆ์ขาวก็ใช้พลังออกมาในเวลาเดียวกันที่มือซ้ายฝ่ามือมนุษย์กลายเป็นกรงเล็บพยัคฆ์ขาวเข้าตะปบฉีกร่างวิหคเพลิงทมิฬ

  วิหคเพลิงทมิฬอ้าปากคายมีดเล่มขนาดเท่าดัชนีที่อาบยาพิษเล็งไปที่ใบหน้าพยัคฆ์ขาว

  พยัคฆ์ขาวไม่ทันระวังและไม่มีทางเลือกนอกจากถอย

  แต่จาบกุหลาบก็แปลงร่างเป็นนกเพลิงบินทะลุร่างวิหคเพลิงทมิฬอย่างแรง

  เพียงพริบตาเดียวเพลิงสีแดงก็ได้ลุกไหม้ออกมาจากตัววิหคเพลิงทมิฬ ไฟลุกท่วมร่างของนาง

  วิหคเพลิงทมิฬขมวดคิ้วแน่นเพลิงทมิฬออกมาจากร่างเพื่อเข้าต้านเพลิงสีแดงจากจาบกุหลาบ นางแทบจะยืนไม่อยู่

  ถึงอย่างนั้นก็มีพลังเทพอันยิ่งใหญ่เข้าระเบิดฉีกร่างนางเป็นชิ้นๆ

  มันคือพลังของเต่าลายกระดองเต่าปรากฏที่หมัดทั้งสองข้าง ใบหน้านั้นดูพอใจ

   ต่อต้านสำนักนรกก็มีแต่นำพาความตายมาให้เจ้า! 

  ฟู่ว!

  ร่างวิหคเพลิงทมิฬที่แหลกสลายกลับกลายเป็นเพลิงทมิฬนางกำลังจะเกิดใหม่จากเพลิง

  เต่าหัวเราะและพุ่งเข้ามาเหยียบเพลิงเอาไว้โดยหวังจะดับมันไม่ว่าเพลิงจะกลับมารวมตัวกันอย่างไร การเกิดใหม่จะไม่เกิดขึ้น

  เต่าเงยหน้ามองซือหยู

   ตอนเราขอให้เจ้าไปเจ้าปฏิเสธ เจ้าคิดจริง ๆ รึว่าวิหคเพลิงทมิฬจะปกป้องเจ้าได้? ต่อหน้าสำนักนรก วิหคเพลิงก็เป็นได้แต่ฝุ่งผงที่แตกดับได้ตลอดเวลา ต่อให้ตอนนี้เจ้าอยากจะหนี มันก็สายไปแล้ว 

  ลายกระดองเต่าปรากฏในมืออีกครั้งเขาซัดฝ่ามือใส่ลำตัวซือหยูด้วยพลังมหาศาลจากฟ้าดิน  ซือหยูสีหน้าเรียบเฉยเขาจับกระบี่สีขาวเงินฟาดมาปะทะกับฝ่ามือ

  กระบี่สีเงินเข้าฟันแขนของเต่าเกิดเป็นเสียงโลหะกระทบดังลั่นเกิดประกายไฟเมื่อปะทะกัน

   กระบี่ภูติขั้นกลาง…แต่ฐานพลังเจ้ามันอ่อนแอเกินไปเจ้าปลดปล่อยพลังของมันออกมาไม่ได้! 

  เต่าไม่สะทกสะท้านเขาใช้มืออีกข้างซัดใส่ที่ลำตัวซือหยู ฝ่ามือของเขาสังหารซือหยูได้โดยไม่ต้องปะทะด้วยซ้ำ ซือหยูจะตายจากแรงสั่นสะเทือนของฝ่ามือที่เข้าใกล้

  ซือหยูถาม

   หากกระบี่เดียวไม่ได้ผลแต่หากเป็นเก้าเล่มเล่า? 

  คว้าง!

  กระบี่สีเงินอีกแปดเล่มที่ส่องแสงสีเงินบินรอบเต่ารวมกับในมือของซือหยูเป็นเก้าเล่ม มันกำลังตั้งค่ายเป็นค่ายกลกระบี่  กระบี่สีเงินเก้าเล่มเข้าจู่โจมเต่าพร้อมกันเกิดแสงสีเงินหลายสาย

  เมื่อค่ายกลหยุดลงเต่าได้ยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาสูญเสียพลังไปจนหมดและยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ดูเหมือนว่าดวงวิญญาณของเขาได้ดับสลายไปด้วยเช่นกัน

  เมื่อเอาชนะว่าที่เทพด้วยกระบวนท่าธรรมดาไม่กี่เพลงซือหยูเตะร่างไร้วิญญาณของเต่าให้พ้นทาง วิหคเพลิงทมิฬกำลังกลับมาเกิดใหม่

  เมื่อเก็บกระบี่ทั้งเก้าเล่มและสะบัดเลือดทิ้งซือหยูส่ายหน้าด้วยความใจเย็น

   เลวร้ายกว่าที่ข้าคิดอ่อนแอกว่าวิหคเพลิงทมิฬยิ่งนัก ประมาทเกินไปที่คิดสังหารข้า 

  มังกรเขียวและอีกสองคนตัวแข็งทื่อ!

  เต่าไม่ใช่คนเดียวที่ประมาทพวกเขาเองก็ประมาทเช่นกัน พวกเขาคิดว่าเต่าจะสังหารซือหยูได้โดยง่าย พวกเขาจึงยืนมองจากด้านข้าง ใครจะไปคิดว่า…

   มังกรเขียวคำราม! 

  มังกรเขียวชักสีหน้าเขาปล่อยพลังคลื่นเสียงออกมาอีกครั้ง!

  คลื่นเสียงสีเขียวพุ่งตรงมาที่ซือหยู

  ซือหยูไม่รีบร้อนเขาสร้างธนูคันใหญ่ด้วยพลังอสูรเนรมิตรที่มือซ้าย เขาจรดศรสีทองด้วยมือขวาและปล่อยมือ

  ฟึ่บ!

  ศรพุ่งตรงทะลวงคลื่นเสียงทะลุร่างมังกรเขียวในเสี้ยวลมหายใจ

  แสงสีทองเปล่งประกายจากร่างมังกรเขียวพร้อมกับมังกรเขียวที่กลายเป็นฝุ่นผงสีทองอย่างที่ราชาเขตกลางเคยเป็น

  พยัคฆ์ขาวและจาบกุหลาบอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงสะพรึงกลัว!

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset