พวกเราเพิ่งจะลงทะเลข้าไม่รู้วิธีออกไปถึงธารดารา เรายังไม่รู้ว่าจักรพรรดิมรณะหนีออกไปจากทะเลขมได้ยังไง
ทุกคนก้มหน้าการหนีลงสู่ทะเลขมเป็นเพียงก้าวแรก การออกจากโลกอสูรต่างหากที่เป็นเป้าหมายสุดท้าย
ท้องทะเลกว้างใหญ่เราไม่รู้จะหาทางออกได้ที่ใด ไม่ต่างจากงมเข็มใจมหาสมุทร…
องค์ชายหนึ่งกล่าว
เราจะต้องหาทางจำกัดพื้นที่การค้นหาก่อน
ทุกคนเงียบต่อไปดูจากชายหายทะเลขม ความกว้างใหญ่ของทะเลนั้นกว้างพอ ๆ กับทั้งโลกอสูร
จักรพรรดิมรณะหนีมาได้อย่างไรไม่มีใครรับรู้พวกเขาต้องหาร่องรอยที่จักรพรรดิมรณะหนีไป
ถ้าหากเบาะแสข้าพอจะมีอยู่บ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นประโยชน์หรือไม่ ข้ารู้เรื่องโลกอสูรน้อยมาก และพวกเจ้าต้องวิเคราะห์มันให้ข้า
เหล่ารัชทายาทผงะ
อะไรนะเจ้ารู้เบาะแสรึ?
ซือหยูพยักหน้า
ข้าได้มันมาจากการคิดแผนในอดีต!
จักรพรรดิมรณะถูกยักษ์ทะเลขมลากลงสู่ทะเลจักรพรรดิมรณะย่อมทนน้ำทะเลขมได้ไม่นานนักเพราะไม่มีเรือไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำอย่างพวกเรา! ดังนั้นเส้นทางจะต้องไม่ไกลจากชายฝั่ง
ในเรื่องนี้เหล่ารัชทายาทพยักหน้าเห็นด้วย
และเท่าที่บันทึกยักษ์ทะเลขมเขียนเอาไว้และที่ข้าค้นพบแต่ละครั้งที่ยักษ์ปรากฏตัว มันก็ปรากฏตัวใกล้ชายฝั่ง ข้าคิดว่ารังของยักษ์อาจจะอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งนัก นั่นอาจเป็นจุดที่จักรพรรดิมรณะเจอเส้นทางหลบหนีก็ได้
หลังจากฟังซือหยูดวงตาเหล่ารัชทายาทเป็นประกาย
องค์ชายหนึ่งพูดเบาๆ
รังยักษ์ทะเลขม…ข้ารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน!
ได้การล่ะ!ซือหยูดีใจ เส้นทางที่องค์ชายหนึ่งรู้จะต้องดีกว่าที่เขามี
องค์หญิงสองกล่าว
ข้าก็รู้มีบันทึกที่เกี่ยวข้องในห้องลับราชวงศ์ แต่ละครั้ง ไม่ว่ายักษ์จะปรากฏตัวเมื่อใด ขึ้นฝั่งไปที่ใด ทุกสิ่งล้วนบันทึกเอาไว้ เมื่อสรุปจากผลการบันทึกหลายปีก็คาดเดาได้ว่ารังยักษ์อยู่ที่ไหน
ถูกต้องตามนั้น
องค์หญิงหกพยักหน้า
ซือหยูยิ้มเบาๆ ความหวังพวกเรามากขึ้นแล้ว
ไม่นานพวกเขากลับทิศเรือและมุ่งหน้าไปยังจุดที่เป็นไปได้ที่จะเป็นรังยักษ์
ตลอดเวลาสองเดือนพวกเขาเดินทางจากชายฝั่งหนึ่งฟาก สู่ชายฝั่งอีกฟาก
ถ้าหากพวกเขาใช้การบินเหล่าเทพจะมาถึงในพริบตา
แต่ในทะเลขมแห่งนี้เรือสีทองมีความเร็วเทียบเท่าเซียน ต้องใช้เวลาสองเดือนเต็มในการแล่นผ่านทั้งชายฝั่ง
ใกล้แล้ว!
ในวันนี้องค์ชายหนึ่งตาเป็นประกาย
ในสองเดือนที่ผ่านมาพวกเขาที่อ่านความเคลื่อนไหวของคลื่นทะเลสัมผัสได้ว่ายักษ์ทะเลขมไล่ตามมาจากด้านหลังตลอดเวลา ตอนนี้น้ำทะเลขมยิ่งสั่นไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ ยักษ์ใกล้เข้ามาทุกที
ในขณะนี้น้ำทะเลขมปั่นป่วนราวกับเกิดวายุ คลื่นซัดสาดแทบจะควบคุมเรือไม่ได้
หาทางเข้ารังและเตรียมหาทางออก!
ซือหยูพูดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำสิบแปดชิ้นด้านในเรือขยับตามที่เขาควบคุม เรือถูกเปิดออกแล้ว
แต่น้ำทะเลขมด้านนอกมิได้หลั่งรินเข้ามามีชั้นโปร่งใสที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าขวางน้ำทะเลขมจากช่องว่างเอาไว้ มันเกิดจากพลังของไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำ
พวกเขาได้เห็นสถานการณ์ข้างนอกต่อหน้าต่อตา
ข้างหน้าพวกเขาเป็นพื้นศิลากว้างใหญ่
ศิลาที่ใหญ่อย่างผิดปกติถูกวางเป็นเตียงศิลาที่ทอดยาวกว่าล้านตารางศอก
นี่น่ะรึรังยักษ์?
องค์หญิงสองสูดหายใจเข้าลึก
ที่นี่คือรังของยักษ์ทะเลขม!
ถ้าหากพวกเขาคิดถูกทางออกจากโลกอสูรจะต้องอยู่ใกล้ ๆ ที่นี่
เหล่าคนบนเรือมองลอดออกไปข้างนอก
พวกเขามองรอบๆ เพื่อค้นหา ยักษ์ทะเลขมรู้ตัวและร้องคำรามก้องฟ้า มันก้าวลงทะเล
เกิดอะไรขึ้นกับยักษ์?
เทพตำราตกใจ
มเหสีหยุนเซี่ยส่ายหน้าช้าๆ
ข้าไม่รู้พวกมันจะต้องทำอะไรสักอย่าง ยักษ์ถึงได้ร้อนรนเช่นนี้
อย่าให้พวกมันหนีไปได้!
…
เวลาผ่านไปช้าๆ แต่พวกเขาก็ไม่พบทางออกเลย พวกเขาไม่พบอะไรเลย
พวกเขาค้นทั้งรังยักษ์ไปแล้ว
พวกเรามาผิดที่งั้นรึ?
องค์ชายหนึ่งเริ่มกังขาในแผนการ
องค์หญิงหกกำลังคิดหนัก องค์หญิงสองร้อนใจ
เราออกจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยกลับมาไหม?
ดูจากคลื่นน้ำที่ปัๆ่นป่วนองค์หญิงสองหัวใจเต้นแรง ยักษ์ทะเลขมใกล้เข้ามาแล้ว
นี่คือเวลาอันตรายที่สุดในการเดินทางของพวกเขา!
ซือหยูไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรเพราะเรื่องทางออกนั้นมาจากการคาดเดาทั้งสิ้น ไม่มีหลักฐานบ่งชี้แม้แต่น้อย
แต่ยิ่งวิกฤติเท่าใดซือหยูก็ยิ่งใจเย็นมากเท่านั้น
เงียบก่อน!ที่นี่มีโอกาสมีทางออกมากที่สุด พวกเราจะต้องพลาดบางอย่างไป
องค์หญิงสองรีบพูด
พวกเราจะพลาดอะไรไปได้?พวกเราหาทุกที่แล้ว เหลือก็แค่ขุดก้นทะเลสักสามศอก
เกิดความคิดแล่นมาที่ซือหยูทันที ขุดลึกลงไปสามศอกรึ?
ซือหยูตาลุกวาวเขามองเตียงศิลาใหญ่ยักษ์
เราลืมเรื่องเตียงไปได้ยังไง?
อะไรนะ?ทุกคนตกตะลึง หรือว่าทางออกจะอยู่ในเตียงศิลา?
ทำไมไม่มีใครคิดออกเลย?เส้นทางที่เรากำลังหา ถ้าหากมันเป็นเส้นทางที่สองในการหนีจากโลกอสูร…มันก็ควรจะถูกคุ้มกันไม่ใช่รึ? มันคือจุดที่ยักษ์ใช้เวลามากที่สุดไม่ใช่รึ?
แน่นอนว่ามันคือจุดที่ใกล้ทางออกมากที่สุด
ยักษ์หลับใหลมาหลายพันปีเส้นทางที่ใกล้ที่สุด…แน่นอนว่าต้องเป็นที่ใต้เตียง!
ทุกคนตั้งใจมองเตียงศิลา! ทางหนีของจักรพรรดิมรณะเมื่อพันปีก่อนมีช่องโหว่ที่เรามองข้าม! ถ้าเราหาไม่เจอ ยักษ์จะต้องซ่อนเอาไว้ เราต้องหาศิลาที่ขวางทางออก ถ้าหาเจอ เราจะพบทางออก! องค์หญิงสองกระพริบตา
แต่เตียงศิลามีศิลานับไม่ถ้วนเราจะรู้ได้ยังไงว่าก้อนไหนที่ใช้ขวางทางออก?
ซือหยูไม่ตอบองค์หญิงหกเคาะหน้าผากนาง
ท่านพี่นี่โง่จริงๆ! โลกนี้อยู่มาสิบล้านปี ศิลาที่ใช้ปิดทางจะต้องเป็นก้อนใหม่ ความต่างระหว่างเก่าใหม่จะต้องชัดเจน!
องค์หญิงสองตระหนักได้ว่ามันเป็นจริง
น้ำทะเลขมปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดวายุหมุนใต้น้ำ ยิ่งยากที่พวกเขาจะหาทางออก
แต่พวกเขาจำกัดเป้าหมายที่ต้องค้นหาได้แล้ว
หลังเวลาผ่านไปครึ่งถ้วยชาองค์หญิงสองตะโกนร้องและชี้ไปที่หน้าผาหนึ่ง
ดูผานั่นสิมันมีรอยกร่อนน้อยกว่าศิลารอบ ๆ
ทุกคนหันไปมองผาตรงนั้นใหม่กว่าศิลาก้นทะเลโดยรอบ
เมื่อแล่นเรือผ่านพวกเขายิ่งดีใจ มีคลื่นพลังอ่อน ๆ ใกล้ผา
แม้น้ำทะเลขมในขณะนี้จะเชี่ยวกรากพวกขเาก็สัมผัสได้ถึงพลังที่แตกต่างจากน้ำที่ไหลรอบผา
คลื่นวารีมมาจากใต้ผาจะต้องมีหลุมไร้ก้นที่ใต้ผา!
ซือหยูวิเคราะห์
คนบนเรือตื่นเต้น
เส้นทาง!ใช่แล้ว มันอยู่ที่นี่!
พวกเขาไม่ได้คิดผิด!
แต่เราจะผลักผาหลบไปได้ยังไง?
คนบนเรือตัวแข็งทื่อทันที
แม้จะถูกน้ำทะเลกัดกร่อนมาหลายพันปีศิลาก็ยังอยู่ที่นี่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันแข็งแกร่งพอ ๆ กับไม้เพลิงทองคำ
คงจะเหนือจริงเกินไปหากมันจะถูกเรือชนจนกระเด็น
แต่ในตอนนี้พวกเขาติดอยู่ในเรือเป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากเรือและใช้พลังของตัวเองทำลายผาศิลา
ทันทีที่เรือเปิดน้ำจะทะลักเข้ามาข้างใน พวกเขาจะถูกทะเลขมกัดจนตายในเรือ
ในเรือเงียบกริบราวกับป่าช้า
สุดท้ายพวกเขาก็ได้เจอกับเส้นทางแต่ถูกผาศิลากั้นขวาง
เวลาผ่านไปสักระยะก่อนจะมีเสียงถอนหายใจเบา ๆ
ถึงเวลาที่เราจะต้องก้าวไปข้างหน้าแล้ว
ท่านอาจารย์!
ปี้หวังชิงเข้าใจความหมายของอาจารย์
เทพอสูรเนตรม่วงลูบมือนาง
ยังไงข้าก็กำลังจะตายถ้าหากข้าไม่ทำ ใครจะทำเล่า? ซือหยูเอาเรือขึ้น ให้ข้าออกมา ข้าจะดำลงไปยกผาออก ด้วยพลังเทพที่ข้าเหลืออยู่ ข้าน่าจะขยับผาได้
เหล่ารัชทายาทนิ่งเงียบในเวลาเช่นนี้ เทพหนึ่งคนจำต้องเสียสละ
ความเป็นความตายเป็นเดิมพันแต่ไม่มีใครอยากจะดำลงไป
การสละชีวิตของเทพอสูรเนตรม่วงทำให้พวกเขาประทับใจมาก
ซือหยูส่ายหน้า
ไม่ต่อให้เจ้าสละตัวเอง เจ้าก็อาจจะขยับผาไม่ได้
ซือหยูขยับเรือไปจนกับศิลาขนาดเท่ากำปั้นใกล้ผา
เทียบกับขนาดศิลาแล้วเรือลำนี้ไม่ต่างกับยักษ์!
ด้วยวัตถุดิบของเรือแม้แต่เทพก็ทนแรงกระแทกไม่ได้
แต่ผลจากแรงปะทะนั้นทำให้ทุกคนบนเรือตกใจ
พวกเขารู้สึกว่าเรือสั่นอย่างบ้าคลั่งแรงสั่นไหวสะท้อนกลับมา
เรือหันกลับไปมาหลายครั้งและหลังจากแล่นเรือชนหลายรอบ คลื่นทะเลก็สงบลง
หากไม่ใช่เพราะไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำแรงสะท้อนกลับคงจะทำลายเรือไปแล้ว
วัตถุดิบที่แข็งแกร่งขนาดนี้ไม่ใช่ของธรรมดา!
ซือหยูส่ายหน้าและพูดต่อ
ศิลาที่นี่เกิดจากน้ำทะเลขมที่รวมตัวกันในเวลาหลายปีมันหนักและแข็งแรงมาก ต่อให้เจ้าสละชีวิตตัวเอง เจ้าก็เคลื่อนผาไม่ได้
ทุกคนโศกเศร้าพวกเขาต้องใช้เรือทั้งลำเพื่อขยับผางั้นรึ?
ไม่มีทางอื่นอีกแล้วให้ข้าจัดการเอง
ซือหยูถอนหายใจยาวถ้าหากเขาทำได้ เขาจะไม่มีทางทำมันอีกเลย แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!
ซือหยูชี้ที่ระหว่างติ้วเนตรสีเงินปรากฏออกมา
เหล่าเทพบนเรือพากันตัวสั่นด้วยความตกตะลึง
เนตรเทาเทีย!
ตามตำนานมันคือสัตว์ป่าแห่งฟ้าดินที่กินเทพเป็นอาหาร
ทุกคนรับรู้ถึงเนตรดวงนี้
นี่เป็นครั้งที่สี่ที่ซือหยูใช้พลังของเนตรเทาเทียยิ่งใช้มันบ่อยเท่าใด เนตรก็ยิ่งเติบโตเร็วเท่านั้น
ตอนนี้เนตรเติบโตมาครึ่งอายุแล้วหากมันถึงขั้นโตเต็มที่เมื่อใด ซือหยูจะต้องกินเทพ และเนตรจะเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ยิ่งเติบโต เนตรก็จะกินสิ่งที่เหนือกว่านั้น จนกระทั่งซือหยูหาอาหารให้เนตรไม่ได้อีก มันจะกลืนกินซือหยูแทน
แต่เวลานี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ยักษ์ทะเลขมมาถึงแล้ว!