เนตรอสูรกลืนสวรรค์!
ซือหยูเบิกเนตรปลดปล่อยพลังกลืนสวรรค์ออกมา
ศิลาขนาดเท่าผาเคลื่อนตัวช้าๆ
ยักษ์ทะเลขมรับรู้ได้และร้องคำรามด้วยโทสะอีกครั้งแต่ละย่างก้าวของมันทำให้น้ำทะเลสั่นสะเทือนราวกับสายฟ้า
บนเรือสามารถมองเห็นสิ่งที่คล้ายกำแพง
มันคือแข้งของยักษ์!
อีกไม่ถึงสิบลมหายใจยักษ์จะมาถึงตัวพวกเขา!
ศิลายังคงเคลื่อนตัวช้าๆ มันค่อย ๆ เผยขอบหลุมดำออกมา
น้ำในทะเลขมไหลลงสู่หลุมทันทีลงสู่หลุมไร้ก้นบึ้ง
เวลาผ่านไปห้าลมหายใจหลุมดำเปิดมาครึ่งหลุม
ทั้งหลุมดำไม่ใหญ่นักต้องเปิดเต็มที่เท่านั้นเรือจึงจะผ่านไปได้
อีกสองลมหายใจ!
ยักษ์ทะเลขมใกล้เข้ามาทุกขณะ!
ร่างใหญ่ไร้สิ้นสุดยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขาราวกับหุ่นเชิดยักษ์
มันยกเท้าขนาดยักษ์ที่ปกปิดดวงสุริยาจนทำให้น้ำทะเลขมเกิดคลื่นเป็นเกลียวอย่างดุดันมันย่ำเท้าลงไปที่หลุมดำอย่างไร้ปรานี
ก้าวนี้ไม่เพียงเพื่อปิดทางออกแต่ยังเพื่อทำลายเรือทั้งลำอีกด้วย
ในจังหวะสุดท้ายผาเคลื่อนตัวออกและถูกเนตรกลืนกินเข้าไป
ทั้งหลุมเปิดออกไร้สิ่งใดขวางกั้น!
เท้ายักษ์ห่างจากตัวเรือเพียงไม่ถึงร้อยศอกยักษ์ต้องการเวลาในการย่างเท้าเข้าใกล้เท่านั้น แต่เรือลำเล็กก็แล่นลงสู่หลุมดำในพร้อมกับคลื่นน้ำทะเลขมที่ไหลออกไปอย่างเชี่ยวกราก
แทบจะทันทีที่เรือลงไปในหลุมดำเท้ายักษ์ก็ย่ำมาถึง
เท้าเปล่าสัมผัสท้ายเรือเสียงดังสนั่นเรือเสียหายในพริบตา
ในขณะเดียวกันหางเรือที่ทำจากไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำก็เจาะทะลวงเท้าของยักษ์อย่างง่ายดาย คลื่นพลังสีขาวไหลออกมาจากบาดแผล!
เรือลำเล็กที่ได้แรงส่งจากเท้ายักษ์พุ่งลงสู่หลุมดำอย่างรวดเร็ว
คนบนเรือหวาดผวาและหวาดกลัวถึงขีดสุด
แต่ที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นก็คือยักษ์ที่เหยียบพวกเขาไม่ทันย่อตัวลงมาอ้าปากปิดปากหลุมและดูดอย่างแรง
น้ำทะเลขมที่ไหลออกไปเปลี่ยนทิศทางกลับเข้ามาสู่ทะเล
เรือของซือหยูเองก็ถูกดูดกลับเข้าไปด้วย
โชคดีที่ซือหยูตอบสนองอย่างรวดเร็วเขาปรับเรือให้มั่นคงและแล่นทวนน้ำ เขาพยายามจะมุ่งไปข้างหน้า
แต่แรงดูดจากยักษ์นั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่ามันจะไม่หยุดจนกว่าเรือที่มีทุกคนจะกลับไป!
คลื่นสวนกระแสเชี่ยวกลับด้านแรงขึ้นเรื่อยๆ เรือแล่นไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า หากเรือต้านไม่ไหวเมื่อใด พวกเขาจะตายกันหมด
ซือหยูใจหายสุดท้ายเขาจะล้มเหลวงั้นรึ?
แต่เขาไม่ยอมแพ้เขากัดฟันพยายามคุมเรือ แม้ความเร็วจะช้าลงเรื่อย ๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้
ในลมหายใจนี้พวกเขาแล่นลงไปได้สิบศอก!
ในลมหายใจนี้พวกเขาแล่นลงไปได้แปดศอก!
ในลมหายใจนี้พวกเขาแล่นลงไปได้ห้าศอก!
สามศอก!
สองศอก!
หนึ่งศอก!
หนึ่งคืบ!
ถึงตอนนี้ความเร็วเรือหยุดนิ่ง ราวกับของที่ถูกแขวนไว้กลางอากาศ
พวกเขากำลังถูกดูดกลับขึ้นไป
พวกเขาทำไม่ได้!
เทพแห่งความตายยังทำได้!แล้วทำไมพวกเราทำไม่ได้กันเล่า?
ซือหยูไม่เคยคิดจะยอมรับโชคชะตาเขาจะมาตายที่นี่ได้ยังไง?
ซือหยูคิดอย่างหนักบังเอิญที่เขาเห็นซี่โครงสีทองจากเส้นทางลึกเข้าไป
นั่นมันอะไร?ซือหยูตกอยู่ในภวังค์ กระดูดชิ้นนั้นไม่ถูกน้ำทะเลกัดกร่อนเลย มันสุดยอดมาก
ซือหยูแล่นเรือเร็วสุดเท่าที่ทำได้เข้าหาซี่โครงทองคำอย่างช้าๆ
เมื่อเข้าใกล้ก็เห็นได้ชัดว่ากระดูกนี้คล้ายกับเหล็กกล้าที่มีพลังคนละขั้วกับพลังอสูร
น้ำทะเลขมสัมผัสมันได้แต่มิอาจทำอะไรกับมันได้
หรือว่าจะเป็นกระดูกของเทพอรหันต์?
ซือหยูหยุดนิ่งเขายังเห็นร่องที่อีกด้านของซี่โครงทองคำ ดูเหมือนว่ามันเคยมีกระดูกอีกชิ้นวางอยู่ แต่กระดูกนั้นไม่อยู่แล้ว
ซือหยูมองรอบๆ และบังคับเรือแล่นผ่านกระดูกทองคำ แซะมันออกจากกำแพง
กระดูกทองคำหลุดจากกำแพงและถูกคลื่นทวนน้ำดูดกลับไป
พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องทุรนทุรายหลังจากนั้นเพียงไม่นานแรงดูดหายไป
พวกซือหยูพ้นภัยจมลงสู่เส้นทางไร้จุดจบ
ตู้ม!
เรือราวกับได้ปะทะกับผิวน้ำเสียงน้ำกระเซ็นดัง
มองผ่านในเรือพวกเขาได้พบกับจักรวาลอีกแห่งอันกว้างใหญ่!
น้ำทะเลขมที่ไหลออกมาเมื่อครู่ไหลลงสู่สายธารใหญ่ไกลโพ้นมันหลอมรวมกับธารดารา ร่องรอยของมันเลือนหายไปจนหมดสิ้น
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปพวกเขาเบิกตากว้าง
ณตรงนี้ พวกเขาได้เห็นทั้งโลกอสูร!
พวกเขาคิดว่ามันจะเป็นรูปทรงคล้ายกับโลกใบหนึ่งแต่มองดูตอนนี้ พวกเขาต่างขนลุกกับภาพที่ได้เห็น
รูปร่างของโลกอสูรนั้นคล้ายกับช่องคลอดของมนุษย์!
มดลูกขนาดมหึมาแขวนอยู่บนจักรวาลมันขยับเป็นจังหวะ ทารกคนหนึ่งหลับใหลอยู่ด้านในมดลูกนั้น
รูปร่างของทารกนั้นเหมือนกับยักษ์ทะเลขม!
แดนอสูรเหมือนกับมดลูกที่ดูดซับสารอาหารเพื่อช่วยให้มันเติบโตงั้นรึ?
เหล่ารัชทายาทมาจากแดนอสูรนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นจุดกำเนิดของตนอย่างเต็มตา
ไม่ว่าจะมองอย่างไรแดนอสูรก็เหมือนกับมดลูกที่ชุบเลี้ยงยักษ์ทะเลขมด้วยความทะนุถนอม
น้ำทะเลขมคือน้ำคร่ำในมดลูกและเหล่าเทพพร้อมกับตระกูลราชวงศ์ก็คืออาหารของทารก
ผู้คนบนเรือสูดหายใจเข้าลึกด้วยความตกตะลึงกับสิ่งตรงหน้า
ซือหยูหวาดกลัวนี่มันเรื่องอะไรกัน?
ทุกคนตกตะลึงและรู้สึกว่าตนเป็นเพียงเบี้ยในแผนการของบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่า
การเดินทางเต็มไปด้วยเรื่องพลิกผันพวกเขาหวาดกลัวและตัวสั่นอย่างประหลาด
เทพหลายคนยังคงตัวสั่นเบาๆ
ไม่เป็นไรในที่สุดพวกเราก็มีชีวิตรอดออกมาจากโลกอสูร
เทพคนหนึ่งกล่าวพลางเช็ดเหงื่อ
แต่หลังจากเขาพูดจบรูที่ยังมีน้ำทะเลขมไหลออกมาก็มีดัชนียาวหลายแสนศอกพุ่งตามมาราวกับหล่นมาจากฟ้า พวกมันพุ่งตรงมายังเรือสีทอง
ยักษ์ทะเลขมยังไม่ยอมแพ้มันใช้มือข้ามออกจากโลกอสูรมาบดขยี้พวกเขา!
เรือและคนบนเรือที่ไม่ทันระดับไม่มีทางที่จะหลบได้และจะถูกดัชนียักษ์ทำลาย
ดัชนียักษ์ทะเลขมย่อมไม่มีสิ่งใดในจักรวาลต้านทานได้!
เรือที่ทำจากไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ในขณะที่ดัชนีพุ่งเข้ามาเมื่อเห็นว่าไร้ทางหนี ซือหยูกู่ร้อง
สู้กับมัน!ข้าไม่เชื่อว่าเราจะเอาชนะดัชนีเดียวไม่ได้!
ซือหยูคุมเรืออีกครั้งเรือยาวสิบศอกพุ่งเข้าหาดัชนีตรง ๆ ราวกับหอก
ฟึ่บ!
หัวเรือแทงดัชนียักษ์อย่างง่ายดายมันแทงทะลุเข้าไป
เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังผ่านรูมาจากโลกอสูร
แต่ยักษ์ยังคงไม่ละความพยายามมันยิ่งดุร้ายขึ้น
เปรี๊ยะ!
หัวเรือที่ทำจากไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำหักรอยแตกร้าวขยายวงกว้างในทุกทิศทางของเรือ
องค์หญิงสองตัวสั่นนางมองดัชนีและร้องไห้ด้วยความเศร้า มันจบแล้ว!
แม้แต่ซือหยูก็รู้สึกว่างเปล่าในใจเขาพร้อมแล้วที่จะยอมแพ้
มันจบแล้วจริงๆ!
พลังเหนือธารดาราไม่ใช่สิ่งที่ต้านทานได้เลย!
พวกเราจะจบลงตรงนี้จริงหรือ?
ซือหยูยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อพูด
อุปสรรคทั้งมวลเคยผ่านเขามาแล้ว…นี่น่ะหรือจะเป็นสิ่งเดียวที่เขามิอาจพิชิตได้เขามิอาจเต็มใจยอมรับ
เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังมหาศาลนี้ทุกคนคงได้แต่รู้สึกโศกเศร้า
ดัชนียักษ์ปานนภาสามารถบดขยี้พวกเขาจนสิ้นซากไม่มีทางให้พวกเขาหนีได้เลย
สุดท้ายเขาก็ล้มเหลว
แต่ในตอนนั้นเองซือหยูเบิกตากว้าง
เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันคุ้นเคย! ในขณะเดียวกันเขาได้ยินเสียงสั่นสะเทือนของจักรวาล ราวกับเหล่าวิญญาณโหยหวนส่งตรงมาสู่ดวงวิญญาณของเขา ยักษ์ทะเลขมกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดราวกับทุกข์ทรมานอย่างหนัก
มันเจ็บปวดจนเลิกสนใจซือหยูที่กำลังจะตายและรีบชักดัชนีกลับไป!
ยักษ์รีบปิดรูทางออกอย่างรวดเร็วราวกับหวาดกลัวอะไรบางอย่าง!
ซือหยูเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจเขารีบหันเรือกลับไปมอง
ซือหยูเข้าใจไม่ผิดแน่
หยุนหยาซือ!!!
ท่านอาจารย์!
ซือหยูตะโกนด้วยความตื่นเต้นไปยังธารดาราอันมืดมิดที่มีแสงดาวระยับ
ถึงกระนั้นนอกจากเสียงสะท้อนของตัวเอง เขาไม่ได้รับสิ่งใดตอบกลับมาจากธารดารา ซือหยูสับสนหยุนหยาซือมาที่นี่จริง ๆ ใยถึงไม่ปรากฏตัวออกมาเล่า?
ตั้งแต่ที่แยกจากจากจิวโจวอาจารย์บอกเขาว่าต้องมาสืบเรื่องในธารดารา จากนั้นก็ไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย แต่ตอนนี้สุดท้ายก็ได้เข้าช่วยซือหยูขับไล่ยักษ์กลับไป จากนั้นได้หายตัวไปอีกครั้ง
ฟึ่บ!
ทันใดนั้นจุดสีขาวพุ่งมาจากนภาจรัสแสงสู่ระหว่างคิ้วของซือหยู
มีเสียงของหยุนหยาซืออยู่ภายในแสงนั้น
ศิษย์ข้าข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก! ตอนนี้จงระวัง อย่าเข้าใกล้โลกอสูรไปมากกว่านี้
ข้อความของเขารวดเร็วและสั้นไม่มีคำอื่นใดตามมาเลย
ซือหยูตัวแข็งทื่อท่านอาจารย์ทำอะไรอยู่กันแน่ แล้วทำไมถึงไม่ปรากฏตัวออกมา?
แล้วนั่นมันอะไร?อาจารย์ไล่ยักษ์ทะเลขมไปได้อย่างไร? อาจารย์ฟื้นฟูดวงวิญญาณถึงขั้นไหนแล้ว?
ในยามที่พวกเขากำลังจะตายอาจารย์ได้เข้ามาช่วยซือหยูเอาไว้
เมื่อรูแดนอสูรถูกปิดพวกเขาจึงหลุดรอดออกจากแดนอสูรสำเร็จ
ทุกคนรอดชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์และรีบไปยังโลกที่ถูกทิ้งร้างห่างไกลจากแดนอสูร
ที่นี่ถูกอสูรจากศาลอสูรกลืนกินไปจนหมดไม่มีสิ่งใดนอกเหนือจากความมืดมิด
ไม่คิดเลยว่าข้าจะรอดชีวิตออกมาจากที่นั่นได้
เทพอสูรเนตรม่วงมองรอบๆ ด้วยความรู้สึกหลากหลาย
องค์ชายหนึ่งเองก็รู้สึกไม่ต่างกันประสบการณ์ในหกเดือนที่ผ่านมาน่าระทึกกว่าตลอดชีวิตของเขาในแดนอสูร!
โดยเฉพาะเวลาที่พวกเขาได้ลงสู่ทะเลขมและหนีออกจากแดนอสูรมันยิ่งอันตราย
เขามองซือหยูองค์ชายหนึ่งโค้งคำนับให้เขาอย่างจริงใจ
น้องหยูขอบคุณเจ้ามาก หากไม่มีเจ้า พวกเรา ลูกหลานแห่งราชวงศ์…
เขาหยุดพักและส่ายหน้าถอนหายใจ
ไม่สิแม้แต่พวกเราสามอวตาลก็ไม่มีทางหนีออกมาได้
องค์หญิงสองยิ้ม
ขอบคุณเจ้ายิ่งนักหากมีสิ่งใดที่พวกเราช่วยได้ จงกล่าวมา องค์หญิงสองผู้นี้ยินดีช่วยเจ้าไม่ว่าต้องแลกกับอะไร!
คนที่ไม่พูดอะไรออกมาเลยคือองค์หญิงหก
นางเงียบไปนานก่อนจะถอนหายใจ
ขอบคุณเจ้ามากเพราะเจ้าพวกเราถึงออกมาจากแดนอสูรได้ ข้าว่าศาลอสูรคงจะไล่ตามออกมาในอีกไม่นาน ข้าขอถามว่าเจ้าจะช่วยขจัดปราณราชวงศ์ออกจากตัวพวกเราจะได้หรือไม่?
ซือหยูมองนางและไปมององค์ชายหนึ่งที่ยังโค้งคำนับอยู่
นั่นคือสัญญาที่ข้ากับพวกเจ้าตกลงกันแต่ข้าขอถาม…พวกเจ้าจะทำอะไรต่อไป?
หกเจ้าเมืองที่ติดตามรัชทายาทเข้าล้อมรอบซือหยูเทพอสูรเนตรม่วง และปี้หวังชิง
องค์ชายหนึ่งกับองค์หญิงหกเรียกสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์ออกมา