ผู้ที่เดินออกมาเป็นชายชุดขาวท่าทางดูดี ดูแล้วอายุของเขาน่าจะราว ๆ ยี่สิบกว่าปี
ซือหม่าเจียวดึงแขนของเขาเอาไว้ก่อนจะกล่าวว่า “มู่หรงรุ่ย ข้าขอแนะนำกับเจ้าสักหน่อย เขาเป็นบุรุษของข้านามว่าอวิ๋นฉี ผู้ที่ไปร่วมงานประลองปรุงยาร้อยปีของแคว้นเฉียนเซี่ย ไม่เป็นเจ้าก็เป็นเขา”
“เพราะว่าเขานั้นเป็นนักปรุงยาระดับสูง กลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรเฟิงตูของเรานั้นไม่ได้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถไปเข้าร่วมได้ อย่างไรเสีย เจ้าอภิเษกกับองค์รัชทายาทองค์ใหญ่เสียโดยดีเถอะ จะได้ไม่ต้องไปดิ้นรนกับอะไรที่ไม่จำเป็น” ซือหม่าเจียวเผยรอยยิ้มที่มีแต่ความภาคภูมิ
เคยเป็นอัจฉริยะผู้อยู่เหนือเมฆ มีแต่ผู้คนจับจ้องให้ความสนใจแล้วอย่างไร ? ไม่มีผู้เฒ่าผู้นั้นคอยปกป้อง นางก็สามารถเหยียบมู่หรงรุ่ยผู้นี้ให้จมลงไปในโคลนตมได้ง่าย ๆ
มู่หรงรุ่ยในตอนนี้ โกรธจนใบหน้าเครียดคล้ำ ดวงตาทั้งสองข้างของนางแดงขึ้น และในขณะเดียวกันนั้น ในใจของนางก็ตื่นตระหนกด้วยเช่นกัน
เดิมทีได้วางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่กลับถูกทำให้วุ่นวายเช่นนี้
มู่หรงรุ่ยกล่าว “ข้าไม่ยอม…”
สายตาของอวิ๋นฉีมองไปที่มู่หรงรุ่ยอย่างอ่อนโยน เขากล่าว “คุณหนูมู่หรงไม่ยินยอมหรือ ? เช่นนั้นมาทำให้รู้สูงต่ำกันได้แล้ว”
ดวงตาที่อ่อนโยนคู่นั้นฉายแววอำมหิตออกมาวาบหนึ่ง ชายผู้สง่างามผู้นั้นกลับลอบโจมตี เขาแผ่ขยายการโจมตีทางจิตวิญญาณกับมู่หรงรุ่ยอย่างไม่ปรานี
— ฟึ่บ! —
มู่หรงรุ่ยรู้สึกเพียงแต่ว่าหัวของนางนั้นแทบจะระเบิดออกมา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด
ในตอนนี้เอง เสียงที่มีความยโสอย่างมากเสียงหนึ่งก็ได้ลอยมา “พวกเจ้าขวางทางของข้าเข้าแล้ว”
— พรืด! —
เมื่อเสียงนั้นลอยมา ก็มีพลังจิตพลังหนึ่งลอยมาพร้อมกันด้วยและมุ่งไปที่อวิ๋นฉี
เหมือนกับว่าอวิ๋นฉีนั้นไม่ได้รู้สึกถึงจิตสังหารอันใด จึงไม่ได้ป้องกันอย่างเต็มที่ แต่เมื่อตอนที่มันเข้าไปใกล้เขานั้น พลังจิตนั้นก็กลับกลายเป็นอันตรายอย่างหาใดเปรียบไม่ได้
“พรวด!” อวิ๋นฉีได้รับบาดเจ็บอย่างหนักในทันใด พลังจิตเขามลายหายไป เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่งแล้วจึงสลบไป
ซือหม่าเจียวกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวทันที “ใคร ? เจ้าเป็นใครเผยตัวออกมา!”
ดวงตาทั้งสองข้างของนางที่มีไฟลุกโชน กวาดมองไปยังเงาร่างสีม่วงนั้น นั่นคือสตรีที่มีรูปโฉมที่ทำให้นางอิจฉาแทบบ้า “เป็นเจ้าเองรึ ? เจ้ากล้าลอบทำร้ายพี่ชายอวิ๋นเช่นนี้ได้อย่างไร ? โอหังนัก!”
มู่เฉียนซีโบกมือไปมาอย่างรำคาญใจ “เจ้าบอกว่าข้าลอบทำร้ายท่านผู้นี้ มีหลักฐานหรือไม่ล่ะ ? หากไม่มีเจ้าก็อย่าได้มากล่าววาจามั่วซั่วกับข้า”
ในตอนนี้มู่หรงรุ่ยถูกมู่เฉียนซีทำให้ตกใจอีกครั้ง ที่ในป่าหนานอู้นั้น นางฆ่าบุคคลระดับราชาได้ในพริบตาก็ว่าร้ายกาจมากพอแล้ว นึกไม่ถึงว่าเพียงพลังจิตก็สามารถบดขยี้นักปรุงยาระดับสูงเช่นอวิ๋นฉีได้
สมแล้วที่เป็นอาจารย์ที่นางตั้งใจอยากเป็นลูกศิษย์ ช่างร้ายกาจจริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ยังชักช้าอยู่ใย ? พาข้าไปหาคนสิ ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องทำต่อ”
“ดะ… ได้” มู่หรงรุ่ยรีบพยักหน้า
เรื่องของอาจารย์สำคัญนัก นางนั้นไม่มีเวลาที่จะมาเสียไปกับหญิงเจ้าเล่ห์อย่างซือหม่าเจียวแล้ว
“ผู้เฒ่าหวง อาจารย์ของข้าต้องการหาสมุนไพรวิญญาณ ขอให้ท่านช่วยดูด้วยเถิด รีบไปต้อนรับเร็วเถอะ” มู่หรงรุ่ยตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง
ผู้เฒ่าหวงที่ใส่ชุดสีเหลืองก้าวออกมาและมองไปยังสาวน้อยชุดสีม่วงที่ดูสูงส่งงดงาม เขากล่าว “แม่สาวน้อย ในเมื่อเจ้าได้มาที่กลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรของข้าแล้ว ก็ควรรู้กฎไว้เสียบ้าง”
“ข้าเองก็เป็นนักปรุงยาของกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรเช่นกัน” มู่เฉียนซีหยิบเอาเหรียญตราที่ได้มาจากเมืองชางเฟิงเมื่อคราก่อนออกมา
“นักปรุงยาระดับกลาง” ผู้เฒ่าหวงถึงกับตกตะลึง
มู่หรงรุ่ยคิดในใจ ‘อาจารย์เป็นนักปรุงยาระดับกลาง ผีหลอกข้ารึอย่างไร ?! อาจารย์จะต้องทำตัวถ่อมตนอย่างแน่นอน’
“ในเมื่อเป็นนักปรุงยาของกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตร เช่นนั้นก็ง่ายแล้ว เจ้าต้องการสมุนไพรอะไรก็จงว่ามา”
มู่เฉียนซีนำภาพดอกเก้าพิฆาตลึกลับที่วาดเตรียมเอาไว้แต่แรกแล้วออกมา เมื่อผู้เฒ่าหวงได้เห็นก็กล่าวว่า “บนโลกนี้ยังมีสมุนไพรวิญญาณเช่นนี้อยู่ด้วย ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
พิษที่มู่อวู่ซวงโดนเข้านั้นเป็นพิษร้ายโบราณ ดังนั้นแล้วยาที่แก้พิษได้ย่อมไม่ธรรมดาเช่นกัน โดยเฉพาะดอกเก้าพิฆาตลึกลับ
มู่เฉียนซี “หากมีผู้ที่หามันเจอและได้มันมา ไม่ว่าจะต้องการอะไรก็ล้วนได้ทั้งหมด ยาเม็ด… เงินทอง… สมุนไพรวิญญาณขั้นปฐพี… หรือแม้แต่ตำแหน่งสถานะ”
“เอ่อ…” ผู้เฒ่าหวงตะลึงงัน
“เจ้าไม่กลัวว่านั่นจะเกินเลยไปหรือ ?”
“ข้าไม่กลัว ยิ่งไปกว่านั้น ขอแค่เพียงสามารถหามันเจอ ข้าให้ได้อย่างแน่นอน”
“เอ้านี่ยาเม็ดระดับแปด ข้าให้ไว้เป็นมัดจำ” ไม่พูดเปล่า มู่เฉียนซีหยิบยาเม็ดระดับแปดออกมาขวดหนึ่งพลางยื่นให้
ออกมือได้เติบเสียจริง นั่นทำให้ผู้เฒ่าหวงเชื่อในความสามารถของมู่เฉียนซีอย่างสนิทใจ เขารีบตอบทันที “ได้ ข้าจะปล่อยข่าวนี้ออกไป ขอให้เจ้ารอฟังข่าวดี”
“อืม”
จากนั้นมู่เฉียนซีต้องไปที่หอเชียนอินเพื่อหาข่าว นางกล่าวขึ้น “ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องตามข้าแล้ว”
มู่หรงรุ่ย “อื้ม แล้วพบกันท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์อย่าลืมนึกถึงข้านะ”
ในตอนนี้เอง พลันมีเสียงที่สดใสเสียงหนึ่งดังลอยมา
“โอ้! ดูซินั่นผู้ใดกลับมา รุ่ยเอ๋อร์กลับมาแล้ว!”
ผู้นั้นเป็นบุรุษรุ่นราวคราวลุงที่อายุราวห้าสิบปี มู่หรงรุ่ยที่มองเขาก็เผยรอยยิ้มแห่งความยินดีออกมา “ท่านอาเย่ ท่านมาแล้ว”
“รองผู้นำ”
รองผู้นำเย่มองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวขึ้น “แม่นางตัวน้อย ได้ยินมาว่ารุ่ยเอ๋อร์ เจ้าเด็กน้อยนี่เรียกเจ้าว่าอาจารย์หรือ ? หากเจ้าไม่รังเกียจเชิญสนทนากับข้าสักครู่…”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่รับลูกศิษย์ ดังนั้นแล้วข้าไม่ใช่อาจารย์ของนาง”
“ได้ยินมาว่าเจ้ามาตามหาสมุนไพรวิญญาณ มีเรื่องเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะร่วมมือกับแม่นางตัวน้อย”
คนผู้นี้ร้ายกาจมาก เพียงเวลาแค่ไม่นานก็สามารถจับจุดได้อย่างชัดเจน จากนั้นก็ใส่ยารักษาโรค
มู่หรงรุ่ยกล่าวว่า “ท่านอาเย่ ท่านอย่าได้รังแกอาจารย์ของข้า นี่คืออาจารย์ของข้า ข้าตั้งใจเอาไว้แล้ว ท่าน…”
“ข้าจะไปรังแกนางได้เช่นไรเล่า หากเจ้าไม่วางใจก็มาด้วยกันได้” รองผู้นำเย่กล่าวขึ้น
รองผู้นำเย่เชิญมู่เฉียนซีเข้าไปในห้องทำงานของเขา เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “จริง ๆ แล้วข้านั้นอยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
“ขอความช่วยเหลือ…? ท่านเป็นถึงรองผู้นำกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรแห่งเมืองเฟิงตู มาขอความช่วยเหลือจากข้าที่ไม่รู้ที่มาแน่ชัด ท่านรองผู้นำเย่ ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้เข้าใจอะไรผิด” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วกล่าวขึ้น
“ได้ยินมาว่าเจ้าใช้พลังจิตโจมตีทำให้อวิ๋นฉีได้รับบาดเจ็บหรือ ?” รองผู้นำเย่ไม่ตอบคำถามนาง เขาถามกลับ
“ใช่”
“เช่นนั้นแล้วทักษะการปรุงยาของเจ้าน่าจะสูงกว่าอวิ๋นฉี”
“เขาก็แค่สวะเท่านั้น เรื่องการปรุงยา ข้าจะไปด้อยกว่าเขาได้อย่างไร ?”
สำหรับเรื่องการปรุงยาแล้ว มู่เฉียนซีนั้นทั้งมั่นใจและทะนงตน กล่าวได้เลยว่านางนั้นยโสจนไม่เห็นผู้อื่นในสายตา
รองผู้นําเย่ยิ้ม กล่าวว่า “เจ้ายังไม่ทันได้เห็นยาที่อวิ๋นฉีปรุง ก็มั่นใจเช่นนี้แล้ว”
“ไม่จำเป็นต้องดู ยาเหมือนดั่งคน เมื่อเห็นคนก็มองทั้งหมดได้อย่างชัดเจนแล้ว”
รองผู้นําเย่ยิ้มเช่นเคย “ฮ่า ๆ ๆ เป็นสาวน้อยที่มั่นใจและเก่งกาจจริง ๆ” เมื่อเขาหยุดหัวเราะ เขาก็กล่าวว่า “มาเข้าเรื่องกัน”
“เมื่อสามปีก่อน ท่านผู้นำอาวุโสหายตัวไป ตาเฒ่าซือหม่านั้นถือว่ามีคนคอยถือหางอยู่ และได้เป็นผู้นำของกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรแห่งเมืองเฟิงตู ตอนนี้เขาได้ให้บุตรสาวของเขาไปเชิญอวิ๋นฉี อัจฉริยะนักปรุงยามา สำหรับรุ่ยเอ๋อร์แล้ว รุ่ยเอ๋อร์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา คาดว่ารายชื่อการเข้าร่วมการประลองปรุงยาร้อยปีนี้ คงจะตกไปอยู่ในกำมือของอวิ๋นฉี”
มู่หรงรุ่ยไม่พอใจ นางกล่าวขึ้น “ท่านอา ท่านดูถูกข้าเกินไปแล้ว ข้าไม่แพ้ให้แก่คนที่สภาพทั้งนอกทั้งในเลวเช่นนั้นแน่”