เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวว่า “เสี่ยวซี รอข้าด้วยสิ ข้าก็หิวเหมือนกันนะ! ”
“ข้าก็หิว! ”
เชียนอ้าวเซี่ยเห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะก็ตกตะลึงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองบุรุษที่รูปร่างหน้าตาดุจดั่งเทพมาร นี่กินหมดนี่เลยเหรอ!
มู่เฉียนซีกล่าว “หิวมาหลายเดือนก็เลยกินได้เยอะ แต่ปกติก็กินเยอะแบบนี้แหละ”
เชียนอ้าวเซี่ยกับน่าหลานอวี้เห็นจวินโม่ซีก้มหน้าก้มตากินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นนี้พวกเขาก็ไม่รู้สึกถึงความกระหายแล้ว
หลังจากที่จวินโม่ซีกินทุกอย่างตรงหน้าหมดเกลี้ยง เขาก็กล่าวว่า “สาวน้อย จ่ายเงิน! ”
เชียนอ้าวเซี่ยได้ยินคำพูดนี้เปลวไฟในดวงตาก็ลุกโชนขึ้น!
“นี่เจ้าเป็นผู้ชายนะ มากินข้าวแล้วยังกินเยอะขนาดนี้ แพงก็แพง แล้วจะให้ผู้หญิงมาจ่ายเงินให้เจ้าอีกเหรอ เจ้ามันไร้ยางอายจริง ๆ เลย”
จวินโม่ซีกล่าว “ทำไมข้าจะให้นางจ่ายไม่ได้ นางเป็นคนเลี้ยงดูข้า อยู่ฟรีกินฟรีเว้ย! ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเชียนอ้าวเซี่ยแข็งทื่อ “เสี่ยวซี เลี้ยงเจ้าจริง ๆ งั้นเหรอ! ”
“ก็ใช่นะสิ! ”
เชียนอ้าวเซี่ยหันไปพูดกับมู่เฉียนซีว่า “เสี่ยวซี เจ้าดูข้าสิ ข้าทั้งหน้าตางดงาม แถมยังเอวบางร่างน้อยอีก หากเจ้าจะเลี้ยงดูไอ้เจ้าหน้าขาวนี่ เจ้าเลี้ยงดูข้าดีกว่า นะนะ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ! เจ้าตะกละนี่กินเยอะขนาดนี้เดี๋ยวอีกหน่อยก็คงจะอ้วนเหมือนหมู สู้มาเลี้ยงดูข้าดีกว่า”
จวินโม่ซีกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวขึ้น “กะเทยอย่างเจ้ามีอะไรดีเหรอ? หน้าตาดูดีแล้วกินได้ไหมล่ะ? แต่ข้านี่ปรุงยาเป็น”
ตั๋วอาหารระยะยาวนี้ของมู่เฉียนซีจวินโม่ซีไม่อาจสูญเสียไปได้ ดังนั้นจวินโม่ซีจึงแย่งชิงความดีความชอบกับเขาอย่างเต็มที่
น่าหลานอวี้ฉลาดมาก เขากล่าวขึ้นว่า “ที่แท้เจ้าก็คือราชาโอสถจวินโม่ซีนี่เอง หัวหน้านักปรุงยาของหอหมอปีศาจ ในหอหมอปีศาจ นอกจากเจ้าของหอหมอปีศาจแล้ว เจ้าเป็นนักปรุงยาที่ฝีมือยอดเยี่ยมที่สุด”
ก็แค่คนงานคนหนึ่งของเสี่ยวซี ยิ่งพูดก็ยิ่งอุกอาจ ทำให้คนเข้าใจผิดได้
เชียนอ้าวเซี่ยก็เข้าใจขึ้นมาแล้ว “ที่แท้ก็เป็นหัวหน้านักปรุงยาของหอหมอปีศาจ เป็นลูกน้องของเสี่ยวซี เจ้าพูดจาก็พูดไม่ชัดเจนเอาซะเลย”
เชียนอ้าวเซี่ยหันไปพูดกับมู่เฉียนซีต่อว่า “เสี่ยวซี เจ้าร่ำรวยปานนั้น เลี้ยงดูข้าเพิ่มสักคนเถอะนะ! ”
สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำ “เชียนอ้าวเซี่ย เจ้าเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเฉี่ยนเซี่ย เจ้าคิดว่าคนอย่างเจ้าจำเป็นต้องให้ข้าเลี้ยงดูเหรอ? คนทั้งแคว้นเฉียนเซี่ยกำลังเลี้ยงดูเจ้าอยู่นะ! ”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างออดอ้อน “ก็เค้าอยากให้เสี่ยวซีเลี้ยงดูนี่หน่า ไม่ต้องการคอนอื่นอ่ะ! ”
จวินโม่ซีกล่าว “กะเทยที่ไหนเนี่ย รีบจับตัวกลับไปได้แล้ว! นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้ากระเทยนี่จะเป็นองค์รัชทายาท แคว้นเฉียนเซี่ยมีหวังต้องสูญพันธุ์แน่”
“เจ้านะสิเป็นกะเทย ครอบครัวเจ้านั่นแหละเป็นกะเทย! ”
หลังจากที่โต้เถียงกันไปพักใหญ่ จวินโม่ซีก็กล่าวขึ้นว่า “สาวน้อย ข้าหิวอีกแล้วอ่ะ แต่ครั้งนี้ข้าไม่กินที่ร้านแล้วนะ ข้าอยากกินฝีมือที่เจ้าทำมากกว่า”
มู่เฉียนซีอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่ากระเพาะของเจ้าตะกละจวินโม่ซีนี่มีหลุมดำอยู่หรือเปล่า ทำไมถึงได้กินไม่หยุดปากเช่นนี้นะ
เชียนอ้าวเซี่ยกรีดร้องเสียงดังลั่นขึ้น “ห๊ะ! อะไรนะ? เจ้าจะให้เสี่ยวซีทำอาหารให้เจ้ากินเนี่ยะนะ! เจ้าฝันไปเถอะ! ”
น่าหลานอวี้กล่าว “โรงน้ำชาแห่งนี้เป็นของบ้านประมูลอันดับหนึ่ง หากราชาโอสถหิวก็สามารถสั่งอาหารต่อได้เลย ข้าเหมาให้หมดแล้ว”
จวินโม่ซีกล่าว “ข้าจะกินอาหารที่สาวน้อยทำ”
เชียนอ้าวเซี่ยแบะปากก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เจ้าไม่กลัวท้องเสียหรือยังไง”
จวินโม่ซียิ้มยิงฟันพลางกล่าว “ข้าเป็นนักปรุงยา ท้องเสียข้าก็มียา ดังนั้นข้าไม่กลัว”
เป็นนักปรุงยาแล้วจะเจ๋งนักรึไง เหอะ! เชียนอ้าวเซี่ยกับน่าหลานอวี้แทบอยากจะต่อยเจ้าหมอนี่ให้ฟันร่วง ดูสิว่ายังจะตะกละกินได้อยู่อีกไหม?
มู่เฉียนซี “เอาล่ะ ถ้าอยากกินก็ตามข้ามา! ”
เชียนอ้าวเซี่ยกับน่าหลานอวี้รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก! ดูเหมือนว่าเสี่ยวซี (ซีเอ๋อร์) จะตามใจเจ้าหมอนี่มาก ซึ่งพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ด้วยสถานะของนาง ความแข็งแกร่ง ความสามารถต่าง ๆ นางไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องตามใจใครถึงเพียงนี้ หรือจะเป็นเพราะว่า……นางชอบเจ้าหมอนี่เอามาก
ต้องบอกเลยว่าเชียนอ้าวเซี่ยกับน่าหลานอวี้นั้นคิดมากไปจริง ๆ จวินโม่ซีกำลังจะหลบหนีครั้งใหญ่ อีกทั้งยังช่วยนางล่อศัตรูรายใหญ่ของนางออกไปด้วย และก่อนที่เขาจะไป แน่นอนว่าเขาจะต้องสนองความปรารถนาในการกินให้อิ่มท้องก่อน
มู่เฉียนซีลงมือย่างเนื้อให้จวินโม่ซีด้วยตัวเอง ทว่า กลับทำให้เชียนอ้าวเซี่ยกับน่าหลานอวี้อิจฉาตาร้อนจนแทบจะบ้าคลั่ง เจ้าหมอนี่……
เดิมทีพวกเขาสองคนคิดจะแย่งจวินโม่ซีกิน ทว่า ความเร็วของพวกเขานั้นไม่อาจเทียบชั้นกับจวินโม่ซีได้เลย
หลังจากที่จวินโม่ซีกินจนอิ่มท้อง เขาก็กล่าวขึ้นว่า “ใกล้ได้เวลาแล้วหล่ะ”
กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวกำลังใกล้เข้ามา “เอิ๊ก! ” จวินโม่ซีเรอออกมาพลางเอามือลูบหน้าท้อง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ในที่สุดก็มาแล้ว! ”
ผู้อาวุโสสี่รักษาอาการบาดเจ็บหายก็มาคิดบัญชีทันที ครั้งนี้เขามาคนเดียวเพียงลำพัง เขามีพลังวิญญาณเป็นถึงมหาจักรพรรดิ จะต้องสู้กับมู่เฉียนซีอย่างสุดใจ คนที่ซวยต้องเป็นมู่เฉียนซีแน่นอน เขาไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงการบาดเจ็บและการตายของศิษย์
จวินโม่ซีกล่าว “ตาเฒ่า เจ้าต้องการแผนที่ม้วนไผ่โบราณไม่ใช่รึ งั้นก็ตามข้ามาให้ทันล่ะ! ไม่แน่บางทีข้าอารมณ์ดีอาจจะมอบมันให้แก่เจ้าก็ได้นะ”
พลังวิญญาณทั้งหมดก็ปลดปล่อยออกมา และร่างของจวินโม่ซีก็พุ่งออกไปราวกับกระสุนใหญ่ก็มิปาน
เขาหัวเราะพลางตะโกนกล่าวว่า “สาวน้อย ต้องจากกันอีกแล้ว เจอกันคราวหน้าต้องเตรียมของอร่อย ๆ ไว้ให้ข้าเยอะ ๆ นะ! ”
มู่เฉียนซีโยนแหวนออกมาจากมิติวงหนึ่ง ก่อนจะตะโกนกล่าวว่า “ข้างในมีของอร่อยรสเด็ดสำหรับเจ้าเยอะเลย อย่าปล่อยให้ตัวเองหิวตายล่ะ”
จวินโม่ซีกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ “สาวน้อย เจ้าเข้าใจข้าที่สุดแล้ว! ”
จวินโม่ซีพรวดออกไป ส่วนมู่เฉียนซียังคงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าตรูผู้แข็งแกร่ง มีแค่ผู้อาวุโสสี่คนเดียว เขาจะไม่คิดตามจวินโม่ซีไปงั้นเหรอ
ต้องรู้เอาไว้ก่อนเลยว่าจวินโม่ซีนั้นยังมีแผนที่ม้วนไผ่โบราณของหม้อเทพนิรันดร์อยู่ในมือ มันเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมาก ส่วนมู่เฉียนซีก็เป็นเพียงแค่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่ล่วงเกินเขาก็เท่านั้น สิ่งไหนสำคัญ ผู้อาวุโสสี่ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ
หลังจากที่ร่างของจวินโม่ซีอันตรธานหายไป ไม่นานนักร่างของผู้อาวุโสสี่ก็อันตรธานหายตามไปเช่นกัน และสถานการณ์ที่อันตรายของมู่เฉียนซีก็ถูกแก้ไขลงในที่สุด
เชียนอ้าวเซี่ยกับน่าหลานอวี้ต่างก็ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อครู่ “นี่……นี่เขา เขาช่วยเสี่ยวซีล่อศัตรูออกไปงั้นเหรอ อันที่จริงไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย มันมีวิธีอื่นตั้งเยอะ……”
หากเจ้าหมอนั่นถูกตาเฒ่านั่นห่าตายเพราะการล่อศัตรูให้เสี่ยวซี มันจะไม่เป็นการทำให้เสี่ยวซีรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตหรอกเหรอ ช่างแย่จริง ๆ
น่าหลานอวี้กล่าวว่า “ใช่ ราชาโอสถเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้ ไม่ควรจริง ๆ”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “เขามีแผนของเขา การหนีเอาชีวิตรอดสำหรับเขานั้นนับว่าเป็นการฝึกประสบการณ์อย่าง เขาเสียดายอาหารอร่อย ๆ มื้อหน้า เพราะฉะนั้นเขาไม่ยอมให้ตัวเองต้องตายง่าย ๆ หรอก”
น้ำเสียงของมู่เฉียนซีนั้นราบเรียบ ที่บอกว่าไม่ได้เป็นห่วเขานั้นเป็นเรื่องโกหก การหลบหนีของจวินโม่ซีนั้นล้วนแต่เป็นการหนีจากความตายเพื่อเอาชีวิตรอดด้วยกันทั้งสิ้น แต่เรื่องบางเรื่องก็จำใจต้องเผชิญหน้ากับมัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เชียนอ้าวเซี่ย หากมีข่าวเกี่ยวกับจวินโม่ซีและผู้อาวุโสสี่ออกจากเซี่ยโจวเจ้าบอกข้าด้วยนะ รวมไปถึงเบาะแสที่อยู่ของศิษย์ของผู้อาวุโสสี่พวกนั้นก็บอกข้าด้วยล่ะ! ”
เมื่อครู่อาวุโสสี่มาคนเดียว แล้วตอนนี้ก็ไล่ตามจวินไปแล้วด้วย เขาไม่ทันได้กลับไปบอกศิษย์เหล่านั้นให้ตามไปด้วยแน่ แสดงว่าศิษย์เหล่านั้นยังอยู่ที่นี่?
รอให้ผู้อาวุโสสี่จากไปอย่างสมบูรณ์ นางก็จะมาแทนที่ตาเฒ่านี่และสร้างความบันเทิงให้กับศิษย์เหล่านั้นนอน
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ได้เลย! ”
ตาเฒ่ามหาจักรพรรดิหายไปคนนึง การรับมือกับระดับจักรพรรดิเหล่านั้นก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว ถึงแม้ว่าในนั้นจะมีจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดก็ตาม
“เสี่ยวซี ตาเฒ่านั่นไปคนเดียวจริง ๆ ด้วย เขาตามจวินโม่ซีออกไปจากเซี่ยโจวแล้ว ตอนนี้อยู่ในเขตทะเล ยิ่งไปก็ยิ่งไกลออกไปมากขึ้น ไม่มีทางกลับมาอย่างแน่นอน ส่วนศิษย์ของเขาเหล่านั้น ตอนนี้ยังอยู่ในอาณาเขตของข้า”
.