— ปัง! —
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีนั้นไม่ยอมให้เจ้าสวะเซี่ยผู้นี้ได้ใจ ทว่าผลสุดท้าย…
เชียนอ้าวเซี่ยนั้นรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข เขาล้มลงบนพื้น จมูกกระแทกพื้นได้รับบาดเจ็บ
“อ๊าก!” เชียนอ้าวเซี่ยร้องคร่ำครวญ
ทุกคนในที่นั้นต่างสับสนวุ่นวาย นี่มันอะไรกัน…? เสียทีที่เมื่อครู่นี้พวกเขาคิดว่าองค์รัชทายาทเซี่ยเป็นยอดฝีมือซ่อนคมเอาไว้ในฝัก ไม่ยอมเปิดเผยพลังที่แท้จริง มาตอนนี้เมื่อองค์รัชทายาทล้มลง ก็ได้ทำให้ภาพในจินตนาการของพวกเขามลายหายสิ้น
พวกเขาคิดมากไปแล้วจริงเชียว! องค์รัชทายาทเซี่ยมีร่างกายที่ไร้ประโยชน์ตั้งแต่กำเนิด แล้วเขาจะกลายเป็นยอดฝีมือไปได้เช่นไรกันเล่า
อวิ๋นปู้ป้ายเองก็ดูแคลนเชียนอ้าวเซี่ยอย่างยิ่ง เป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งแคว้นแคว้นหนึ่ง กลับมีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้ ดูเหมือนว่าแคว้นเฉียนเซี่ยนั้นจะถูกลิขิตมาให้ตกอยู่ในกำมือของสำนักอวิ๋นเยียนของพวกเขาแน่แล้ว
เชียนอ้าวเซี่ยลุกขึ้นมาปัดฝุ่นตามตัว ขณะนั้นเองเขาก็เห็นองค์ชายเหล่านั้นที่รออยู่บนเวทีประลองอย่างใจร้อน
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้ม กล่าวว่า “เสี่ยวซีซี เจ้าอย่าคิดถึงข้ามากเกินไปล่ะ รอข้าจัดการพวกนั้นเสร็จสิ้นเสียก่อน ข้าจะกลับมาในทันใด” องค์ชายใหญ่หัวเราะเย้ยหยันทันที “ฮ่า ๆ ๆ เชียนอ้าวเซี่ย เจ้านั้นแม้แต่จะยืนยังยืนไม่อยู่ กลับกล่าวว่าจะจัดการพวกเรา ฝันกลางวันแท้ ๆ!”
“พี่ใหญ่ ท่านเองก็มิใช่ว่าไม่รู้ องค์รัชทายาทนั้นวัน ๆ เอาแต่ฝันกลางวัน ท่านเคยชินแล้วก็ดี”
“…”
เชียนอ้าวเซี่ยก้าวไปยังเวทีประลองอย่างเฉื่อยชา เขาเหลือบมองอวิ๋นปู้ป้ายแล้วกล่าวว่า “รองเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน เราควรเริ่มการประลองได้แล้วกระมัง”
“ได้ เริ่มการประลองได้” อวิ๋นปู้ป้ายพยักหน้า เมื่ออวิ๋นปู้ป้ายประกาศเริ่มการประลอง องค์ชายเหล่านั้นก็เริ่มโจมตีอย่างโหดเหี้ยม แต่ปรากฎว่า…
ร่างกายทั้งร่างของพวกเขากลับไม่ยอมฟังคำสั่ง เหล่าองค์ชายกระโดดโลดเต้นอยู่บนเวทีประลอง ทั้งร่างของพวกนั้นแทบจะบิดเป็นขนมเกลียวทอดอยู่แล้ว ก่อให้เกิดทิวทัศน์ที่ดูแปลกประหลาดขึ้นมา
“องค์ชายเหล่านี้เป็นอะไรไป ? ถึงแม้ว่าไม่กล้าที่จะลงมือกับองค์รัชทายาท แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทรมานตัวเองเช่นนี้เลยนี่” “สวรรค์! หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าเอวก็คงจะขาดเสียแล้ว”
สายตาร้อนแรงดั่งไฟลุกโชนของพวกเขามองเชียนอ้าวเซี่ยพร้อมกล่าวขึ้น “เชียนอ้าวเซี่ย เจ้ามันต่ำช้า เจ้ากล้าวางยาพิษพวกเรา”
เชียนอ้าวเซี่ย “พวกเจ้าหลายคนที่ถือว่ามีพลังมากกว่าข้ามาท้าประลองข้า ข้าก็ต้องมีตัวช่วย นั่นถือเป็นการประลองที่ยุติธรรมอย่างไรเล่า อ้อ และข้าเองก็ไม่ได้ยินท่านเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนกล่าวว่าห้ามไม่ให้ใช้พิษ เช่นนั้นข้าจึงใช้พิษ พวกเจ้าจะทำเช่นไรได้ ? นี่ยังเป็นแค่ประเภทแรก พวกเรามาต่อกันดีกว่า” เชียนอ้าวเซี่ยสะบัดมือ ทันใดนั้นผงบางอย่างก็ถูกโปรยไปทางคนพวกนั้นทันที
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มอย่างพอใจ “หึ ๆ มู่เฉียนซีเจ้าชอบข้าจริง ๆ มิเช่นนั้นแล้วเจ้าคงไม่เตรียมยาพิษไว้มากมายเช่นนี้ เพื่อที่จะให้ข้าได้เล่นกับพวกเขาดี ๆ สักคราหนึ่งนั่นเอง”
องค์ชายเหล่านี้เกือบถูกเชียนอ้าวเซี่ยทำให้โกรธจนช้ำใน
บ้าจริง! บ้าจริงเชียว!
“อ๊าก!”
ในพริบตา พวกเขารู้สึกคันคะเยอไปทั่วร่างกาย จะทนไม่ไหวแล้ว! — แควก! —
สุดท้ายพวกเขาทนไม่ไหวจึงฉีกเสื้อผ้าออก ในเวลาเพียงไม่นานก็มีเสียงร้องตะโกนของสตรี
“อ๊ายยยยยย!”
แน่นอนว่าการประลองนี้มีสตรีมาร่วมชมอยู่ด้วย เมื่อเห็นฉากเช่นนี้เข้า เหล่าสตรีทั้งหมดล้วนทำอะไรไม่ถูก
“อ๊าย! หน้าไม่อายจริง ๆ”
เชียนอ้าวเซี่ย “มาอีกสิ อย่างไรเสียพวกเราก็ล้วนอยู่ในพระราชวัง ตั้งแต่เล็กจนโตข้าไม่เคยได้เล่นเป็นเพื่อนกับพวกเจ้าให้ดีสักครา”
ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกเหมือนฟ้าหม่นแผ่นดินหมอง เจ้าบ้าเซี่ยเป็นปีศาจตนหนึ่งชัด ๆ
ในที่สุดคนที่ได้ยั่วยุเชียนอ้าวเซี่ยเหล่านี้ก็น้ำลายฟูมปาก พวกเขาดูเบาคู่ต่อสู้เกินไป หลงนึกคิดว่าเชียนอ้าวเซี่ยที่ไม่มีเสด็จพ่อคอยคุ้มครองนั้นจะสามารถรังแกเอาได้ง่าย ๆ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าที่ฝั่งเขานั้นมีมู่เฉียนซีผู้เป็นอัจฉริยะนักปรุงยาแห่งหอหมอปีศาจคอยช่วยอยู่
เรื่องวุ่นวายในครั้งนี้ ก็ได้จบลงไปเช่นนี้ ใบหน้าของอวิ๋นปู้ป้ายนั้นแข็งทื่อ
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวขึ้น “ภายในเวลาครึ่งเดือนนี้ คนพวกนั้นอย่าได้หวังว่าจะลุกขึ้นมาจากเตียงได้เลย ถึงต่อให้ข้าใจคอกว้างขวางมอบลำดับรายชื่อของข้าให้พวกเขา พวกเขาก็ออกมาไม่ได้ รองเจ้าสำนักอวิ๋นคิดว่าเช่นไรเล่า ?”
อวิ๋นปู้ป้าย “การประลองในครั้งนี้ แน่นอนว่าองค์รัชทายาทเป็นผู้ชนะ องค์ชายผู้อื่นนั้นไม่มีวาสนาเช่นนี้ นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
ลำดับชื่อของน่าหลานอวี้กำลังจะเข้าไปสู่รายชื่อในหนึ่งร้อยอันดับแรก ขอแค่เพียงสู้อีกครั้งหนึ่งเท่านั้น ก็จะได้เข้าไปอยู่ในลำดับรายชื่อนั้นแล้ว
เขานั้นได้เข้าร่วมในการประลองหลายรอบ ถึงแม้จะพบเจอกับลูกศิษย์ของสำนักอวิ๋นเยียน น่าหลานอวี้ก็ได้พึ่งพิงการฝึกฝนที่เข้มแข็งของตนเอาชนะมาได้ แต่ทว่าการประลองในครั้งนี้ เขานั้นโชคไม่ค่อยจะดีนัก เขาได้พบเจอเข้ากับอัจฉริยะตัวน้อยของสำนักอวิ๋นเยียนเข้า นั่นก็คือบุตรสาวของรองเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน นามว่าอวิ๋นหวง
นางถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสองความภาคภูมิของสำนักอวิ๋นเยียน เพราะอวิ๋นเฟิ้งนั้นเจิดจ้าเกินไป ทำให้ผู้อื่นต่างมองข้ามความสามารถของนาง
เวลานี้อวิ๋นหวงยืนอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของน่าหลานอวี้ นางยิ้มอย่างน่ารักและกล่าวเสียงหวาน “พี่ชายน่าหลาน ขอท่านจงโปรดชี้แนะด้วยนะเจ้าคะ ท่านจะต้องปราณีเสี่ยวหวงหน่อย เสี่ยวหวงนั้นกลัวเจ็บเป็นอย่างมากเลยเจ้าค่ะ”
นางนั้นมีใบหน้าละมุนเสมือนเด็กทารก ช่างน่ารักจริง ๆ ดวงตากลมโตใสเหมือนดั่งหยดน้ำ ราวกับมันจะสามารถกล่าวาจาออกมาได้ก็มิปาน รูปลักษณ์ภายนอกของนางดูราวกับว่านางเป็นเด็กสาวตัวน้อยอายุประมาณสิบสองสิบสามปี ที่ใครเห็นเข้าก็อยากจะเข้าไปดูแลทะนุถนอมให้ดี
แต่มู่เฉียนซีกลับรู้สึกว่าแม่นางอวิ๋นหวงผู้นี้ ยากที่จะรับมือกว่าอวิ๋นฮุ่ย สตรีบ้าน่ารำคาญผู้นั้นไม่รู้กี่เท่าตัว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “น่าหลานอวี้ จากนี้ไปรบกวนเจ้าด้วย”
เชียนอ้าวเซี่ยพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า “อวิ๋นหวง นางคือหนึ่งในสองความภาคภูมิแห่งสำนักอวิ๋นเยียน ข่าวสารเกี่ยวกับนางนั้นมีน้อยมาก แต่ที่ข้ารู้มาคือสตรีผู้นั้นไม่ได้ไร้พิษสงเหมือนดั่งใบหน้าของนาง นางโหดเหี้ยมเป็นอย่างมากและชอบที่จะทรมานคนจนตาย”
“แล้วอีกอย่าง เจ้าลองเดาดูสิว่านางอายุเท่าไรแล้ว ?” เฉียนอ้าวเซี่ยกล่าวถามขึ้น
นั่นจะต้องมากกว่าที่เห็นอยู่ประมาณหนึ่ง มิเช่นนั้นแล้ว ราชาแห่งภูตอายุเพียงสิบสองสิบสามปี ชื่อเสียงความอัจฉริยะของนางคงได้นำอวิ๋นเฟิ้งไปนานแล้ว คงไม่ถูกความเจิดจ้าของอวิ๋นเฟิ้งบดบังเอาไว้เป็นแน่แท้
มู่เฉียนซีลองเดา “ข้าคิดว่านางน่าจะอายุประมาณสิบแปดปี”
เชียนอ้าวเซี่ย “ผิดแล้ว ที่ถูกต้องคือยี่สิบปี ต้องยอมรับเลยว่าสตรีผู้นี้นั้นแกล้งทำตัวไร้เดียงสาเก่งยิ่งนัก”
มู่เฉียนซี “แล้วน่าหลานอวี้จะมีอันตรายหรือไม่ ?”
“เสี่ยวซีซี เจ้าเป็นห่วงอวี้เช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะหึงหวงบ้างรึ ?” “เจ้าพอได้แล้ว อย่ากล่าวเรื่องไร้สาระ และเลิกเรียกข้าว่าเสี่ยวซีซีหรือซีซีน้อยอะไรนั่นเสียที!”
“ข้าไม่เลิก” เชียนอ้าวเซี่ยดื้อดึง ทว่าหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดจาเหลวไหลอีกต่อไป เขากล่าว “แต่อืม… อวี้นั้นอันตรายมาก แม้แต่สำนักอวิ๋นเยียนเองก็ไม่กล้าที่จะฉีกหน้าหอการค้าอันดับหนึ่งอย่างยับเยิน ข้าคิดว่าอวี้ไม่น่าจะมีอันตรายใด”
อวิ๋นหวงแสร้งทำตัวน่ารักน่าเห็นอกเห็นใจต่อหน้าน่าหลานอวี้ แต่จิตใจของน่าหลานอวี้เองก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย เขายิ้มอย่างอ่อนโยนราวกับคุณชายผู้สง่างามและกล่าวขึ้นว่า “น้องสาวตัวน้อย ในเมื่อกลัวเจ็บ ก็ยอมแพ้เสียเถอะ”
“ข้านั้นแพ้ไม่ได้” ดวงตาทั้งสองข้างของอวิ๋นหวงแดงขึ้นมาเล็กน้อย มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางเชียนอ้าวเซี่ยก่อนจะกล่าวว่า “นางก็เป็นผู้ที่มีทักษะการแสดงเหนือผู้อื่นผู้หนึ่ง ไม่แน่ ถ้าหากว่ามีโอกาส เจ้าสามารถขึ้นเวทีประลองไปเล่นกับนางได้”
ร่างของเชียนอ้าวเซี่ยสั่นสะท้าน “ไปแสดงละครกับสตรีปีศาจนั่นน่ะรึ ? เสี่ยวซีซีเจ้าไม่กลัวว่าข้าจะถูกนางหั่นศพเอาหรือ น่ากลัวเกินไปแล้ว ข้าไม่เอาหรอก!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงมีเพียงตัดสินให้รู้แพ้ชนะกันเท่านั้น” น่าหลานอวี้กล่าวสีหน้าขรึม
อวิ๋นหวง “เช่นนั้น พี่ชายน่าหลาน เตรียมรับมือข้าให้ดีก็แล้วกัน”
เวลานี้แสงอันรุนแรงปรากฏขึ้นมา น่าหลานอวี้รู้สึกได้ถึงอันตรายที่ถึงแก่ชีวิตจึงรีบใช้พลังธาตุแสงมาป้องกัน
สตรีที่น่ารักดูไร้พิษสงที่ทุกคนได้เห็นนั้น บัดนี้กลับแบกเอามีดที่มีด้านคมเป็นคมเลื่อยและสูงกว่าตัวของนางเอาไว้ ช่างดูโหดร้ายเสียจนทำให้รู้สึกหนาวไปถึงตับ เย็นไปถึงก้นบึ้งหัวใจ
เป็นอันว่าคนเรานั้น ไม่สามารถดูกันได้แค่ภายนอกจริง ๆ
.