หลังจากที่อวิ๋นเฟิ้งลุกขึ้นยืนได้ไม่นาน พลังของนางก็เพิ่มขึ้นรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด และสิ่งนี้ทำให้เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนเป็นอย่างมาก
“เฟิ้งเอ๋อร์!”
บีบบังคับให้พลังวิญญาณเพิ่มขึ้น เช่นนั้นต่อไปหากเฟิ้งเอ๋อร์ก็จะทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตก็จะประสบกับความทุกข์ยากลำบากอย่างหนัก
เดิมทีสำนักอวิ๋นเยียนของพวกเขาต้องการจะมีมหาจักรพรรดิแห่งภูตเพิ่มขึ้นอีกคน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในวังมงคลเช่นนี้
ทว่า ไร้หนทางที่จะขัดขวางแล้ว หากเฟิ้งเอ๋อร์ต้องพ่ายแพ้ให้กับเด็กนั่นจริง ๆ พวกเขาคงต้องเสียหน้าอย่างแน่นอน
ตูม!
ในเวลานี้เอง พลังวิญญาณของอวิ๋นเฟิ้งก็ได้เพิ่มขึ้นมาเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า ระดับสูงสุดแล้ว เส้นทางห่างจากขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเพียงแค่ขั้นเดียวเท่านั้น
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “สำนักอวิ๋นเยียนของพวกเจ้าช่างไร้ยางอายยิ่งนัก! คราก่อนใช้ยาวิญญาณเพิ่มพลังวิญญาณแล้ว มาครานี้ยังใช้ยาวิญญาณอีก”
เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนกล่าว “องค์รัชทายาทเซี่ย อย่าได้กล่าววาจาหยาบคายใส่ร้ายคนอื่นเช่นนี้ ลานประลองก็มีผู้คนมากมาย มีใครเห็นเฟิ้งเอ๋อร์กินยาวิญญาณเข้าไปบ้างล่ะ เดิมทีเฟิ้งเอ๋อร์มีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่แล้ว แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่ดึงดูดสายตามากเกินไป ก็เลยใช้วิชาควบคุมพลังวิญญาณเอาไว้ก็เท่านั้น”
อวิ๋นเฟิ้งไม่ได้กินยาวิญญาณให้ใครเห็นก็จริง ทว่า ด้วยสถานะของนางแล้ว เกรงว่านางจะเอายาวิญญาณซ่อนไว้ในปากเพื่อเตรียมพร้อมในเวลาที่ต้องการใช้มัน
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “เจ้าสำนักอวิ๋น วาจาเช่นนี้เจ้ายังกล่าวออกมาได้ คิดว่าพวกข้าจะเชื่องั้นเหรอ ? ”
หากพรสวรรค์ของอวิ๋นเฟิ้งต้านสวรรค์เช่นนั้นจริง ป่านนี้พวกศิษย์ปลายแถวของสำนักคงจะทะยานฟ้าไปแล้ว
คนหลายคนก็ไม่เชื่อเช่นกัน ทว่า ที่นี่เป็นถิ่นของสำนักอวิ๋นเยียน พวกเขาไม่อาจปากมากกล่าววาจาล่วงเกินสำนักอวิ๋นเยียนผู้ยิ่งใหญ่ได้
ดวงตาของเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนจ้องมองไปที่มูอวู่ซวง “นี่พวกเจ้าคิดว่ามีเพียงมู่อวู่ซวงเท่านั้นเหรอที่มีคุณสมบัติสูง อายุยังไม่ถึงสามสิบปีก็เป็นจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้าได้ เฟิ้งเอ๋อร์บุตรสาวของข้าทำไม่ได้งั้นเหรอ ? คิดจริง ๆ เหรอว่ามีเพียงตระกูลมู่ตระกูลเดียวเท่านั้นที่สามารถเป็นอัจฉริยะได้ ? ”
เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนใช้คำพูดที่เฉียบคมเพื่อเก็บงำเกียรติอันจอมปลอมของเขา เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวว่า “การประลองครั้งนี้ เสี่ยวซีซีไม่ประลองแล้ว ข้าจะประลองเอง!”
ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะเปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมา แต่เขาไม่ยอมให้เสี่ยวซีเอ๋อร์ไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่อวู่ซวง เขามองไปที่มู่เฉียนซี มู่เฉียนซีส่งรอยยิ้มผ่อนคลายให้เขา
เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนกล่าว “องค์รัชทายาทเซี่ย อย่าได้ล้อเล่นไป องค์รัชทายาทเป็นถึงผู้สูงส่ง หากเป็นได้รับบาดเจ็บขึ้นมา เกรงว่าจะไม่ดี”
เป็นแค่สวะไร้ประโยชน์ กลับกล้ามาท้าทายต่อสู้กับบุตรสาวผู้เป็นอัจฉริยะของเขา รนหาที่ตาย!
มู่เฉียนซีกล่าว “การประลองครั้งนี้ ข้าเป็นคนเริ่ม ข้าก็จะเป็นคนยุติมันด้วยตัวเอง” เผชิญหน้ากับอวิ๋นเฟิ้งผู้ที่มีพลังวิญญาณมากกว่านางถึงหนึ่งขั้น ทว่า มู่เฉียนซีนั้นยังคงเฉยเมยมาก นางหันไปมองเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน และกล่าวว่า “เจ้าสำนักอวิ๋นพูดถูก อัจฉริยะไม่เพียงแต่มีแค่ตระกูลมู่ เพียงแต่ว่า อัจฉริยะของตระกูลมู่ ไม่ใช่อัจฉริยะที่สำนักอวินหยานจะเทียบได้อย่างแน่นอน”
ทันทีที่คำพูดของมู่เฉียนซีจบลง พลังวิญญาณในร่างของนางก็ระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์ จักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า และพลังที่ระเบิดออกมานั้นแข็งแกร่งกว่าอวิ๋นเฟิ้งมาก
ยาเพิ่มพลังวิญญาณที่ไร้ผลข้างเคียงเม็ดสุดท้าย นางใช้มันแล้ว
นางไม่รู้สึกสิ้นเปลืองเลยที่ใช้ยาวิญญาณเพิ่มพลังที่นี่ เพื่อล้างแค้นให้กับท่านอา ไม่ว่าจะเป็นยาวิญญาณชนิดใด นางไม่รู้สึกสิ้นเปลืองอะไรทั้งนั้น
วันนี้นางจะเอาชนะอวิ๋นเฟิ้งต่อหน้าตัวแทนกองกำลังหลักในเซี่ยโจว และชำระหนี้แค้นเมื่อสามปีที่แล้วให้สิ้น
คนตระกูลมู่ของนาง ใช่ว่าจะมารังแกกันได้ง่าย ๆ และญาติสนิทเพียงคนเดียวของนางในตอนนี้ นางจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายได้แม้แต่น้อย
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวนั้นของมู่เฉียนซี ทำให้สีหน้าของอวิ๋นเฟิ้งพลันเปลี่ยนไปมาก!
“เป็นไปไม่ได้ เจ้า เจ้าต้องใช้ยาลึกลับเพื่อบีบบังคับพลังวิญญาณให้เพิ่มขึ้นเป็นแน่”
จักรพรรดิแห่งภูตอายุสิบหกปี ล้อเล่นบ้าอะไร!
มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อย “ข้าก็แค่แอบซ่อนพลังวิญญาณที่แท้จริงเอาไว้ก็เท่านั้น คุณหนูอวิ๋นเฟิ้งก็ทำเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ ? ”
“ไม่ใช่ เจ้าไม่ใช่แน่ ๆ เป็นไปไม่ได้!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หากคุณหนูอวิ๋นเฟิ้งไม่เชื่อ งั้นเราไปตรวจสอบกันดูดีกว่าว่าตกลงแล้วใครกันแน่ที่ใช่ยาวิญญาณ”
มู่เฉียนซีรู้ดีว่าอวิ๋นเฟิ้งไม่กล้าโดนตรวจสอบแน่ และต่อต้องไปตรวจสอบ การที่นางจะทำให้นักปรุงยาตรวจสอบไม่เจอนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง
“หมอปีศาจ มีความสัมพันธ์กับนาง!” เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนได้ยินคำพูดนี้ของอวิ๋นปู้ป้าย ในที่สุดเขาก็ต้องยอม
หากตรวจสอบ ก็มีแต่จะเปิดโปงเฟิงเอ๋อร์!
เมื่อตอนที่พลังของพวกเขามีความต่างกัน อวิ๋นเฟิ้งก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ตอนนี้พลังของทั้งสองอยู่ในขั้นเดียวกันแล้ว มันก็ยิ่งจัดการยากขึ้น
อวิ๋นเฟิ้งรู้สึกแย่มาก นางเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งในเซี่ยโจว ไม่ว่ายังไงนางก็ไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับเด็กสาวที่น่ารังเกียจผู้นี้อย่างแน่นอน
พลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิแห่งภูตของทั้งสองแผ่ซ่านออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ดูเหมือนว่าต่อไปจะเป็นการต่อสู้ยอดเยี่ยมมากแน่ ๆ
“วายุมรณะ!” เมื่อสูญเสียแส้เงินไปแล้ว อวิ๋นเฟิ้งจึงใช้พลังธาตุวายุโจมตี
ใบมีดลมนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีราวกับเทพมรณะหมายจะคร่าชีวิตก็มิปาน
“โล่วิญญาณวารี!”
ตูม ตูม ตูม!
พลังวิญญาณระดับเดียวกัน มู่เฉียนซีสกัดกั้นการโจมตีของอวิ๋นเฟิ้งได้ไม่ยากเลย
อวิ๋นเฟิ้งกัดฟันกรอด ร่างในชุดแดงเพลิงใกล้เข้ามาพร้อมกับพลังวายุโหดเหี้ยม นิ้วที่เรียวยาวของนางก็พุ่งตรงไปที่จุดสำคัญของมู่เฉียนซี
“กรงเล็บพิษสวรรค์!” คนที่รู้จักกระบวนท่านี้ของอวิ๋นเฟิ้งต่างก็ตกใจจนตาค้าง
“กรงเล็บพิษสวรรค์ นึกไม่ถึงเลยว่าคุณหนูใหญ่แห่งสำนักอวิ๋นเยียนจะฝึกฝนกระบวนท่าที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ กรงเล็บนี้ มัน……”
ความเร็วของอวิ๋นเฟิ้งเร็วจนถึงขีดสุด และมู่เฉียนซีก็ไม่ทันที่จะหลบหลีก
ทุกคนไม่อาจละสายตาไปจากลานประลองได้เลย อัจฉริยะรุ่นเยาว์ผู้นั้น หากโดนฉีกเนื้อหนังมังสาเป็นชิ้น ๆ ไปแล้วล่ะก็ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก
“ทักษะตี้ซวน!”
เผชิญหน้ากับวิชากรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิมของอวิ๋นเฟิ้ง มู่เฉียนซีจึงใช้พลังอำนาจต้านทานการโจมตีทั้งหมดได้!
กรงเล็บพิษสวรรค์ของอวิ๋นเฟิ้งนี้สามารถโจมตีศัตรูคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันได้ ทว่า นางโชคไม่ดีเอาซะเลย ที่ต้องเจอกับมู่เฉียนซี ผู้ที่ถูกจิ่วเยี่ยฝึกสอนทักษะตี้ซวนให้ด้วยตัวเองเช่นนี้
ตูม!
เสียงดังสนั่น และร่างของอวิ๋นเฟิ้งก็กระเด็นลอยไปในอากาศ!
มู่เฉียนซีพุ่งเข้าหาอวิ๋นเฟิ้งอย่างรวดเร็วและโจมตีอวิ๋นเฟิ้งในระยะประชิด!
ตูม! ตูม!
การโจมตีนั้นทะลุเนื้อหนังไปกระแทกกับกระดูกของอวิ๋นเฟิ้งอย่างรุนแรง!
อวิ๋นเฟิ้งก็นับว่าเป็นคนที่กระดูกแข็งมาก ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดจนแทบจะหมดสติไป แต่นางยังคงกัดฟันไม่ยอมแพ้และสู้ต่อไป!
ใบหน้าของนางตอนนี้โหดเหี้ยมมาก ลุกขั้นมาต่อสู้กับมู่เฉียนซีราวกับคนบ้าคลั่งก็มิปาน!
แม้ว่าเลือดจะไหลออกมากมุมปาก แต่นางก็ยังคงกัดฟันสู้ต่อ!
นางเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งในเซี่ยโจว วันนี้เป็นวันยิ่งใหญ่ของนาง นางจะไม่ยอมให้เด็กบ้านี่มาทำลายได้เด็ดขาด!
นางต้องตาย!
อวิ๋นเฟิ้งจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความอาฆาตแค้น อยากจะเอามีดนับพันเล่มแล่เนื้อนางออกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น แต่นางเสียดายที่นางเอาไพ่เด็ดทุกอย่างมาใช้แล้ว แต่ก็ยังทำอะไรมู่เฉียนซีไม่ได้
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “การประลองควรจบได้แล้ว!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เข็มยาของนางพุ่งออกไป!
“แค่อาวุธลับเหล่านี้ คิดว่าจะเอาชนะข้าได้งั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยัน “หลอกเจ้าต่างหากล่ะ!”
นางใช้ปลายนิ้วเท้าแตะพื้นเบา ๆ กระโดดขึ้นไปในอากาศและยกแขนขึ้น ทันใดนั้นพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ท่วมท้นไปทั่วทั้งลานประลอง!
เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนตะโกนขึ้นว่า “เฟิ้งเอ๋อร์ อันตราย รีบยอมแพ้เร็วเข้า!”
.