“ข้าคือผู้นำที่สามของฝ่ายสู้รบแห่งหุบเขาหมอเทวดา ที่ข้าพาศิษย์น้องและศิษย์ของข้ามาเซี่ยโจวในวันนี้ ก็เพื่อที่จะมาตามหาเหล่าผู้อาวุโสและบรรดาศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาที่ได้หายตัวไป ไม่รู้ว่าพวกเจ้าพอจะรู้ข่าวบ้างหรือไม่ ?”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า! พวกมันซวยแน่!
เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนรู้สึกดีใจขึ้นมา ชั่วครู่หนึ่งก็ลืมตอบคำถามของท่านผู้นำที่สามของฝ่ายสู้รบไป
“หากพวกเจ้าไม่ได้ข่าว ช่วยอะไรไม่ได้ เช่นนั้นพวกข้าคงต้องไปตามหาจากกองกำลังอื่นแล้ว”
ทันใดนั้นเองเชียนอ้าวเซี่ยก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตามหาคน อันที่จริงแล้วหอเชียนอินของข้านั้นเชี่ยวชาญในเรื่องนี้มาก หอเชียนอินของข้ามีหูมีตาอยู่ทุกที่ทั่วทั้งเซี่ยโจว ต่อให้เป็นสำนักอวิ๋นเยียน ก็ไม่มีทางที่จะสู้หอเชียนอินของข้าได้ และข้า ก็คือหัวหน้าหอเชียนอิน!”
ขวั่บ!
สายตาของทุกคนหันไปมองเชียนอ้าวเซี่ย นี่ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม! หัวหน้าหอเชียนอินผู้ลึกลับอย่างไร้ที่เปรียบผู้นั้น ที่แท้ก็เป็นองค์รัชทายาทเซี่ยเองเหรอ
ด้วยสถานะตัวตนที่มากมายเช่นนี้ หากจะบอกว่าองค์รัชทายาทเซี่ยเป็นผู้ที่ทำตัวลึกลับอันดับหนึ่งของเซี่ยโจว ก็คงจะไม่มีใครกล้าเถียงแน่นอน!
องค์รัชทายาทเซี่ยคือตำนานจริง ๆ!
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวเช่นนี้ ทำให้คนของหุบเขาหมอเทวดาสนใจเขาเป็นอย่างมาก
สามารถทำลายสำนักนิกายระดับหนึ่งได้ สามารถทำให้สำนักนิกายระดับหนึ่งเหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายได้เช่นนี้ ความแข็งแกร่งของพวกเขา แข็งแกร่งกว่าเจ้าสำนักนิกายระดับหนึ่งนี้แน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเชียนอ้าวเซี่ยทำให้เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนดึงสติกลับมาได้ เขาตะโกนขึ้นทันทีว่า “จะให้พวกมันตามหาไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด! เหล่าผู้อาวุโสของหุบเขาหมอเทวดา พวกมันนั่นแหละเป็นคนฆ่า! เป็นพวกมัน!”
“เป็นพวกเจ้า!”
สายตาคนของหุบเขาหมอเทวดาต่างพากันจับจ้องไปที่มู่เฉียนซีและเชียนอ้าวเซี่ย!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา เจ้าสำนักอวิ๋นที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสอยู่ข้าง ๆ พวกเขาทนกับพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้นไม่ไหวจึงเริ่มกระอักเลือดออกมา!
พรวด!
เขากระอักเลือดคำโตออกมา และตอนนี้ลมหายใจของเขาก็ร่อแร่เต็มทีแล้ว
‘เขาพูดได้เพียงครึ่งเดียว ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น ก็ยังดี!’ มู่เฉียนซีแอบพึมพำคนเดียว
ทว่า สวรรค์ไม่ยอมให้นางสมปรารถนา คนของหุบเขาหมอเทวดาไม่ยอมให้เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนพูดค้างคาไปเช่นนี้ ดังนั้นจึงรีบเอายาวิญญาณจำนวนมากช่วยชีวิตเขาเอาไว้
ถึงแม้ว่าฝีมือการรักษาของหุบเขาหมอเทวดาจะไม่อาจเทียบกับมู่เฉียนซีผู้เป็นเจ้านายของหม้อเทพนิรันดร์ได้ แต่ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นถึงสำนักนิกายระดับสอง หากไร้ความสามารถก็ไม่อาจอยู่ในยุทธภพนี้ได้!
ครั้นแล้ว เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนจึงได้ถูกช่วยชีวิตเอาไว้!
ท่านผู้นำที่สามของฝ่ายสู้รบกล่าวขึ้นว่า “เจ้าบอกว่า พวกเขาเป็นคนฆ่าผู้อาวุโสของหุบเขาหมอเทวดาข้างั้นรึ!”
มีมหาจักรพรรดิแห่งภูตเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าพวกเขาสามารถกระทำเรื่องเช่นนั้นได้!
เท่าที่พวกเขารู้มา ทั่วทั้งเซี่ยโจวล้วนแต่ไม่มีใครสามารถฆ่าผู้อาวุโสรองและพวกได้ อีกทั้งเป็นเพราะว่าเรื่องนี้มันช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก เจ้าแห่งหุบเขาจึงได้สั่งให้ฝ่ายสู้รบอย่างพวกเขาลงมือ!
“เป็นพวกมัน! เป็นพวกมันจริง ๆ! ” เจ้าสำนักอวิ๋นจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซี พวกเจ้าต้องตายแน่ ๆ!
ทันใดนั้นเอง เสียงที่ไร้เดียงสาก็ดังขึ้น!
“เจ้าสำนักอวิ๋น อย่ากล่าววาจาใส่ร้ายป้ายสีกันเช่นนี้สิ เจ้าใช้คำว่า ‘พวกมัน’ ต่อคนมากมายเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะร่วมมือกันทำเช่นนั้น มันต้องมีกองกำลังหลักในการต่อสู้สิใช่ไหม ?”
“เจ้านั่นแหละ! เป็นเจ้า!”
มู่เฉียนซียิ่งกล่าวอย่างไร้เดียงสามากขึ้น “ท่านผู้สูงส่งแห่งหุบเขาหมอเทวดาทุกท่าน พวกท่านดูสิเขาใส่ร้ายข้า!”
“ผู้อาวุโสของสำนักนิกายระดับสอง อย่างน้อยก็ต้องมีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแน่นอน! ข้าเป็นแค่ราชาแห่งภูต จะไปฆ่ายอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิเนี่ยนะ พูดไปใครจะเชื่อ!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยหน้าตาที่ไร้เดียงสาเช่นนี้ ทำให้ทุกคนอดขำจนท้องแข็งไม่ได้! พวกเขาต่างก็พูดในใจว่า ‘เมื่อก่อนพวกข้าก็ไม่เชื่อ แต่วันนี้ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว จำต้องเชื่อแล้ว!’
“นี่เจ้า……ก็เจ้านั่นแหละ……”
พรวด!
เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนกระอักเลือดคำโตออกมาอีกครั้ง
“เจ้าพูดดีดีซิ”
เห็นเขากระอักเลือดคำโตออกมาเช่นนี้ คนของหุบเขาหมอเทวดาจำใจต้องเอายาวิญญาณให้เขากิน
สิ้นเปลืองยาวิญญาณไปอีกหนึ่งเม็ด ดังนั้นคนของหุบเขาหมอเทวดาจึงเริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่!
เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนกล่าว “เจ้านั่นแหละทำได้! ไอ้เจ้าหนุ่มชุดเขียวนั่น อีกทั้งชายชุดดำนั่นอีก พวกมันสองคนนั้นมีพลังแข็งแกร่งมาก! ตอนนี้สองคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ ดูสิว่าเจ้าจะทำยังไง ?”
เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งของสองคนนั้น เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที! แต่ถึงอย่างไรเสีย วันนี้ผู้แข็งแกร่งอย่างสองคนนั้น ก็ไม่มีทางมาปกป้องนังเด็กนี่ได้แน่นอน
มู่เฉียนซี วันนี้ไม่มีคนคอยช่วยเจ้าแล้ว ปีหน้าของวันนี้จะเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้า!
มู่เฉียนซีกล่าว “สองคนนั่นที่เจ้ากล่าวถึง ไม่ใช่คนที่เจ้ามโนเพ้อฝันขึ้นมาเองหรอกเหรอ!”
เจ้าสำนักอวิ๋นเยียน “สองคนนั่นมีตัวตนจริง ๆ มีตัวตนจริง ๆ เจ้าหนุ่มชุดเขียวนั่นมีพลังที่แปลกประหลาดยิ่งนัก ทำให้คนกลายเป็นเด็กทารกได้!”
“ส่วนชายชุดดำผู้นั้น พลังอำนาจของเขาช่างน่ากลัวยิ่งนัก เพียงโบกมือนิดเดียวก็ทำให้คนกลายเป็นโครงกระดูกขาวได้ทันที!”
ถึงแม้ว่าวันนี้ทุกคนจะตกตะลึงไปไม่น้อย เห็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากมาย แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน พวกเขาก็รู้สึกว่ามันเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน เรื่องไร้สาระทั้งสิ้น!
เจ้าสำนักอวิ๋นเยียน ถึงแม้ว่าเจ้าต้องการจะปัดความผิดให้กับมู่เฉียนซี คิดจะยืมมือผู้อื่นฆ่านาง ก็ช่วยโกหกให้น่าเชื่อกว่านี้หน่อยเถอะ!
ครั้นแล้ว ฝ่ายสู้รบแห่งหุบเขาหมอเทวดาเหล่านี้ต่างก็มองไปที่เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก พวกเขามาจากสำนักนิกายระดับสอง มีประสบการณ์มากมายและมีความรู้ที่กว้างขวาง ทว่า ความสามารถเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย!
ทำให้คนกลายเป็นเด็กทารก ไม่ใช่มายากลสักหน่อย!
เพียงโบกมือก็สามารถทำให้คนกลายเป็นโครงกระดูกขาวได้ เห็นเซี่ยโจวเป็นแดนปรโลกรึ?
ท่านผู้นำที่สามฝ่ายสู้รบกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ข้าต้องการให้เจ้าเล่าความจริงที่เจ้ารู้มา ไม่ใช่ให้เจ้ามาแต่งเรื่องหลอกลวงข้า!”
เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนโกรธจนกระอักเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า สิ่งที่เขาพูดนั้นล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น จริงที่สุดแล้ว แต่ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครเชื่อเขา นอกเสียจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นจริง ๆ
เชียนอ้าวเซี่ยพยายามใช้ช่องว่างนี้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด “ทุกท่าน วันนี้เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนถูกโจมตีได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสติเลอะเลือนไป เกรงว่าเขาจะช่วยพวกท่านไม่ได้ เช่นนั้นมอบให้เป็นหน้าที่หอเชียนอินของข้าจัดการเถอะ พวกท่านมาจากสำนักนิกายระดับสอง คงจะมีค่าตอบแทนให้ข้าไม่น้อย!”
คนของฝ่ายสู้รบเหล่านี้กล่าว “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน พวกข้าไม่ใช่เป็นเพียงสำนักระดับสองเท่านั้น แต่ยังเป็นสำนักนักปรุงยาอีกด้วย!”
ยาวิญญาณล้ำค่ามากแค่ไหน สำนักนักปรุงยาก็มั่งคั่งมากเท่านั้น!
“เป็นอันว่าตกลงตามนี้ ข้าจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวังแน่นอน!”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าเชียนอ้าวเซี่ยดึงดูดลูกค้าได้ดีมากทีเดียว
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวขึ้นต่อว่า “ในเมื่อเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนไร้ประโยชน์แล้ว อีกอย่างเขาก็เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของข้าด้วย เช่นนั้นให้ข้าฆ่าเขาได้หรือไม่!” เชียนอ้าวเซี่ยขยับตัวคิดจะเข้าไปลงมือกับเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน
หากตาเฒ่านี้ยังมีชีวิตอยู่ ความลับของเสี่ยวซีเอ๋อร์อาจจะถูกเปิดโปงได้!
ตูม!
ทว่า คนของหุบเขาหมอเทวดาไม่ยอมให้เชียนอ้าวเซี่ยลงมือฆ่าเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนได้ อีกทั้งยังขัดขวางการลอบโจมตีของเขาอีกด้วย!
เชียนอ้าวเซี่ยร่นตัวถอยหลังไปถึงมู่เฉียนซี เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวถามว่า “มีแค่หอเชียนอินของข้ามันยังไม่พออีกเหรอ ?”
พวกเขาจ้องมองเชียนอ้าวเซี่ย พวกเขาสงสัยมาตลอด ทันทีที่เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนพูดเช่นนั้นขึ้น เชียนอ้าวเซี่ยก็รีบร้อนที่จะฆ่าเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนทิ้ง ดังนั้นพวกเขาจึงเกิดความสงสัย!
ถึงแม้ว่าการไว้ชีวิตสวะไร้ประโยชน์ผู้นี้จะทำให้สิ้นเปลืองยาวิญญาณ แต่ก็ต้องปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปช่วงหนึ่งก่อน
ทันใดนั้นเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนก็ตะโกนดังก้องขึ้น “เป็นนาง นังเด็กผู้หญิงนั่นเป็นคนฆ่าคนของหุบเขาหมอเทวดา เพราะนาง เพราะนางแย่งชิงหม้อเทพนิรันดร์ไปจากคนของหุบเขาหมอเทวดา ตอนนี้หม้อเทพนิรันดร์ก็อยู่ในร่างของนาง!”
เมื่อครู่เป็นเพราะว่าคนของหุบเขาหมอเทวดาบอกว่ามาตามหาคน ดังนั้นเขาจึงได้ลืมเรื่องสำคัญนี้ไป เรื่องนี้ทำให้มู่เฉียนซีตายได้อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นมู่เฉียนซีกับเชียนอ้าวเซี่ยต้องซวยแน่
ในช่วงสำคัญเช่นนี้ความคิดของเขาก็ชัดเจนมากขึ้น ตราบใดที่เปิดเผยเรื่องนี้ออกไป ไม่ว่าคนเหล่านี้จะเชื่อหรือไม่ ก็ย่อมไม่เกิดผลดีต่อมู่เฉียนซีแน่!
.