ภายในระยะเวลาเพียงวันเดียว ได้ฝืนเพิ่มระดับขั้นพลังความสามารถของตนเองถึงสามครั้ง และแต่ละครั้งนั้นล้วนแต่เพิ่มขีดความสามารถข้ามระดับขั้นใหญ่ ๆ หากเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป เส้นลมปราณคงได้พิการเป็นแน่
ต้องขอบคุณหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ที่มอบยาสมบูรณ์แบบเช่นนี้ให้นาง มิเช่นนั้นแล้วนางคงมิอาจที่จะใช้มันอย่างฟุ่มเฟือยเช่นนี้ได้
“ผู้นำตระกูลมู่ เจ้า…” เพื่อที่จะช่วยหลินเอ๋อร์ มู่เฉียนซีได้ทำการเสียสละอีกครั้ง นั่นทำให้ชิวหลิงซาบซึ้งอย่างที่สุด
“จัดการเจ้าตัวประหลาดเฒ่านี่ก่อนก็แล้วกัน!” มู่เฉียนซีเปิดปากเอ่ย “มังกรวารีพิฆาต!” ชิวหลิงเองก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา นางลงมืออย่างโหดเหี้ยมไม่แพ้มู่เฉียนซี
ชายผู้นี้จับตัวบุตรชายนางไปเพื่อที่จะเอาเป็นไปเครื่องบูชายัญ ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจที่จะให้อภัยได้
— ครืน! —
“เพลิงเผาสวรรค์!”
เสี่ยวหงและอู๋ตี้นั้นก็ได้เริ่มการล้อมโจมตีเขา ถึงแม้ว่าเขานั้นจะเป็นยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิ แต่เมื่อต้องเชิญหน้ากับมู่เฉียนซีสตรีวิปริตที่สามารถต่อสู้ข้ามระดับขั้นได้ อีกทั้งยังเป็นการต่อสู้แบบสี่รุมหนึ่ง บัดนี้เขานั้นได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว — ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เข็มยาของมู่เฉียนซีไม่ได้อยู่นิ่งเฉย ทันทีที่เอื้อโอกาสให้นางเพียงเล็กน้อย นางก็ใช้พิษกับตาเฒ่าประหลาดผู้นั้นทันที!
— ปั้ก! —
ไม่นานนัก ตาเฒ่าประหลาดก็ถูกโจมตีเสียจนมึนงงไปหมด
“โฮก!”
“พวกน่าขยะแขยงอย่างพวกเจ้ารนหาที่ตายชัด ๆ! ใครก็อย่าได้คิดว่าจะหยุดยั้งข้าไม่ให้ขึ้นไปบนตำแหน่งเจ้าโลกนั่นได้” ตาเฒ่าประหลาดตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวโกรธ พลันพลังในการต่อสู้ของตาเฒ่าประหลาดก็แข็งแกร่งขึ้นมาอีกไม่น้อย “ทักษะตี้ซวน!” การโจมตีของมู่เฉียนซีเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
— ฟึ่บ! —
พวกเขานั้นสลับกันต่อสู้ไปมาในรูปแบบของค่ายกลอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยมียาเม็ดอยู่ในมือ จึงไม่กลัวว่าพลังวิญญาณนั้นจะถูกใช้หมดไป ดังนั้นแล้วจึงได้โจมตีเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
ด้วยความโกลาหลของรูปการณ์และพลังที่บ้าคลั่งของมู่เฉียนซี ทำให้นางสามารถจับความเคลื่อนไหวของเขาได้ นั่นทำให้ฝ่ายของพวกนางยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตาเฒ่าประหลาดเองก็นึกไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้ตัวเล็ก ๆ เพียงไม่กี่คนที่อยู่ตรงหน้า จะรับมือได้ยากเช่นนี้ เขากล่าว “แม่สาวน้อย เจ้าไม่อยากได้เจดีย์เทพหรืออย่างไร ? ข้าต้องการแค่เพียงกุญแจของเจดีย์เทพเท่านั้น ผลประโยชน์ในส่วนของเจ้าเองก็ไม่น้อยเลย เจ้าเด็กนั่นมีอะไรที่น่าช่วยเหลือกัน ?”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สำนักอวิ๋นเยียนของพวกเจ้านั้นถูกทำลายไปจนแทบหมดสิ้นแล้ว เจ้าเองที่เป็นอดีตเจ้าสำนักก็ไม่ควรที่จะมีชีวิตอยู่ อย่างไรเสียจะถอนหญ้า ก็ต้องถอนโคนด้วยมิใช่รึ ?”
“หึ ๆ! คิดที่จะถอนรากถอนโคน เช่นนั้นก็ต้องมาดูกันว่าเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่!”
ในที่สุดตาเฒ่าประหลาดก็ทนไม่ไหวแล้ว เดิมทีเขาหลงคิดว่าทวีปเซี่ยโจวไม่มียอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิ ตนเองนั้นอยู่ในระดับมหาจักรพรรดิคนแรกแล้วยังจะไปหวั่นกลัวผู้ใดได้อีก ทว่าเมื่อได้พบกับมู่เฉียนซีที่กินยาเพิ่มพลังได้ราวกับดื่มน้ำอย่างไม่รู้จบสิ้นนั้น ครั้งนี้เขารู้สึกว่าเขาพลาดเสียแล้ว “ทักษะเทียนซวน!”
การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของมู่เฉียนซี เวลานี้ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว
“อ๊ากกกก!” ครั้งนี้ตาเฒ่าประหลาดป้องกันด้วยแรงพลังทั้งหมดที่มี ทว่าทั้งตัวของตาเฒ่ากลับจมลงไปในดิน
— ตุบ! —
เขาล้มลงไปตรงรอยแยกระหว่างแผ่นดินและนอนแน่นิ่งราวกับปลาที่ตายไปแล้ว ทันใดนั้นเอง ชิวหลิงก็รีบวิ่งเข้าไปดูหลินเอ๋อร์ที่ถูกเขาปล่อยเอาไว้ที่ด้านข้าง ทว่าก็น่าเศร้า ไม่รู้ว่าหลินเอ๋อร์ถูกเขาใช้วิธีการอะไรทำให้หลับใหลไปไม่ยอมตื่นขึ้นมา มู่เฉียนซีเดินเข้ามาที่ข้างกายของตาเฒ่าประหลาดก่อนจะกล่าวขึ้น “เดิมทีเจ้าควรซ่อนตัวให้ดี ข้านั้นยังไม่รู้เลยว่าสำนักอวิ๋นเยียนของพวกเจ้ามีบุคคลอันดับหนึ่งเช่นเจ้าอยู่ ข้าไม่ได้คิดว่าเจ้ากลับออกมาก่อเรื่องวุ่นวาย อย่างไรเสียก็รีบไปที่ยมโลกซะเถอะ!”
“สาวน้อย ถึงแม้ว่าข้าจะต้องตายกลายเป็นภูตผี ข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าไปหรอก”
“ช่างน่าขันสิ้นดี ข้าเป็นหมอปีศาจ จะกลัวผีได้อย่างไร ?”
ขณะที่ตาเฒ่าบ้านั่นกำลังจะสิ้นลมหายใจไป พลันมีพลังมืดบางอย่างเข้ามาใกล้ร่างของมู่เฉียนซี!
— ปัง! —
มู่เฉียนซีรีบหลบไปที่ด้านข้างในทันใด
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เงาร่างสีขาวหลายเงาปรากฏตัวขึ้น พวกนั้นมองมู่เฉียนซีแล้วกล่าวขึ้น “พวกเราพบกันอีกแล้ว” หุบเขาหมอเทวดามียอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิเพียงไม่กี่คน แต่กลับมากันพร้อมหน้าพร้อมตา รวมถึงผู้นำที่สามของฝ่ายสู้รบด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “หึ! ดูเหมือนว่าพวกเจ้าช่างกล้านัก ยังกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก”
เจ้าสำนักเฒ่าร้องตะโกนขึ้น “ขอให้ทุกท่านโปรดช่วยข้า! ช่วยข้า… ขอเพียงแค่พวกท่านช่วยข้า เจดีย์เทพก็เป็นของพวกท่านแล้ว”
สายตาอันคมกริบของผู้นำที่สามของฝ่ายสู้รบตกไปยังมู่เฉียนซี “แม่สาวน้อย เจ้าอย่าได้ขู่พวกเราให้กลัว ถ้าหากว่าท่านผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นอยู่ข้างกายคอยปกป้องเจ้า เจ้าก็คงจะไม่ต้องกินยาลับนั่นเข้าไปอีกครั้ง”
“วันหนึ่ง ๆ กินเข้าไปหนึ่งครั้งก็อันตรายมากพอแล้ว เจ้ากินอย่างต่อเนื่องไปมากมายเช่นนั้น ถ้าหากมิใช่เพราะเจ้าไม่มีไพ่ตายใบอื่นแล้ว เจ้าก็คงไม่ทำเช่นนั้นเป็นแน่ และถ้าหากท่านผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นอยู่ด้วยก็คงจะไม่ยอมให้เจ้าทำลายคุณสมบัติของตนเองอย่างที่เจ้ากำลังทำอยู่” การฝืนบังคับเพิ่มพลังให้ตนเองนั้น หากจะกล่าวว่ามันไม่มีผลข้างเคียงใดเลย พวกเขาก็คงจะไม่เชื่อ อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นนักปรุงยา แน่นอนว่าพวกเขามีความรอบรู้ในเรื่องยาเป็นอย่างมาก
การใช้ยาอย่างต่อเนื่องไปถึงสามเม็ดแล้วไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด ยาเช่นนั้นไม่มีอยู่ในใต้หล้านี้อย่างแน่นอน
“พวกเจ้าแน่ใจจริง ๆ หรือ ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วถาม
“นั่นมันแน่นอน เจ้าเองก็ไม่ต้องทำการดิ้นรนอะไรที่มันไร้ประโยชน์ เจ้าก็รู้ว่าพวกเขานั้นฆ่าเจ้าไม่ลง”
มือของมู่เฉียนซีกุมกระบี่มังกรเพลิงเอาไว้แน่น “ฮูหยินชิว รีบพาหลินเอ๋อร์ไปจากที่นี่เร็ว!” มาพบกับคนของหุบเขาหมอเทวดาเข้าที่นี่ สถานการณ์นั้นไม่ดีกับอวิ๋นฉีอย่างยิ่ง ชิวหลิงกล่าวขึ้น “ไม่! เจ้าต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะมาช่วยพวกเรา ข้านั้นไม่สามารถหนีไปคนเดียวได้”
“เจ้าไม่สนใจชีวิตตนเอง แล้วเจ้าไม่สนใจชีวิตของบุตรเจ้าหรืออย่างไร ? เป้าหมายของพวกเขาคือข้า พวกนั้นไม่ฆ่าข้าหรอก!”
ชิวหลิงมองบุตรชายของตนเองแล้วกัดฟันแน่น เพื่อบุตรชายของนาง ครั้งนี้นางจึงจำต้องเนรคุณเสียแล้ว
มู่เฉียนซีบอกให้ชิวหลิงไป แต่ทว่าคนของหุบเขาหมอเทวดากลับไม่ยอมให้นางออกไป
“เจ้าเด็กนี่ได้รับสิ่งสำคัญจากเจดีย์เทพ เขาเป็นบุตรแห่งเทพแล้ว เราจะให้นางไปไม่ได้ จับพวกมันไว้ด้วยกันเร็วเข้า” สีหน้าของมู่เฉียนซีหม่นลง “เป้าหมายของพวกเจ้าคือข้า เหตุใดถึงไปยุ่งกับพวกเขา ? ได้เจดีย์เทพเก่า ๆ เจดีย์หนึ่งมันเทียบกับหม้อเทพนิรันดร์ได้รึ ?”
“เจดีย์เทพสามารถสร้างยอดฝีมือออกมาได้ ส่วนหม้อเทพนิรันดร์นั้นก็สามารถปรุงยาที่วิเศษที่สุดอย่างยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบได้ ทั้งสองสิ่งล้วนแต่มีประโยชน์ของมัน พวกเราไม่ยอมที่จะปล่อยมันไปแม้แต่สิ่งเดียว” ผู้นำที่สามของฝ่ายสู้รบกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“พวกเจ้าช่างโลภมากจริง ๆ ไม่กลัวว่าจะกินไม่ได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียวแล้วจุกท้องตายหรืออย่างไร ?!”
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป อย่างไรเสียจัดการแม่สาวน้อยนี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
— ฟึ่บ! —
ทันใดนั้นผู้นำที่สามของฝ่ายสู้รบยื่นมือออกไปทางมู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว “ห้ามแตะต้องนายท่านข้า!” อู๋ตี้พุ่งออกมา เวลานี้มันกลายร่างเป็นใหญ่ยักษ์ขึ้นมาและขวางหน้าพวกเขาเอาไว้
“เพลิงเผาสวรรค์!”
“พวกมันมาอีกแล้ว สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่น่ารำคาญทั้งสองตัวนี้!” สีหน้าของผู้นำที่สามของฝ่ายสู้รบหม่นคล้ำ ปากก็รีบเรียกให้ผู้อื่นลงมือ
— พรึ่บ! —
มู่เฉียนซีถูกล้อมเอาไว้
“ถึงต่อให้เจ้าสามารถต่อกรได้สักหนึ่งคน แต่หากพวกเราทั้งหมดเข้ารุมเจ้าพร้อมกัน เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา!” ท่ามกลางความว่างเปล่า เครื่องกลไกวิญญาณรู้สึกโกรธอย่างที่สุด “เจ้าเฒ่าตั้งหลายคนพวกนี้รังแกเด็กสาวเพียงคนเดียว เกินไป… เกินไปจริง ๆ! ทนดูไม่ได้! ข้า… ข้า…”
— ปัง! —
— พรวด! —
เมื่อพวกเขาเริ่มปะทะกัน เพียงแค่สองกระบวนท่าเท่านั้น มู่เฉียนซีก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
หากสู้กันแบบตัวต่อตัว มู่เฉียนซีสามารถสู้กับยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิได้ แต่ทว่าตอนนี้… นางต้องเผชิญกับระดับมหาจักรพรรดิสี่ถึงห้าคน
นางจนปัญญาอย่างแท้จริง
“จะให้ข้าช่วยเจ้าหรือไม่เล่า ?! แต่ทว่าทันทีที่ข้าช่วยเจ้า…” เสียงของเครื่องกลไกวิญญาณดังลอยมาซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันกำลังลังเลอะไรบางอย่าง
.