พลังนี้แผ่กระจายออกไป ทําให้กุ่ยมู่ที่พัวพันกับจิ่วเยี่ยในเวลานี้แผ่กลิ่นอายบ้าคลั่งทันที
“อ๊าก! พลังนี้ ต้นกําเนิดภูตสูงสุด พลังราชันภูต คาดไม่ถึงว่าข้าจะมาเจอเอาที่นี่”
เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตเขาก็ต้องการ พลังราชันภูตเขาก็ต้องการเช่นกัน เมื่อได้รับพลังราชันภูตแล้ว เขาจะสามารถกลายเป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดในโลกแห่งภูตได้ หลังจากนั้นก็จะใช้ชีวิตเพื่อควบคุมโลกทั้งโลก
“ตาย!” ดาบสีดําสนิทราวกับน้ำหมึกกระหายเลือดถูกจิ่วเยี่ยชักออกมา
กุ่ยมู่เพิ่งรู้ว่าชายผู้นี้ที่ต่อสู้กับเขา ตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่ได้หยิบอาวุธใดออกมาเลย จนตอนนี้เขาใช้อาวุธแล้ว
ดาบเล่มนี้สีดําบริสุทธิ์และคมอย่างไร้ที่เปรียบ เขาไม่เคยเห็นดาบเล่มนี้มาก่อน แต่ในลําดับดาบใด ๆ มันต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เขารู้เพราะอาวุธที่ไม่ใช่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางแผ่กลิ่นอายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้
เงาดาบเป็นประกายวาววับ และในพริบตา ดาบเก้าสิบเก้าเล่มก็พุ่งออกมาตัดกุ่ยมู่ออกเป็นแท่งไม้สีดํา
— ตูม! —
เวลานี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยลมและเมฆ กุ่ยมู่หัวเราะเสียงเย็นก่อนจะกล่าวว่า “เด็กน้อย อย่าคิดว่าเจ้าจะชนะข้าได้นะ” สิ้นเสียงขู่ขวัญ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก่อตัวขึ้นในร่างของเขา ขณะนั้นเอง ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาก็กางใบไม้สีดําออกมาและล้อมรอบมันไว้
“ข้าจะแสดงพลังที่ข้าบำเพ็ญมาเป็นเวลาแสนปีถึงได้พลังนี้มาให้เจ้าได้ยล เจ้าหนู มาดูกันว่าเจ้าจะสามารถทนได้หรือไม่!”
ขอเพียงได้รับพลังราชันภูต อย่าว่าแต่หนึ่งแสนปีเลย ต่อให้ต้องเสียอายุขัยไปหนึ่งล้านปี เขาก็สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ ทุกอย่างล้วนคุ้มค่า!
— ตูม! —
ฉับพลันทันใดเงาดาบนับไม่ถ้วนวาบผ่านและไม่สามารถทําลายต้นไม้ต้นนี้ได้ มันเพิ่มความแข็งแกร่งและพลังป้องกันรอบนอกโดยสมบูรณ์ ตอนนี้พลังนี้ไม่สามารถฆ่าเขาได้
สายตาของจิ่วเยี่ยเริ่มลุ่มลึกขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนั้นเอง มู่อวู่ซวงก็กระอักเลือดออกมา
“พรวด!”
เลือดที่พ่นออกมานั้นเป็นสีดํา!
มู่เฉียนซีรู้สึกกังวลอย่างมาก เมื่อครู่ท่านอาเล็กใช้พลังที่แปลกประหลาดนั้นเพื่อระงับพิษที่ไม่สามารถระงับได้
ชายชุดดําเหล่านี้ได้สติกลับคืนมา หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “แม้ว่าคนผู้นี้จะมีกลิ่นอายที่ทรงพลัง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นขยะไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังเจ็บป่วย พวกเราไม่จําเป็นต้องกลัว”
“อย่าเพิ่งประมาทไป คุมพวกเขาทั้งสองไว้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ขณะที่พวกเขากําลังจะลงมือ ดาบเล่มหนึ่งก็ตัดไปที่เอวของคนหนึ่งในนั้น
— ปัง! —
จิ่วเยี่ยปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉียนซี จัดการด้านนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วที่เหลือค่อยจัดการต่อ
สีหน้าของชายชุดดําเหล่านี้เปลี่ยนไป ชายผู้นี้เก่งพอ ๆ กันกับท่านกุ่ยมู่ของพวกเขา ต่อให้พวกเขาทั้งหลายร่วมมือกัน ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้
ประวิงเวลา! ต้องถ่วงเวลาให้นานขึ้น ขอเพียงยืดเวลาให้ท่านกุ่ยมู่ได้รับพลังอันทรงพลังนี้แล้ว คนเหล่านี้จะต้องตายอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “จิ่วเยี่ย ไม่ว่าอย่างไรขอให้เจ้าหยุดพวกเขาไว้ให้ได้ อย่าให้พวกเขาเข้าใกล้ข้าได้ ตอนนี้ข้ากำลังจะปรุงยาแก้พิษให้ท่านอาเล็ก ข้ามิอาจรอได้แล้ว”
ตอนนี้นั้นไม่ใช่เวลาที่ดีในการปรุงยาเลย และคนชุดดําทั้งหลายตรงหน้านี้ก็ไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยได้ง่าย อีกด้านหนึ่งนั้นยังมีต้นไม้โบราณและตาเฒ่าประหลาดผู้หนึ่งที่กําลังสะสมพลังอยู่ ไม่รู้ว่าจะตอบโต้ได้เมื่อไหร่
แต่สถานการณ์ตอนนี้คับขันอย่างมาก ร่างกายของท่านอาในตอนนี้ไม่สามารถรอเวลาได้อีกต่อไปแล้ว
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
มู่เฉียนซีใช้ยาหลายชนิดกับมู่อวู่ซวง แต่สําหรับพิษโบราณนั่นแล้ว มันเหมือนดั่งน้ำน้อยที่แพ้ไฟ
จิ่วเยี่ยพยักหน้าเล็กน้อย เขากล่าวว่า “อืม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า”
— ตูม! —
ไม่พูดพร่ำทำเพลงต่อให้เสียเวลา จิ่วเยี่ยลงมือต่อสู้กับชายชุดดําเหล่านั้นทันที และจะไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้าใกล้มู่เฉียนซีได้
มู่เฉียนซีมองมู่อวู่ซวงแล้วกล่าวว่า “ท่านอา ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านเป็นอะไร เดี๋ยวจะต้องดีขึ้นแน่นอนเลยเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของมู่อวู่ซวงซีดเผือด พิษโบราณนั่นไม่ใช่เรื่องตลก
เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “อืม ข้าจะรอให้ซีเอ๋อร์รักษาข้าให้หาย”
มีเวลาไม่มากแล้ว มู่เฉียนซีเตรียมหม้อวิญญาณนิรันดร์ออกมาและเริ่มปรุงยา สมุนไพรวิญญาณที่จําเป็นทั้งหมดพร้อมแล้ว ไฟก็พร้อมแล้วเช่นกัน
พลังจิตของนางโคจรอย่างบ้าคลั่ง มันเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งในมิติวิญญาณสัตว์ และการปรุงยาก็ได้ผลเป็นอย่างมาก
โชคดีที่พลังจิตของนางแข็งแกร่งมาก ทําให้ความเร็วในการปรุงยาของนางเร็วขึ้นหลายเท่า นางสามารถใช้ความรวดเร็วนี้สกัดกลั่นยาแก้พิษออกมาได้สำเร็จ
— ตูม! —
การต่อสู้และอันตรายรอบ ๆ ตัว มู่เฉียนซีไม่สนใจเลย สิ่งเดียวที่นางต้องทําในตอนนี้คือสกัดกลั่นยาแก้พิษให้สําเร็จเพื่อท่านอา
เมื่อสมุนไพรวิญญาณหลักอย่างดอกเก้าพิฆาตลึกลับถูกใส่ลงไปในหม้อวิญญาณนิรันดร์ มู่เฉียนซีก็พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการหลอมเม็ดยา
— ปัง! ปัง! ปัง! —
คนชุดดําเหล่านี้ สำหรับจิ่วเยี่ยแล้วนั้นไม่ใช่เรื่องยากลำบากแต่อย่างใด แต่ละคนถูกเขาสังหารอย่างง่ายดาย แต่ที่อันตรายที่สุดก็คือกุ่ยมู่ผู้ที่บำเพ็ญพลังอย่างต่อเนื่อง
— ตูม! —
กุ่ยมู่ยังไม่ทันได้พลังมาต่อกรกับจิ่วเยี่ย พื้นที่โดยรอบกลับปรากฏรอยร้าวขึ้นมา เงาร่างทั้งหลายร่างเดินออกมาจากรอยแยกนั้น พวกเขามองไปยังจิ่วเยี่ยด้วยแววตาเป็นประกายและกล่าวว่า “ท่านจิ่วเยี่ย นายท่านของพวกเราสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเจ้าในมิตินี้จึงมาตรวจสอบ แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่จริง ๆ”
“ฮ่า ๆ ๆ ในโลกใบนี้ พลังของเจ้าถูกควบคุมอยู่หลายต่อหลายครั้ง กอปรกับคําสาปนั้น ท่านจิ่วเยี่ยในตอนนี้คงทําได้เพียงปล่อยให้พวกเรากดขี่ข่มเหงเท่านั้น”
อีกคนหนึ่งก็หัวเราะพลางกล่าวสำทับ “ฮ่า ๆ ๆ ใช่แล้ว หากว่ากลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้ารู้ว่าเจ้าตกอยู่ในที่นี้ เกรงว่าพวกเขาคงละอายใจจนอยากฆ่าตัวตายไปเลยทีเดียว!”
จิ่วเยี่ยมองพวกเขาด้วยแววตาเย็นชาก่อนจะกล่าวว่า “พวกเจ้ามารนหาที่ตาย ก็อย่าได้มัวกล่าววาจาไร้สาระมากความกับข้า!”
อาถิงหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ ศัตรูเก่าของเจ้าสารเลวนี่มาหาเรื่องแล้ว ทางที่ดีควรตายไปซะ”
คนเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าคนเหล่านั้นที่อยู่ข้างหน้า อาถิงเฝ้ามู่เฉียนซีอย่างระมัดระวัง เขาจะไม่ปล่อยให้ศัตรูเก่าของบุรุษชุดดำเลว ๆ นั่นเข้ามารบกวนการปรุงยาของนางเด็ดขาด หากการปรุงยาล้มเหลว ความพยายามที่นางได้ทุ่มเทไปทั้งหมดก็จะสูญเปล่า และหากมู่อวู่ซวงตายไป ใจของหญิงผู้นี้จะต้องสลายอย่างแน่นอน
ต้องขอบคุณการฝึกฝนของตาเฒ่าประหลาดก่อนหน้านี้ มู่เฉียนซีจึงสามารถปรุงยาได้ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย และในเวลาเดียวกันก็สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของจิ่วเยี่ยไปด้วย
ศัตรูเก่าของจิ่วเยี่ยมาถึงแล้ว ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้น่ากลัวมาก เมื่อรวมกับคําสาปนั้น สถานการณ์ในตอนนี้ก็ดูไม่ดีนัก นางต้องรีบหลอมยาออกมาให้สําเร็จ คิดได้ดังนั้น พลังจิตของมู่เฉียนซีเริ่มโคจรอย่างบ้าคลั่ง
“ท่านจิ่วเยี่ย เจ้าทำได้เพียงยับยั้งพลังของตนเองไว้แค่เพียงขั้นนี้ ยังมีอะไรให้โอหังอีก วันนี้เราจะนำหัวของเขาไปให้นายท่านของเราเพื่อรับเอาความดีความชอบมา”
“ใช่!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
จิ่วเยี่ยที่ผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มาสองรอบ ต้องต่อสู้กับศัตรูเหล่านี้อีกครั้ง แม้ว่าพลังของเขาจะถูกกดทับไว้จนอ่อนแอ แต่อำนาจของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกกระจอกจะมายั่วยุได้
คนเหล่านี้จะต้องตายอย่างมิต้องสงสัย
— ปัง! —
พวกเขาคิดที่จะจับจิ่วเยี่ย ช่างเป็นความคิดที่เพ้อเจ้อเสียจริง
ทว่าในเวลานี้ ใบไม้สีดําที่ห่อหุ้มกุ่ยมู่อยู่นั้นก็ได้กระจายออกไป เขาฉวยโอกาสในขณะที่จิ่วเยี่ยกําลังต่อสู้กับคนเหล่านั้น พุ่งไปยังทิศทางของมู่เฉียนซีและมู่อวู่ซวง
.