มู่เฉียนซีที่เพิ่งปรุงยามากมายเสร็จถูกจิ่วเยี่ยลากออกไป นางโวยวาย “จิ่วเยี่ย ข้าไม่มีอะไรติดค้างเจ้าแล้ว เจ้าจะมายุ่งวุ่นวายกับข้าไม่ได้แล้วนะ”
“ข้าคิดถึงเจ้า”
“คิดถึงก็ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าจะมามั่วซั่ว”
“แต่ข้าป่วย” จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีแน่น ดวงตาสีฟ้าจ้องลึกเข้าไปที่ใบหน้าของมู่เฉียนซี “ซี รักษาข้าด้วย”
ใบหน้าของมู่เฉียนซีหม่นคล้ำลงทันที “เสียใจด้วย ข้าไม่รับผู้ป่วยอย่างเจ้า มาทางไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้น ลาก่อน”
แต่การปฏิเสธการรักษากลับไม่ได้ผล จิ่วเยี่ยบีบบังคับให้มู่เฉียนซีรักษาเขา เพียงแต่ว่าเขายังสามารถควบคุมตนเองได้ก็เท่านั้น
แม้ว่าจะอยากเอาอาหารอร่อย ๆ อย่างนางมากลืนกินลงท้อง แต่เขาก็จะไม่ยอมให้ตัวเองทําร้ายนางเด็ดขาด
ทุกสิ่งอย่างบนร่างกายนาง เขาเพียงคนเดียวก็พอแล้วที่จะแบกรับไว้
“นี่เยี่ยอ๋อง เจ้าแน่ใจรึว่าเจ้ากําลังรักษาโรคอยู่ ไม่ใช่ว่าถือวิสาสะเพิ่มอาการป่วยอีกหรือ ?” มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่าสายตาของจิ่วเยี่ยเริ่มอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงกล่าวออกไปอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ข้าคิดถึงเจ้า”
อยากกลืนกินแต่มิอาจกลืนกินได้ ความทรมานเช่นนี้ช่างยากที่จะอดทนได้อย่างแท้จริง
มู่เฉียนซีกอดจิ่วเยี่ยไว้ นางกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ข้าขอปรึกษาอะไรหน่อย”
จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซีและรอนางพูดต่อ
“อืม อาการป่วยของเจ้ารักษายากกว่าที่คิดไว้เสียอีก ดังนั้นค่ารักษาของเจ้าจึงมิใช่ราคาถูก ดังนั้น…” “เมื่อถึงเวลา ทุกสิ่งอย่างของข้าล้วนเป็นของเจ้า พอใจหรือยัง ?”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย นางยังพูดไม่ทันจบ เขาก็รีบกล่าวขึ้นต่อเสียจนจบเรื่องแล้ว
“หากว่ายังไม่พอ ข้าจะทำสงครามกับทั้งใต้หล้าเพื่อเจ้าและมอบทุกอย่างที่กวาดล้างได้มาให้กับเจ้า” จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “อืม ความจริงแล้วสิ่งที่ข้าต้องการไม่ได้มากมายเช่นนั้นหรอก จิ่วเยี่ย เจ้าดูน่ารักเช่นนี้ ข้ามีเจ้าก็เพียงพอแล้ว”
จิ่วเยี่ยตกตะลึง สีหน้าที่เย็นชาของเขาเหมือนจะละลายไปก็มิปาน และใบหน้านั้นมันแฝงไปด้วยความสุขอย่างบาง ๆ
“มีซีอยู่ ข้าก็เพียงพอแล้วเช่นกัน…”
การที่มู่เฉียนซีกําลังจะออกจากทวีปเซี่ยโจว ข่าวที่ได้ปล่อยออกไปสู่ภายนอกก็คือผู้นําตระกูลมู่เก็บตัวฝึกบำเพ็ญตน และหมอปีศาจก็เก็บตัวฝึกบําเพ็ญตบะ
ตอนนี้รากฐานของตระกูลมู่มั่นคงแล้ว ต่อให้เก็บตัวเป็นเวลาสองหรือสามปีก็ไม่มีใครทำให้อำนาจของตระกูลมู่และอิทธิพลของหอหมอปีศาจในทวีปเซี่ยโจวสั่นคลอนได้
หลังจากเก็บของจําเป็นเสร็จแล้ว มู่เฉียนซีก็เตรียมตัวที่จะออกจากแคว้นจื่อเยี่ย ทันใดนั้นเยวี่ยเจ๋อรีบวิ่งตามมา เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีกําลังจะออกไป หัวใจของเขาก็รู้สึกหนักอึ้งเต็มที เวลานี้พี่ใหญ่ของเขากําลังจะจากไปแล้ว
เยวี่ยเจ๋อ “พี่ใหญ่ ข้าจะส่งท่านออกจากประตูเมืองเอง” “อืม” มู่เฉียนซีตอบเพียงสั้น ๆ
ทันใดนั้น อากาศโดยรอบพลันเย็นยะเยือกขึ้นมา เยวี่ยเจ๋อรู้ได้ทันทีความเยือกเย็นนี้มาจากใคร แต่ถึงอย่างไรเขานั้นก็ถูกแช่แข็งจนชินแล้ว
ยังไม่ทันได้มาถึงประตูเมือง ก็เห็นเงาร่างสีขาวเงาหนึ่งเดินออกมา ดูลอยละล่องราวกับสายลมและงดงามดั่งดวงจันทร์สว่างไสว
“ชิงอวิ๋น!”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นมองมู่เฉียนซีพลางกล่าวขึ้นว่า “ข้าได้ข่าวว่าเจ้ากําลังจะจากไป แต่ข้าไม่คิดเลยว่าจะเร็วเช่นนี้”
มู่เฉียนซี “ทวีปเซี่ยโจวมันเล็กเกินไป ยาที่ต้องการก็ไม่มี สิ่งของที่ต้องการก็ไม่มี คนที่อยากพบก็ไม่อยู่ ข้าจำต้องจากไป หากมิใช่เพราะเช่นนี้ ข้าก็คิดว่าการอยู่ที่จวนตระกูลมู่ ปรุงยาเพื่อสั่งสมความเครารพนับถือนั้นมันก็ดียิ่งนัก” ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวว่า “ตระกูลมู่อยู่ที่นี่ เจ้าจะกลับมาแน่นอน ใช่หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีพยักหน้า “นั่นมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว”
“อืม เอ้อ วันนี้ที่ข้ามา มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องการจะบอกเจ้า เป็นเรื่องเกี่ยวกับกระบี่มังกรเพลิง” ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวเสียงเรียบ
“กระบี่มังกรเพลิงทำไมหรือ ?”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวตอบ “จากการวิเคราะห์ความทรงจําที่ข้าได้รับมา กระบี่มังกรเพลิงมีเพียงปลายกระบี่ที่ทรงพลัง เช่นนั้นแล้วจะต้องเอาตัวกระบี่มารวมไว้ด้วยกัน เฉียนซี ถ้าหากว่าเจ้าสามารถหาตัวกระบี่ได้ กระบี่มังกรเพลิงจะแข็งแกร่งขึ้นและมีประโยชน์ต่อเจ้ามากขึ้น น่าเสียดายที่แม้แต่อาจารย์ยังไม่มีโอกาสได้ตัวกระบี่ เฉียนซีเจ้าฝึกฝนอยู่ด้านนอก เจ้าสามารถหาตัวกระบี่ได้” มู่เฉียนซีพยักหน้า “ชิงอวิ๋น ขอบคุณที่เตือนข้า ข้าจะจำไว้ให้ดี”
เพียงแค่มีปลายกระบี่ พลังนั้นก็มีความสามารถพอที่จะทำให้การต่อสู้ของนางก้าวกระโดดจนสามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ หากเป็นกระบี่ที่สมบูรณ์ พลังการต่อสู้ของนางจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างคาดไม่ถึงแน่นอน
“วันนี้เฉียนซีจะไปแล้ว ข้าจะส่งเจ้าถึงประตูเมือง” ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวขึ้นมาอีก
“ได้เลย” มู่เฉียนซีตอบรับพลางยิ้ม
ขณะที่ทั้งสองสนทนากัน เวลานี้อารมณ์ของจิ่วเยี่ยเริ่มไม่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ‘…เจ้านี่ยังไม่ไปเจ้านั่นก็มาอีก ไม่จบไม่สิ้นกันเสียที’
เมื่อมาถึงประตูเมือง จิ่วเยี่ยก็ทำแทนมู่เฉียนซีและโค้งคำนับให้กับสองคนนั้น จากนั้นก็ได้พานางหายลับไปจากสายตาของสองคนนั้น บนกําแพงเมือง เงาร่างสีเหลืองสดใสเงาหนึ่งมองไปยังเงาสีดําที่หายวับไปตรงหน้าเขา แววตาฉายแววเศร้าหมอง
ตระกูลมู่อยู่ที่นี่ เขามักจะกลับมาเสมอ เขายังมีโอกาสให้ได้ลอบมองนางอยู่อีกหลายครั้ง
“ฝ่าบาท ลมแรงนัก ถึงเวลากลับวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม กลับวังเถอะ”
……
กลับมายังแคว้นเฉียนเซี่ยอีกครั้ง
มู่เฉียนซียังมีจุดสุดท้ายที่นางต้องจัดการ นางเอ่ยถามขึ้นมา “เสี่ยวชี เจ้ามีแผนอะไร ?”
ชายหนุ่มชุดดําผู้หนึ่งคุกเข่าลงตรงหน้ามู่เฉียนซีและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ตามนายท่านไป”
“เขตรอบนอกของทวีปเซี่ยโจว จากทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุดไปยังอีกทวีปหนึ่งนั้น ข้าไม่รู้ว่าจะต้องผ่านอะไรบ้าง ข้าไม่สามารถพาใครไปที่นั่นได้” “นายท่านโปรดออกคำสั่งด้วย” เสี่ยวชีกล่าวอย่างแข็งขัน
การลอบสังหารชนชั้นสูงของสํานักอวิ๋นเยียนทําให้เขาเติบโตและจัดการกับหออสูรทมิฬได้เสร็จสิ้น ความแค้นของเขาหมดแล้ว เขาได้ล้างแค้นไปแล้ว เวลานี้ในเมื่อไม่มีคําสั่งจากนายท่าน เขาก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ใด
มู่เฉียนซี “เจ้าอยู่ในทวีปเซี่ยโจว จัดระเบียบหอมืดให้กลายเป็นกองกําลังลับเพื่อปกป้องหอหมอปีศาจและตระกูลมู่ ข้าเขียนวางระบบทุกอย่างไว้แล้ว เสี่ยวชี เจ้าสามารถทําได้หรือไม่ ?” “ได้ขอรับ” เสี่ยวชีตอบอย่างไม่ลังเล
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
แคว้นเฉียนเซี่ยเป็นขุมกําลังเพียงหนึ่งเดียวของทวีปเซี่ยโจว เมื่อสํานักอวิ๋นเยียนไม่มีอยู่อีกต่อไป ตระกูลมู่ก็มีแคว้นเฉียนเซี่ยเป็นกำลังสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เมื่อรวมกับการจัดวางของนางแล้ว นางก็ไม่จําเป็นต้องกังวลทุกอย่างนี้อีกต่อไป
ได้เวลาออกจากทวีปเซี่ยโจวแล้ว!
เงาร่างสีขาวพุ่งเข้าไปในหอหมอปีศาจ เมื่อได้ยินว่ามู่เฉียนซีกําลังมา น่าหลานอวี้ก็ถึงกับนั่งไม่ติด ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่แค่ไหนก็ต้องวางลงให้ได้ น่าหลานอวี้เอ่ยถามออกมาว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้าจะไปแล้วรึ ?”
“ใช่ ข้าจะออกเดินทางไปแคว้นซูรื่อและออกทะเล”
น่าหลานอวี้รู้ทันทีว่าการที่มู่เฉียนซีรีบจากไปอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องสําคัญมากมายที่ต้องทําเป็นแน่แท้ เขายิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะกล่าวขึ้น “ซีเอ๋อร์ ครั้งนี้ออกไปไกล ข้าจะส่งเจ้าไปที่ชายหาดแล้วกัน”
ทว่าทันใดนั้นจิ่วเยี่ยดึงมู่เฉียนซีไว้ ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกเหลือบมองน่าหลานอวี้พลางพูดเสียงเย็นชาว่า “ไม่ต้อง”
รอยยิ้มบนใบหน้าของน่าหลานอวี้ยังคงเหมือนเดิม “หึ ๆ ข้ารู้ว่าซีเอ๋อร์จะตอบตกลง” แต่ปรากฏว่าจิ่วเยี่ยกลับพามู่เฉียนซีจากไปโดยไม่พูดจา เหอะ! คิดจะไปส่งนาง ตามเขาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน
จิ่วเยี่ยนั้นรวดเร็วอย่างมาก แม้แต่สัตว์วิญญาณที่เร็วที่สุดในหอการค้าอันดับหนึ่งก็ไล่ตามไม่ได้ น่าหลานอวี้จึงทําได้เพียงมองเงาดํามืดนั้นที่หายวับไปอย่างรวดเร็ว
ต้องยอมรับเลยว่าชายผู้นี้แข็งแกร่งอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็นําอันตรายมาสู่ซีเอ๋อร์มากมาย น่าหลานอวี้เป็นห่วงมาก แต่ไม่ว่าเขาจะกังวลอย่างไร ตอนนี้เขาทําได้เพียงเฝ้าอยู่ในทวีปเซี่ยโจวและรอให้ซีกลับมาเมื่อทวีปเซี่ยโจว ตระกูลมู่ และหอหมอปีศาจเรียบร้อยดี
……
คลื่นทะเลตีกระทบชายฝั่งอย่างบ้าคลั่ง
จิ่วเยี่ยวางร่างมู่เฉียนซีลง และเรือเดินสมุทรก็ได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว เขาอุ้มมู่เฉียนซีไปยืนอยู่ที่บนดาดฟ้าของเรือ สายตาก็มองไปยังทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“ข้ามาแล้ว” เขากล่าว