ในตอนนี้เอง โม่จิ่นกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “ในฐานะผู้อาวุโสของตําหนักโม่อวี่ ข้าสามารถเพิ่มแขกกิตติมศักดิ์ต่างแดนให้กับตําหนักโม่อวี่ได้ แม่นางมู่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตําหนักโม่อวี่ การที่นางเข้าไปในจวนชางไห่ พวกเจ้าหอชิงลั่วจะเข้าไปยุ่มย่ามอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้”
“ถ้าหากว่าพวกเจ้าจะโกรธเกรี้ยวไม่เห็นด้วย เช่นนั้นก็อยู่ข้างนอก ข้าไม่ติดขัดอะไรหรอกนะ” โม่จิ่นกล่าวอย่างยั่วยุ สายตานิ่งสงบมองไปทางชิงซ่าน
โม่จิ่นต้องการที่จะปกป้องแม่นางมู่ให้ถึงที่สุด แต่ด้วยเจ้าเด็กนั่นมีพลังความสามารถที่พอประมาณกันกับเขา ทั้งยังกล้าท้าทายเขา เขาจึงเกลียดมันนัก!
“ข้าขอท้าประลองกับเจ้า!”
ในเวลานี้เอง ชิงฮุ้ยผู้ซึ่งคลานออกมาจากท้องทะเลถูกมู่เฉียนซีทำให้โกรธกรุ่นจวนจะระเบิดออกมา เมื่อครู่นางประมาทเกินไป นางจะต้องล้างอายในคราวก่อนหน้านี้ให้ได้ นางเป็นถึงคุณหนูรองแห่งหอชิงลั่ว จะสู้กับสาวน้อยผู้หนึ่งไม่ได้ได้อย่างไรกันเล่า ?!
มู่เฉียนซีมองคุณหนูรองด้วยใบหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มก่อนจะกล่าวขึ้น “ถูกข้าโจมดีลอยกระเด็นไปในกระบวนท่าเดียวอย่างนั้น ก็ยังกล้าท้าสู้กับข้าอีก ความกล้าของเจ้านั้นไม่เลวเลย”
นี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรกล่าวออกมา นั่นทำให้ชิงฮุ้ยหน้าเขียวขึ้นมาทันที “เมื่อครู่นี้เจ้าลอบโจมตีข้า เจ้ามันไร้ยางอาย ในการต่อสู้ที่แท้จริง เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก”
นางนั้นเป็นอัจฉริยะแห่งหอชิงลั่ว แม่สาวน้อยที่มาจากไหนก็มิทราบผู้นี้ อายุน้อยกว่านางถึงสองปี ถ้าหากว่าต่อสู้กันอย่างตรงไปตรงมา แม่สาวน้อยตาดำ ๆ นี่จะต้องแพ้อย่างน่าอนาถเป็นแน่ โม่จิ่นกลับรู้สึกเห็นใจคุณหนูรองผู้ที่โง่เขลาไม่เลือกเวลาเสียแล้ว ท้าใครสู้มิว่า ดันมาท้ามู่เฉียนซีที่สามารถต่อสู้ข้ามระดับขั้นได้อย่างง่ายดายเหมือนกับกรอกน้ำเย็นลงคอ
การทารุณกรรมตัวเองไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น!
“เหอะ ๆ แต่ข้าไม่ได้อยากสู้กับเจ้าเลยสักนิด มันสิ้นเปลืองแรงเปล่า” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้าน
“เจ้ากลัวข้าล่ะสิ!” ชิงฮุ้ยกัดฟันกล่าวเย้ย
“ใช้การยั่วยุก่อศึก ต่ำช้านัก!” มู่เฉียนซีมองสตรีชุดแดงตรงหน้าที่กำลังงี่เง่าอยู่ ชิงฮุ้ยรีบกล่าว “ไม่รู้ล่ะ ยังไงวันนี้ข้าจะต้องได้ประลอง”
มู่เฉียนซีโบกมือ “อืม ๆ ๆ เห็นแก่การที่เจ้ามีความตั้งใจอันน่ายกย่อง ประลองก็ประลอง แต่ข้าล่ะสงสัยจริงว่าหากชนะเจ้าแล้วข้าจะได้ประโยชน์อันใด ?”
“เจ้าต้องการอะไรล่ะ ?”
“ได้ยินมาว่าพวกเจ้ามาจากสำนักนิกายระดับหนึ่ง เวลาออกไปนอกสำนัก พวกเจ้ามักจะพกสมุนไพรวิญญาณติดตัวไปด้วยไม่น้อย ถ้าหากว่าเจ้าแพ้ จงส่งมอบสมุนไพรวิญญาณของพวกเจ้าชาวหอชิงลั่วให้แก่ข้าเป็นเช่นไร ?”
ชิงฮุ้ยเมียงมองผู้อาวุโสที่สองก่อนจะกล่าวตอบ “เรื่องนี้ข้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ”
ชิงซ่าน “แม่นางมู่ เจ้าเดิมพันใหญ่ไปหน่อยแล้ว เด็กน้อยทะเลาะกันเพียงเอาเครื่องประดับวางเดิมพันก็พอแล้ว”
“เครื่องประดับเรอะ ? หึ ๆ” มู่เฉียนซีหัวเราะเย้ยหยัน “เป็นถึงสำนักนิกายระดับหนึ่งแต่กลับอับจนข้นแค้นขนานหนัก ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาเสียจริง”
— พรึ่บ! —
มู่เฉียนซีนำยาเม็ดจำนวนไม่น้อยออกมากอง ตั้งแต่ยาระดับหนึ่งถึงระดับแปด ยาอะไรที่ควรมีก็มีอยู่ในนั้นทั้งหมด “ถ้าหากว่าข้าแพ้ ยาทั้งหมดนี้ก็จะเป็นของพวกเจ้า พวกเจ้ายินยอมที่จะเดิมพันหรือไม่ ?” “ยาเม็ด! นั่นยาเม็ดระดับแปดก็มีรึ ?”
“เอ่อ เมื่อเทียบกับยาเม็ดเหล่านี้แล้ว สมุนไพรวิญญาณที่พวกเรานำติดตัวมาด้วยเหล่านั้น ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย”
“นาง… นำยาเม็ดติดตัวมาด้วยมากมายเช่นนี้… ปะ… เป็นไปได้อย่างไร ?”
เหยื่อล่อที่มู่เฉียนซีปล่อยออกมานั้นดึงดูดใจคนอย่างแน่แท้ นั่นทำให้พวกเขาไม่มีความกล้าที่จะปฏิเสธมัน
ใบหน้าสงบนิ่งของโม่ซางคงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในทวีปเสียโจว สตรีที่กล้านำเอายาเม็ดมากมายเช่นนี้ออกมาเดิมพัน เกรงว่าคงจะมีแค่หญิงผู้ที่อยู่ตรงหน้านางนี้เท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้อาวุโสที่สอง คุณหนูรอง สรุปแล้วพวกท่านจะเดิมพันหรือไม่ ?”
“เดิมพัน…”
“เดิมพันสิ เดิมพันแน่นอน” ชิงฮุ้ยยังไม่ทันที่จะได้ตอบออกมาจนจบประโยคก็ถูกผู้อาวุโสที่สองชิงซ่านแย่งตอบเสียก่อน
“ในเมื่อแม่นางใจกว้างดุจดั่งมหาสมุทร ถึงแม้ว่าหอชิงลั่วของพวกเราจะมิใช่สำนักนิกายระดับสอง แต่สำหรับเหล่าสำนักนิกายระดับหนึ่งแล้ว กำลังความสามารถของพวกเรานั้นก็ถือว่าดีเป็นอย่างมากทีเดียว การเดิมพันเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ หากเราไม่ตอบตกลงละก็ เกรงว่าคงจะทำให้ผู้อื่นคิดว่าพวกเรานั้นตระหนี่ถี่เหนียวได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็ดี! หากข้าแพ้ของพวกนี้เป็นของพวกเจ้า ถ้าหากว่าข้าชนะ พวกเจ้าต้องส่งมอบสมุนไพรวิญญาณที่ติดตัวพวกเจ้าทั้งหมดให้แก่ข้า”
“ฮ่า ๆ ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าการมาที่เกาะใต้ในครั้งนี้จะได้เจอเรื่องดี ๆ หรือว่าข้าควรเข้าร่วมด้วยดีล่ะ ?” นายน้อยแห่งสำนักเทียนกังหัวเราะเสียงดัง เมื่อครู่พวกเขานั้นได้ยืนดูเหตุการณ์ที่กำลังสนุกอยู่ด้านข้าง มาตอนนี้เมื่อเห็นยาเม็ดแล้วก็แทบจะอดรนทนไม่ได้
นายน้อยแห่งสำนักเทียนกังมีรูปลักษณ์ธรรมดาทั่วไป ความสูงก็จัดอยู่ในหมวดปกติแต่เขาสูงกว่ามู่เฉียนซีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผิวหน้าของเขาเจือด้วยสีเหลืองซีดดูแล้วแปลก ๆ มู่เฉียนซีเพียงมองครั้งเดียวก็รู้เลยว่าเขานั้นเป็นพวกที่จมปลักอยู่ในไหสุรา
เมื่อจะโดนแบ่งก้อนขนมไป ชิงซ่านอารมณ์ไม่ดีในทันควัน
เทียนฉีกล่าวขึ้น “ทุกคนจะลงเดิมพันด้วยกัน คาดว่าสำนักชิงลั่วนั้นคงจะไม่ตระหนี่ถี่เหนียวใช่หรือไม่ ?”
“แน่นอน” ชิ่งซ่านกล่าวอย่างหดหู่ใจ สายตาของเทียนฉีตกทอดมายังร่างของมู่เฉียนซี เขายิ้มก่อนจะกล่าวขึ้น “สาวน้อย ถึงแม้ว่าเจ้าจะงามเสียจนมิอาจหาผู้ใดเทียบได้ในใต้หล้า แต่ทว่าเจ้านั้นยังอายุน้อยนัก เช่นนั้นแล้วข้าจึงขอใช้สมุนไพรวิญญาณที่พวกเราสำนักเทียงกังพกติดตัวมาทุกคนลงเดิมพันว่าคุณหนูรองจะชนะ”
ที่กีบเท้าเล็ก ๆ ของชิงฮุ้ยนั้นมีความสามารถอันใด เขายังพอรู้ดีอยู่บ้าง เกรงว่าวันนี้สาวงามผู้หยิ่งยโสจะต้องมาขาดทุนเป็นอย่างมากให้แก่กีบเท้าเล็กนั้นแน่แล้ว
มู่เฉียนซีมองผู้อาวุโสสูงสุดโม่อวี่อย่างสงสัย “ท่านผู้อาวุโส ในเมื่อทั้งสองสำนักนั้นได้ลงเดิมพันแล้ว ตำหนักโม่อวี่ไม่คิดที่จะลงเดิมพันด้วยรึ ?”
ผู้อาวุโสสูงสุดเหลือบมองยาเม็ดเหล่านั้นก็เกิดใจเต้น “เจ้าคิดให้ดีนะ หากข้าจะลงเดิมพัน อย่างไรเสียก็จะไม่ลงว่าเจ้าชนะ”
“ไม่สำคัญหรอก มันสำคัญที่ว่าท่านจะเข้าร่วมหรือไม่ต่างหาก ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างสบาย ๆ ตำหนักโม่อวี่นี้ นอกจากนายน้อยโม่ซางแล้ว ทั้งหมดล้วนแต่ลงเดิมพันทางฝั่งของชิงฮุ้ย
มู่เฉียนซีมองชิงฮุ้ย “นายน้อยโม่ เจ้าจะไม่ลงเดิมพันในครั้งนี้รึ ?”
โม่ซางคงเห็นสหายสนิทของตนกำลังมีท่าทีเหมือนได้ดูสิ่งสนุกบันเทิงใจอยู่และมิได้กังวลใจเลยแม้แต่น้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้มีความประหลาดพิลึกอยู่
ในเมื่อเขารู้ว่ามีหลุมกับดัก แน่นอนว่าเขาคงไม่โง่ที่จะกระโดดเข้าไป
โม่ซางคงตอบ “ข้าไม่สนใจแต่อย่างใด ขออภัย” “เช่นนั้นก็ช่างเถอะ” มู่เฉียนซีนั้นมีความรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็ช่างปะไร
โม่ซางคงนั้นเป็นนายน้อยแห่งตำหนักโม่อวี่ บนตัวเขาเองก็พกสมุนไพรวิญญาณมาด้วยไม่น้อยเลย
ไม่เสียทีที่เขากับโม่จิ่นเป็นสหายสนิทกัน เขามีความคิดความอ่านที่รวดเร็วและเฉียบคม จึงรู้ได้ว่านางกำลังขุดหลุมพรางให้กับคนโง่เง่าเหล่านั้นตกลงไป
โม่จิ่นแสยะยิ้ม นางนั้นคิดที่จะถอนขนห่านทั้งทีต้องถอนให้หมด หลอกคนก็ต้องหลอกให้ถึงที่สุด!
โชคดีที่อาคงมิใช่คนโง่เขลาเหมือนกับคนเหล่านั้น มิเช่นนั้นแล้วคงจะได้ถูกแม่สาวร้ายกาจนี่ต้มจนตาย
ชิงฮุ้ยกล่าวขึ้น “เอาล่ะ รางวัลตอนท้ายการประลองถูกตั้งไว้แล้ว จงอย่าได้มัวชักช้า รีบลงมือเร็วเข้าเถอะ”
ผู้อื่นที่อยู่ ณ ที่นั้นหลบออกไปทั้งหมด เหลือไว้เพียงหาดทรายว่างเปล่าให้พวกนางทั้งสองประลองฝีมือกัน
ทันใดนั้น กลิ่นอายของชิงฮุ้ยพลันเปลี่ยนไป บรรยากาศรอบด้านก็ให้ความรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา
“ถึงแม้ว่าคุณหนูรองจะเป็นเพียงราชาแห่งภูตระดับแปด นางก็เป็นถึงผู้มีพลังภูตธาตุอัคคี แม่นางน้อยผู้นั้นลำบากแน่นอน”
ทางอีกฝั่งหนึ่งมีกลิ่นอายความเยือกเย็นแผ่ซ่านอยู่ ด้วยเพราะเมื่ออยู่ใกล้ทะเล พลังของธาตุวารีพลุ่งพล่านเต็มเปี่ยมเป็นอย่างมาก
ทุกคนในที่นั้นล้วนตะลึงอึ้งตาค้าง “นางเป็นราชาแห่งภูตธาตุวารีระดับเจ็ด!”
ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมสาวน้อยผู้นี้ถึงได้มั่นใจในตนเองนัก ที่แท้พลังความสามารถและพรสวรรค์ของนางนั้นล้วนแต่ไม่น้อยหน้า แต่อย่างไรเสีย ระหว่างนางทั้งสองนั้นก็ห่างชั้นกันหนึ่งขั้น แม่สาวน้อยผู้นี้จะต้องพ่ายแพ้อย่างมิต้องสงสัย
โม่ซางคงเหลือบมองสหายสนิทที่ไร้ซึ่งความกังวลใจ เขากล่าวถามขึ้นด้วยเสียงต่ำ “อาจิ่น ไม่มีปัญหาอันใดจริงหรือ ?”
ชิงฮุ้ยนั้นลงมืออย่างโหดเหี้ยม ถ้าหากว่ามู่เฉียนซีไม่สามารถสู้ได้ เกรงว่าอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต
.