เงาร่างที่ล้มลงกับพื้นนั้นคือฉินปา ในวันนี้ เขาเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ สุดท้ายมีอันต้องเป็นลมล้มลงไปบนพื้นอย่างน่าอนาถ
มู่เฉียนซีรู้ว่าคะแนนของเขาสามารถข้ามผ่านด่านการสอบไปได้ ถึงแม้เขาจะหลับอยู่ที่นี่จนกระทั่งการสอบจบลงก็ตามที แต่ทว่าอันที่จริงแล้ว คะแนนสอบของเขานั้นยังเพิ่มได้อีก เขาสามารถทำให้ดีกว่านี้ได้อีก…
มู่เฉียนซีก้าวเท้ามุ่งหน้าไปทางฉินปา ขณะนั้นเอง หนึ่งในคนเหล่านั้นก็ได้กล่าวขึ้นมา “นายน้อยหวัง นั่นเป็นสาวงามนางหนึ่งนี่นา”
“พรวด! คุณหนูทองพันชั่งของตระกูลไหนกันที่เกิดมางามอย่างนี้ ?”
“แต่ดูนั่นสิ สาวงามดูสูงส่งผู้นี้กลับไปเข้าใกล้เจ้าคนยากคนจนดูธรรมดานั่นงั้นรึ ?!”
มู่เฉียนซีมิเพียงแต่เข้าไปใกล้ฉินปา นางยังบีบไปที่กล้ามเนื้อของเขาเบา ๆ
การต่อสู้นั้นบ้าคลั่งเกินไป แม้แต่กล้ามเนื้อก็ยังจับตัวกันแข็งเป็นก้อน นี่มันคือการเล่นกับความตายอะไรขนาดนั้น มู่เฉียนซีคิดไปละเหี่ยใจไป นางตรวจสอบดูกล้ามเนื้อและสภาพกายของฉินปาเสร็จแล้วก็อดส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้
“ดูสิ สาวงามยังไปแตะต้องตัวเจ้าหมอนั่นอีก สิ่งที่เจ้าหมอนั่นไม่ยากจนขลาดแคลนเลยก็คือกล้ามเนื้อ มันมีอะไรน่าจับนักหนา ?”
นายน้อยหวังรู้สึกอิจฉาจริง ๆ เขาเดินเข้าไปกล่าวว่า “แม่นางคนงาม หากเจ้าต้องการจับกล้ามเนื้อกระชับแข็งแรง มาลองจับของข้าได้นะ ผิวพรรณของข้านั้นดีกว่าเขาตั้งมาก ผิวหนังคนต่ำต้อยเช่นนั้นหยาบกระด้าง ไม่เห็นมีอะไรที่น่าลูบคลำเลย”
สีหน้ามู่เฉียนซีหม่นลง ไอ้เจ้านี่มันใคร ? เป็นโรคจิตหรือไงถึงได้มาเที่ยวบอกให้คนอื่นจับกล้ามเนื้อของตัวเองแบบนี้!
นางนั้นเป็นหมอยาผู้หนึ่งจึงได้ตรวจร่างกายของฉินปาก็เท่านั้น แต่ไอ้เจ้านั่นกลับคิดไปเป็นเช่นนั้นได้
มู่เฉียนซียิ้มบาง ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าพูดจริงรึ ?”
“แน่นอน” นายน้อยหวังดีใจ เขาไม่รอช้า รีบถอดเสื้อตนเองออกทันที
และเมื่อตอนที่นิ้วมือของมู่เฉียนซีเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนที่ใจของนายน้อยหวังกระโดดโลดเต้นเหมือนลิงนั้น เขาพลันรู้สึกคันไปทั่วทั้งตัวขึ้นมา
— ปัง! —
เงาร่างบางสีม่วงหมุนตัวคราหนึ่ง มู่เฉียนซีถีบเขากระเด็นไปติดกำแพง “ไสหัวไปให้พ้น! อย่าได้มาพูดพล่อย ๆ ทำให้ข้าเสียเวลาที่นี่”
นายน้อยหวังที่โดนมู่เฉียนซีถีบเข้าให้อย่างจังมีเลือดกำเดาไหลออกจากจมูก อาการคันบนตัวของเขาทำให้เขาต้องร้องออกมาไม่ต่างจากเด็กทารก ทว่ามู่เฉียนซีไม่สนใจ นางหันไปลงเข็มยาให้กับฉินปาต่อราวกับไม่ได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นเลย
หลังจากที่ยาออกฤทธิ์แล้ว ฉินปาฟื้นขึ้นมา อย่างแรกที่ได้เห็นคือใบหน้างดงามใบหนึ่งกอปรกับแววตาเต็มไปด้วยความยินดี
“พี่ใหญ่มู่!” เขาเอ่ยออกมาเบา ๆ
“อืม เจ้าเป็นไงบ้างล่ะ ?” มู่เฉียนซีถาม
เขาเกาศีรษะตัวเองไปมาก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าทะลวงไปถึงขั้นสี่สิบแปดหลอม ทั้งพลังกายแล้วก็ยาเม็ดล้วนแต่หมดสิ้นไม่มีเหลือ จึงได้กลับไปยังห้องพักผ่อนการฝึกฝน เดิมทีข้าคิดว่าข้าคงหลับไปยันสิ้นสุดการแข่งขัน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าในห้องพักแห่งนี้จะได้พบกับพี่ใหญ่มู่ พี่ใหญ่มู่ ท่านเป็นคนช่วยข้าให้ตื่นขึ้นมาเช่นนั้นหรือ ?” “สี่สิบแปดหลอมรึ ? เป็นไปได้ยังไงกัน ?”
“เจ้าเด็กนั่นขี้โม้ เขาจะทะลวงไปถึงขั้นนั้นได้ยังไง ? บ้าไปแล้ว!”
แม้ทุกคนที่นี่โชคดีพอที่จะก้าวเข้าสู่ชั้นที่สี่ แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถทะลวงไปได้สูงขนาดนั้น
มู่เฉียนซีพยักหน้า “ผลคะแนนไม่เลว ยาเม็ดเหล่านี้เจ้ารับเอาไว้! ชิงทะลวงไปให้ได้สูงกว่าเดิม!
“เอ่อ…” ยาที่มู่เฉียนซีมอบให้เขาไปนั้นมิใช่จำนวนเพียงแค่ไม่กี่ขวด แต่เป็นจำนวนหลายสิบขวด
ฉินปาปฏิเสธทันที “มะ ไม่ พี่ใหญ่มู่ ของเหล่านี้ราคาแพงเกินไป ข้ารับเอาไว้ไม่ได้จริง ๆ”
“ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการสอบเข้า เจ้าเองก็ไม่ได้อยากได้แค่คะแนนระดับธรรมดาทั่วไปมิใช่รึ ?! ยาเม็ดนั้นข้ามีอยู่ไม่ขาด รอจนให้เจ้าได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งของสำนักศึกษาซวนเสียก่อนค่อยคืนให้ข้าก็ได้ ตอนนี้เจ้าจะยังดื้อรั้นอะไรอีก ?”
ฉินปามิใช่ผู้ที่ไม่ฟังเหตุผล มือเขากำหมัดเอาไว้แน่นก่อนจะกล่าวตอบว่า “พี่ใหญ่ ท่านจะเป็นพี่ใหญ่ของข้าไปตลอดกาล อย่าว่าแต่เรื่องคืนยาเม็ดหลังจากนี้เลย รอให้ข้าได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งก่อน เมื่อนั้นหากมีอะไรที่ท่านสามารถใช้งานข้าได้ แม้ต้องตายเป็นหมื่นครั้งข้าก็ไม่ลังเล”
“อืม ถ้าหากว่านั่นเป็นการตัดสินใจของเจ้า แน่นอนว่าข้าไม่ปฏิเสธ ยังไงซะยาเม็ดนี่เจ้ารับไปก่อนเถอะ” มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ฉินปารับยาเม็ดมา ชั่วอึดใจนั้นทำให้ผู้อื่นอิจฉาเสียจนตาแดงก่ำ
เดิมทีพวกนั้นดูแคลนฉินปา แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าสาวงามจะมอบยาเม็ดให้แก่เขามากมาย โชคของฉินปานั้นดีเหลือเกิน
“คัน คันจริง! เจ้าวางพิษข้า เจ้าฝ่าฝืนกฎ ข้าถีบเจ้าออกจากการสอบนี้แน่” นายน้อยหวังผู้นั้นจ้องมู่เฉียนซีตาเขม็ง
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน “กฎการสอบในด่านที่สามไม่ได้บอกเอาไว้ว่าห้ามผู้เข้าร่วมสอบลงมือกับอีกฝ่าย ตอนนี้ข้าจะซัดเจ้าให้สลบหลับไปครึ่งวันแบบที่ไม่สามารถเข้าร่วมการสอบต่อได้ ซึ่งข้าก็ถือว่าไม่ได้ทำผิดกฎนะ เจ้าจะลองดูหรือไม่ล่ะ ?”
“ช้าก่อน ข้าขอเวลานอก… อืม ที่แท้ก็สามารถทำเช่นนี้ได้ ถ้าอย่างนั้น…”
แท้จริงแล้ว ห้องแห่งการพักผ่อนแห่งนี้มิใช่สถานที่ที่ปลอดภัย
แม้จะไม่มีมนุษย์โลหะ แต่ก็มีนักเรียนผู้มาเข้าร่วมการสอบที่เป็นอันตรายเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขานั้นล้วนแต่เป็นคู่แข่ง หากว่ามาจัดการให้ศัตรูพิการหรือสลบไปจากที่นี่ พวกเขาก็จะสามารถลดจำนวนคู่แข่งลงไปได้ไม่น้อย
“ฮ่า ๆ ๆ ข้านั้นเป็นอัจฉริยะ”
“เจ้า… เจ้า… แล้วก็พวกเจ้า มานี่!”
หลังจากปรึกษากันอย่างทุลักทุเลอยู่พักหนึ่ง นายน้อยหวังก็ออกคำสั่งว่า “คนงาม เจ้านั้นได้เตือนใจให้ข้านึกถึงอะไรดี ๆ ออกอย่างหนึ่ง เจ้าเอายาแก้พิษออกมาเสียแต่โดยดีเถอะ เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะอ่อนโยนต่อเจ้าบ้างเล็กน้อย มิเช่นนั้น…”
มู่เฉียนซีเบะปาก “อะไร อยากจะได้ยาแก้พิษ ไม่มีทาง! เจ้าจงคันต่อไปเหอะ” “เฮ้ย! จัดการฟาดขาไอ้เจ้านั่นให้หัก ส่วนแม่นางคนนี้ เอายานั่นยัดปากนางเสีย”
เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้คิดที่จะเอาคนหมู่มากมารังแกคนหมู่น้อย
ส่วนคนอื่นที่อยู่ในห้องแห่งนี้นั้นก็ไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว พวกเขามาที่นี่เพื่อพักผ่อน ไม่ต้องการเปลืองแรงกับการต่อสู้ไร้ประโยชน์
คนของนายน้อยหวังจำนวนหลายสิบคนพุ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับมู่เฉียนซีและฉินปา พวกเขานั้นคิดว่าทั้งสองจะไม่สามารถต่อกรกลับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉินปา เมื่อตอนที่เขาเข้ามาในห้องนี้ในตอนแรก พลังวิญญาณของเขาถูกใช้ไปจนหมดเกลี้ยงเป็นที่เรียบร้อยถึงได้สลบไปในทันทีแบบนั้น และตอนนี้ คาดว่าเขาคงเหลือพลังชีวิตอีกแค่เพียงไม่เท่าไร
มู่เฉียนซีจนปัญญา “นี่เป็นครั้งแรกที่เจอคนรนหาที่ตายเช่นเจ้า โง่จริง ๆ”
ทุกคนล้วนแต่เป็นผู้มาสอบ เมื่อผ่านการสอบต่าง ๆ มาได้จนถึงจุดนี้ก็นับว่าไม่ง่าย นางเพียงแค่ใช้ผงยาที่ทำให้เขาคันเพียงเล็กน้อยเพื่อตักเตือนเท่านั้น แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามดันอยากที่จะมาสู้เพื่อรนหาที่ตายอีก
สายตาของฉินปาเปลี่ยนกลายเป็นเย็นยะเยือก คนเหล่านี้มิเพียงแต่คิดจะทำให้เขาพิการ แต่ยังบังอาจคิดลงมือกับพี่ใหญ่มู่
รนหาที่ตายดีแท้!
ฉินปา “พี่ใหญ่มู่ ไอ้พวกเศษสวะพวกนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ ท่านพักผ่อนให้สบายดีกว่า”
ไม่นานนัก ร่างของฉินปาพลันพุ่งออกไปรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ พลังลมปราณของระดับมหาจักรพรรดิถูกปล่อยออกมา ทำให้สีหน้าของคนเหล่านั้นเปลี่ยนไป “มหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่ง อีกอย่าง พลังลมปราณก็สมดุลมาก เห็นได้ชัดเลยว่าเขามิใช่ผู้ที่เพิ่งเป็นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ได้ไม่นาน”
“พลังลมปราณรึ ?! ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีพลังเหลือแล้วหรือไง ? ทำไมถึงได้ฟื้นฟูไวเช่นนั้น ?”
“ข้าก็ไม่อาจทราบได้…”
ทันทีที่ฉินปาลงมือ พวกนั้นตกใจกลัวหัวหดเลยทีเดียว
— ปัง! ปัง! ปัง! — “อ๊ากกกก!”
ไม่จำเป็นต้องให้มู่เฉียนซีโจมตี พวกนั้นถูกซัดเสียจนไม่เหลือทรง
“อ๊าก! ไว้ชีวิตด้วย! ไว้ชีวิตเถอะ! พวกเรารู้ผิดแล้ว”
“ขอให้พวกเจ้าจงเห็นแก่การที่พวกเราล้วนแต่เป็นผู้เข้าร่วมสอบแล้วปล่อยพวกเราไปด้วยเถอะ”
ฉินปาแค่นเสียงเย็นชา “เหอะ! ทีอย่างนี้ล่ะมาขอให้ปล่อย ก่อนหน้านี้ที่เจ้าลงมือกับข้า พวกเจ้าไม่ได้คิดเช่นนี้หนิ” “เอาล่ะ ๆ เรื่องต่อจากนี้ไปปล่อยให้ข้าเป็นคนจัดการเองเถอะ” มู่เฉียนซีกล่าว ก่อนจะมองหน้านายน้อยหวังผู้นั้นแล้วกล่าวต่อ “ใช่แล้ว เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะให้ข้ากินยาอะไรนะ ?”
“เป็นยาเม็ด ยาเม็ดชั้นดีที่เอาไว้ฟื้นฟูพลังวิญญาณ ราคาของมันเทียบเท่าได้กับทองพันชั่งเลยเชียว!”
“ที่เจ้าพูดนั่นจริงรึ ?”
“เป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน ไหนเลยข้าจะโกหกเจ้าเล่าแม่นางคนงาม”
“อ้อ งั้นก็เห็นแก่น้ำใจที่เจ้าใจดี ข้าเองก็จะมอบยาเม็ดให้พวกเจ้าสักหน่อยแล้วกัน”
นายน้อยหวังตะลึงงัน นั่นต้องไม่ใช่ยาเม็ดที่ดีแน่นอน เขากล่าวอย่างเศร้าสลด “ข้า… ข้านั้นเป็นถึงนายน้อยแห่งสำนักจวี้เจียน (สำนักกระบี่ยักษ์) สำนักนิกายระดับหนึ่ง เจ้าจะวางยาพิษทำร้ายข้าไม่ได้”
แม้ว่าชื่อของสำนักนิกายระดับหนึ่งนี้จะมิได้น่าเกรงขามเหมือนกับที่ผ่านมาเช่นสำนักอวิ๋นเยียนแห่งทวีปเซี่ยโจว แต่ก็นับได้ว่าเป็นกลุ่มกำลังที่มีอำนาจแห่งหนึ่งในทวีปเสียโจว และมิใช่ที่ที่ใครก็จะกล้าไปล่วงเกินได้